การร่วมรักคือส่วนขยายของการจูบ เธอไม่รู้จริงๆหรือ

.

ความรู้สึกเชื่อมั่นในตัวเองที่ได้นำทางคุณไปไกลจากเส้นทางกลับบ้านมากขึ้นทุกที

.

นั่นก็คงด้วยเพราะว่า
ความมีชีวิตชีวาและหมดจดสดใหม่
ได้กลายเป็นพาหนะแห่งความว่างเปล่าที่ถูกทิ้งไว้กลางทางระหว่างการเติบโต

.

โต๊ะกลางที่ครั้งหนึ่ง
เคยทำให้คนหันหน้าเข้าหากัน
ไม่เพียงแต่รักษารสชาติที่สมบูรณ์แบบของน้ำแกงที่เผ็ดร้อนเอาไว้
แต่ยังรวมถึงการรอคอย
ที่ยังหมายถึง
ชิ้นส่วนที่เคยขาดหายไปอีกด้วย

.

แล้วที่คุณเพิกเฉยเย็นชาสามารถนับว่าเป็นความรุนแรงอีกชนิดหนึ่งได้หรือไม่
จะตอบอะไรก็ช่าง
แต่รอยยิ้มแบบนั้น มันช่างเลือดเย็น

.

ถ้ามิใช่เพราะรักษาความมุ่งมาดปรารถนาที่ไม่เคยเปลี่ยนแปลงเอาไว้
ชีวิตนี้คงมิได้กลับมาเจอกันอีก

.

ตอนที่เริ่มต้นรู้จักคุณอย่างจริงจังก็ยังไม่เข้าใจความรัก
ส่วนตอนที่สูญเสียเธอไปก็ยังไม่เข้าใจเหตุผลของโชคชะตา

.

อยากรู้สึกแบบนั้น มีความสุขแบบนั้น เจ็บปวดแบบนั้น แม้ว่าจะยัง ไม่สามารถเข้าใจความรู้สึกที่ซับซ้อนและแท้จริงเสียยิ่งกว่าความปรารถนาที่ยังไม่รู้จักตัวตนของมันเองเลยก็ตาม

.

ความรู้สึกอดทนอดกลั้น
สำหรับเรื่องแบบที่ เธอพูด แล้วก็เงียบไป
เกือบจะเป็นไปไม่ได้เลย
สำหรับคนที่รู้จัก
เพียงแต่
การกำหมัดแน่นไว้อย่างไม่ยอมเปลี่ยนแปลง
เป็นไปได้ด้วยหรือ
ไม่อยากจะเชื่อเลย เธออุทานออกมา
ตั้งแต่เมื่อไร
ที่คุณ
ค่อยๆกลายเป็นผู้ให้
โดยที่
ไม่ทำให้อีกฝ่าย
รู้สึกผิด
ว่าติดค้างอะไรกับคุณ

อย่าหลงตัวเองไปนักเลย เธอพูด
คุณเอง ก็ไม่ได้พิเศษไปกว่าคนอื่นอย่างที่คุณเข้าใจ

.

ต้องสูญเสียส่วนหนึ่ง เพื่อรักษาอีกส่วนหนึ่งไว้
โลกใบนี้ หากไม่เติบโตขึ้น ก็ต้องแลกกับวันเวลาที่ผ่านไปโดยสูญเปล่า

.

เป็นไปได้อย่างไร
คุณยิ้มและพึงพอใจให้กับความพ่ายแพ้ของตัวเอง
มีอย่างที่ไหนกัน
คุณเป็น ‘พวกแพ้ไม่เป็น ‘ และเป็น ‘จอมยืนหยัด 100 %'

.

เมื่อได้รับแต่โอกาส
สิ่งต่างๆจึงดูเหมือนไร้ค่า
เธอจึงไม่จำเป็นต้องอดทนต่อสิ่งใด
กรีดร้องอย่างง่ายๆ
ตระหนกอย่างง่ายๆ
ยอมเป็นลูกนกกระปลกกระเปลี้ยของชายหนุ่มผู้มีจิตใจอ่อนไหวแต่ตื้นเขินสักคนหนึ่ง
ใช้เล่ห์กลแห่งจริตมารยาสักส่วนเสี้ยวหนึ่ง
รำคาญก็แต่ผู้คนมากมาย
เฝ้ามาคุกเข่าอ้อนวอนขอร้องเธอ
ไม่ยาก
เธอก็ตระหนักซึ้งในความจริงข้อนี้
แดดในฤดูหนาวดูอุ่นกว่าความเป็นจริงเสมอ
ความเหงาทำให้คนเราเข้าใจความปรารถนาผิดๆว่าเป็นความรัก
แต่นั่นก็ด้วยว่าเธอ
ยังไม่เคยตระหนักต่อสิ่งจริงแท้จริงๆเลยสักสิ่งเดียว
น่าเสียดาย
เมื่อได้รับแต่โอกาสมากไป
เธอก็คอยแต่จะปฎิเสธมัน
การพูดว่าไม่
ได้กลายเป็นชัยชนะส่วนตัวเล็กๆน้อยๆ
ที่ทำให้เธอเข้าใจตัวเองมากกว่าที่จะพยายามเข้าใจใคร
โลกอาจกว้าง แต่เธอกลับเห็นทุกสิ่งอย่างง่ายดายเหมือนแค่พลิกฝ่ามือ

.

ถูกแล้ว ในที่สุดเราก็มาถึง
ตอนนี้ เวลานี้
อุโมงค์แห่งกาลเวลาอันแสนไกล
ไม่น่าเชื่อ เราจะผ่านพ้น
พื้นผิวแห่งกาลเวลาอันขรุขระและหยาบระคายเหล่านั้นมาได้
อนาคตซึ่งเคยเป็นสถานที่อันห่างไกล
กลับมาอยู่บนฝีเท้าที่กำลังมุ่งไปข้างหน้าในขณะนี้ได้เสีย

.

  • แทรกด้วยหน้ากระดาษดำทั้งแผ่น -

0.1

คุณก้มหน้าลงและพูดเบาๆ ถ้ามันทำให้หัวใจเต้นได้ ก็ไม่มีสิทธิ์ที่จะปฏิเสธเธอ
คำพูดที่ทั้งจองหองและมั่นใจในแบบที่เป็นคุณหนึ่งร้อยเปอร์เซนต์

.

ใกล้เกินไป
พบว่ามันไม่ง่ายเลย
ที่คุณบอกว่า
ให้ทำตัวตามสบาย
ห่างกันเกินไป
จนไม่อาจเรียกได้ว่า
ยังมีความหวัง
เดี๋ยวก็ดึงฉันเข้าไปใกล้
จนรู้สึกได้ถึงลมหายใจอุ่นๆของคุณ
เดี๋ยวก็ผลักออก
เหมือนแม่เหล็กหมดสิ้นเรี่ยวแรง
จะเอาอย่างไรกันแน่
ไม่สามารถเข้าใจตัวเอง
จะเอาอย่างไรกันแน่
ไม่สามารถเข้าใจคุณ

.

ทีละเล็ก ทีละน้อย
ที่เธอค่อยๆปล่อยตัวปล่อยใจไปกับ
ความสุขที่ฉาบเคลือบไว้ด้วยความหอมหวานที่อันตราย

.

เกมที่ถูกทำให้เชื่อว่า
เธอไม่ใช่ผู้เล่น
และถูกทำให้เชื่อว่า เธอไม่ได้ถูกควบคุม เมื่อหลุดพ้นไปจากความเข้าใจพื้นฐานของเธอ

.

คิดถึงเธอ
คนที่รู้จักแต่ไม่เคยพบกันมาก่อน
ถูกแล้ว ฉันควรสารภาพออกไป ความกล้าหาญที่ไม่เคยมาถึงได้ทันเวลาสักที
ไม่อาจทะลุออกไป
ความเชื่อมั่นและเรี่ยวแรงแห่งศรัทธา ที่เป็นเพียงตัวอ่อนและดักแด้ ท่ามกลางฤดูหนาวที่ยาวนาน

.

แรงสนับสนุน
ที่อาจพูดได้ว่า
โดยใครสักคนหนึ่งซึ่งเชื่อมั่นอยู่อย่างลึกๆว่า
ความเป็นตัวของตัวเอง(ของคุณ)
คือสิ่งหนึ่งซึ่งสำคัญมากพอ
อยากจะขอขอบคุณเหลือเกิน
ที่คิดถึงฉันในแบบที่ฉันเป็น

.

เส้นผมที่มีกลิ่นของบ้านซึ่งคนเร่ร่อนอย่างฉันไม่มีวันเข้าใจ

.

ไม่มีใครเคยเข้าใกล้คุณได้มากกว่านี้เลย เธอว่า คนที่ลึกๆแล้ว โดดเดี่ยวที่สุด เปลี่ยวเหงาที่สุด กลับเป็นคนที่มีอัธยาศัยใจคอดีอย่างร้ายกาจ จนเธอเกือบจะไม่สามารถเข้าใจ

.

คุณก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไม
การจากลา สำหรับคุณแล้ว จึงกลายเป็นเรื่องที่ยากเย็นมากขึ้นทุกที

.

เสียกเรียกจากส่วนลึกที่เธอรู้สึกไม่ไว้วางใจ แต่ไม่อยากยอมแพ้

.

ถ้าจะพูดว่าคุณมีความสุข แต่ทั้งหมดนี้ก็โหดร้ายมาก
ถ้าจะพูดว่าคุณโชคร้าย แต่สุดท้ายคุณก็เคยครอบครองเธอ และได้รับการสนับสนุนอยู่อย่างลับๆ ตลอดมา

.

คุณเองมิใช่หรือที่เคยกล่าวว่า “ เมื่อกระหาย จงดื่มมันขณะที่กำลังร้อน “
และฉันเองที่จ้องตาเขม็งและย้อนถามกลับไปว่า “ เธอกำลังหมายถึง “
คุณตอบ “ ชีวิต “

.

เห็นได้ชัดว่า
มันหลงใหลในตัวคุณ
และแสดงออกด้วยแง่มุมหนึ่ง
ซึ่งคุณอาจไม่เข้าใจ
ผิวขาว
และนิ้วบอบบาง
ระเบียบวิธี
ซึ่งคุณกำลังจัดการกับ
มวยผมซึ่งหนาและหนักของคุณ

.

คุณถามผมว่าทำอะไรได้บ้าง
ผมบอก
จูบปากที่ตะโกนของคุณ

.

เห็นได้ชัดว่าเธอหลงใหลในตัวเอง

และความรักที่เธอตกเป็นฝ่ายตั้งรับเป็นอย่างเดียว
ได้สร้างความพึงพอใจในคุณค่าบางอย่างที่เธอไม่อาจสร้างมันขึ้นมาด้วยตัวเองโดยลำพัง

เห็นได้ชัดว่าเธอโหยหาความพึงพอใจ
ยินดีสำหรับทุกอย่างที่จะกลายเป็นบทพิสูจน์ว่าเธอนั้นสำคัญมากเพียงพอ

  • แทรกด้วยกระดาษดำทั้งแผ่น -

0.2

เชื่อเถอะว่า จะต้องเป็นคุณ
รู้สึกเจ็บ แต่ไม่ได้เจ็บจากการล่วงล้ำเข้ามาของคุณเลยแม้แต่นิดเดียว
เชื่อเถอะ
หลังการแก้แค้นและต่อต้านโลกทั้งใบ
คุณก็ยังโดดเดี่ยวเหมือนเดิมอยู่ดี
ไม่มีสิ่งใดเปลี่ยนไป
ไม่มีสิ่งใดไถ่ถอนตัวคุณ
บรรดาสิ่งที่ติดค้างเหล่านั้น
คงมีอย่างเดียวที่ฉันอยากได้กลับคืน

.

แน่นอน
 แม้จะพูดไม่ได้ว่า
ส่วนที่ก้ำกึ่งก้ำกลางระหว่างความรู้สึกที่ว้าวุ่นใจเหล่านั้นคืออะไรกันแน่

แต่ฉันก็อยากเข้าใจ

.

การปลดกระดุมอีกเม็ดไม่ใช่เรื่องยาก
แต่กับการที่ฉันคงค้างการกระทำเหล่านั้นไว้ครึ่งหนึ่ง
กลับเป็นเรื่องราวที่สร้างความวุ่นวายหนักใจให้กับเธอ
มากกว่าที่เธอจะคาดไปถึงเสียอีก

.

การร่วมรักเป็นส่วนขยายของการจูบ นี่เธอไม่รู้จริงๆน่ะหรือ

.

เป็นไปได้ว่า ภาพลวงตาเหล่านั้น มีลักษณะที่สมจริง ส่วนเธอเองถูกทำให้เชื่อในราคาที่ต้องจ่ายออกไป
เป็นไปได้อีกด้วยว่า ตัวตนในอีกรูปแบบหนึ่ง ซึ่งกำลังสวมทับเธออยู่นั้น ไม่สามารถทำให้เธอรู้สึกแปลกปลอม
ระหว่างเงาร่างที่แท้จริงของเธอ กับภาพวาดอันสูงส่งของผู้ที่เทิดทูนรักไว้เหนือสิ่งอื่นใด

.

ฉันเคยเห็นความฝัน
ต้องคำสาป
เคยเห็นความปรารถนาที่ไร้สุ้มเสียง
เคยรู้จักความรัก
ทว่าไม่เคยรู้จักเธอ

คุณรู้จักการจูบ
แต่พูดไม่ได้ว่า
รู้จักความรัก
หากไม่รู้จัก
ซอกมุมเร้นลับแห่งเธอ

คุณมุ่งมั่นทำความเข้าใจกับอะไรสักอย่างหนึ่ง
แต่ไม่อาจถ่องแท้เท่ากับมัน
จึงไม่อาจลืมเลือน

ฉันวาดกำแพงไร้สี
ก่อสร้างเจดีย์ขึ้นจากทราย
แต่ไม่อาจเขียนเธอ

คุณมุ่งมั่นทำความเข้าใจกับอะไรสักอย่างหนึ่ง
แต่ไม่อาจถ่องแท้เท่ากับมัน
จึงไม่อาจลืมเลือน

ทำไมต้องเป็นฉันในฝันต้องคำสาป
มีความปรารถนาที่ไร้เสียง
รู้จักการจูบ
แต่ไม่อาจถ่องแท้เท่ากับมัน

ไม่อยากเข้าใจ
ไม่จำเป็น

.

  • แทรกด้วยกระดาษดำทั้งแผ่น -

0.3

เปล่า น้ำเสียงที่มีนัยของความก้าวร้าว
ไม่ การปฏิเสธที่ยังไม่แน่นักว่า
จะมีความหมายอย่างที่เธอต้องการสื่อสารออกไปจริงๆไม่
บางทีคนเราก็ชอบเล่นละครเป็นเด็กไร้เดียงสาไม่เข้าใจความหมายของการอยู่ด้วยกันโดยลำพัง

.

เสียงคุณเหมือนนางในวรรณคดี
ขนตาปลอมดูเข้ากันดีกับตลับแป้ง
ลูกสนแห้งคงเพราะแดดหนาว
แตกกวางสีหวานแต่มีรสเปรี้ยว
คุณชอบดูดวงอาทิตย์
ดวงอาทิตย์ก็ชอบดูคุณ

.

ผมแค่อยากได้ยินเสียงตอบที่ดังมาจากสัญชาตญาณของคุณ
ไม่ใช่เหตุผลที่ทบทวนไตร่ตรอง
ซ้ำแล้วซ้ำเล่า
ภายใต้วันเวลา
ที่มีดวงอาทิตย์ก็ย่อมมีพระจันทร์

คุณทำลายผมไม่ได้หรอก
นอกเสียจาก คุณปรารถนาที่จะทำร้ายหัวใจตัวเอง
เสียงที่คุณถามว่า ฉันไปเอาความมั่นใจแบบนั้นมาจากไหน ยังดังก้องอยู่ข้างในหัวใจที่เปราะบาง
แม้ว่าไม่มีคุณ
แต่ก็ยังมี ดวงอาทิตย์และพระจันทร์ดวงเดิม

ผมแค่อยากได้ยินเสียงตอบที่ดังมาจากสัญชาตญาณของคุณ
ที่ๆมีดวงอาทิตย์และพระจันทร์
ที่ๆมีความมืดมิดและสว่างไสว
อบอุ่นและเหน็บหนาว
ช่วงเวลาที่ความคิดซึ่งเพ้อฝันเกี่ยวกับตัวคุณ
คือความพยายามที่สูญเปล่าของการอธิบายที่ไร้ค่าครั้งหนึ่ง
ทำความเข้าใจผ่านการลูบไล้เปะปะไปบนเนื้อหนัง
ที่คุณยังไม่เข้าใจมันดีมากพอเลยด้วยซ้ำไป

ผมแค่อยากได้ยินเสียงตอบที่ดังมาจากสัญชาตญาณของคุณ
ที่ๆมีดวงอาทิตย์และพระจันทร์
ที่ๆมีความมืดมิดและสว่างไสว
อบอุ่นและเหน็บหนาว
ช่วงเวลาที่ความคิดซึ่งเพ้อฝันเกี่ยวกับตัวคุณ
คือความพยายามที่สูญเปล่าของการอธิบายที่ไร้ค่าครั้งหนึ่ง

.

ฉับพลันหัวใจของคุณก็อุ่นและเอ่อท้นไปด้วย
เสียงหัวเราะและการร่ำไห้ที่ยังไม่เข้าใจด้วยซ้ำว่าทำไม

ไม่แตกต่างจากที่คุณเคยพูดไว้ ไม่แม้แต่นิดเดียว
เมื่อไม่สามารถทำความเข้าใจ
ก็ไม่สามารถก้าวเดินต่อไปได้อย่างที่ใจต้องการ

.

หวังว่าสิ่งที่สัมผัสไม่ได้ในรูปแบบที่ไม่อาจคาดเดาเหล่านี้
จะเกิดขึ้นอีกครั้งนึง
หวังว่าจะเป็นคุณ
หวังว่าจะมิใช่ความผิดหวังซึ่งห่อกระดาษที่มีสีสันสวยงาม
คลื่นเล็กๆของสิ่งที่ทั้งสูงส่งและต่ำช้าในความเป็นคนของเรา

.

ถ้ารอยยิ้มคือร่องรอยและหลักฐานของกำแพงและการพังทลายลงของความรู้สึกแปลกหน้าที่เราเคยมีต่อกัน
ข้างในนั้นก็คงบรรจุอยู่ด้วยแมกไม้ร่มครึ้มและกลิ่นหอมของดอกไม้นานาพันธ์

.

คำที่อยากได้ยิน เมื่อไม่อยู่ให้ได้ยินแล้ว
จะมีความหมายอะไร
ทุกครั้งที่มีความว้าวุ่นยากอธิบาย
คือเธอใช่ไหม
ที่มาทันเวลาทุกที

.

บางที คำพูดติดตลกที่คุณชอบพูดบ่อยๆก็มีส่วนจริงอยู่บ้างเหมือนกัน
ชีวิตคนเรานั้น จะว่าขมขื่นก็ไม่ใช่
จะว่าไม่ใช่ชีวิตก็ไม่ใช่
และถึงจะใช่ หรือถึงจะไม่ใช่
คุณค่าหนึ่งเดียวที่เราต่างมีและยึดถือก็คือ ชดใช้และตอบแทน
ชดใช้ชีวิตที่ไม่ได้รักมัน ตอบแทนชีวิตที่ไม่เคยเห็นคุณค่าของคุณ

.

  • แทรกด้วยกระดาษดำทั้งแผ่น -

0.4

สึกหรอ และก็ร้าวราน
แห้งแล้ง และก็ร่วงโรย
เวิ้งว้าง และก็ว้าเหว่เกินไป
กว้างขวางเกินไป เงียบและก็เศร้ามากเกินไป
แสงที่ถักทอขึ้นจาก
สีเทาของดวงจันทร์
ไม่มีคุณ
ดวงหน้าซึ่งผ่านไปและผ่านมา
แต่ทว่า
ไร้ซึ่งเวลาและความทรงจำ

.

เป็นไปได้ด้วยว่า บาดแผลสำหรับเธอในเวลานั้น คงมีความหมายเป็นแค่เพียง เครื่องประดับอย่างหนึ่งสำหรับคนที่ไร้ประสบการณ์

.

จริงหรือที่ว่า
ชีวิตเป็นของคนๆเดียว
ชีวิตที่เปราะบางและขี้ขลาดแบบไหนกัน

เฝ้าแต่นึกถึงความเป็นตัวของตัวเองจนไม่นึกถึงความเป็นคนของคนอื่น

คุณจะพูดได้อย่างไรว่าคุณมีชีวิตที่เป็นตัวของคุณเอง

.

การตัดสินใจซึ่งครั้งหนึ่งคุณเคยเชื่ออยู่อย่างลึกซึ้งว่า เต็มไปด้วยความรอบคอบและรัดกุมอย่างที่มันควรจะเป็น
บัดนี้ กลับกลายเป็นเพียงผลลัพธ์ที่เบ็ดเสร็จเด็ดขาด ของแนวคิดที่ต้องการจะควบคุมคนอย่างคุณไว้อีกที

.

ตลอดมา
มันอาจคือคุณ
ผู้เร่ร่อนเซซังไปในความเดียวดาย
ตลอดไป
มันอาจคือฉัน
คนกลุ่มจำพวกที่
ทึกทักเอาว่า
ตนเองนั้นจะไม่ถือโทษโกรธเคืองใดๆกับคุณได้อีก
เอาเข้าจริง ตัวฉันเอง ก็ไม่เคยลงร่องลงรอยกับความความจริงเท็จใดๆได้เลยสักอย่างเดียว
พูดให้ถูก
บางที ตัวฉันเองนั้น
ก็รู้สึกเหมือนกับว่า
ฉันไม่สามารถผลักดันตัวเองได้อีกต่อไป
หรือเป็นแสงเงาให้กับทุกๆด้านของชีวิตของตัวเอง
ชีวิตด้านนอกที่มีแต่มืดคล้ำลงทุกที
ฉันสูญเสียคุณค่าบางอย่างไปในนั้น
จากสิ่งที่ฉันเคยละเลย
หรือจงใจงดเว้นอย่างช่ำชอง
และชีวิตพร่ำบอกกับฉันว่า
ฉันไม่เคยฟังมัน
เสียงของคนนอกรีตที่ผลักดันความโกรธจากการสูญเสียจนกระทั่งไม่สามารถแตกร้าวได้อีกต่อไป
ฉันทำได้ก็เพียงแต่จดจ้องมองย้อนกลับเข้าไป
(ยืนนิ่งไม่ไหวติง หรือไม่อาจก้าวล้ำข้ามผ่าน)
(หรือไม่อาจหันหลังจากลา)
ในสิ่งที่ฉันทำได้ก็เพียงแต่ชื่นชม
และในบางครั้ง ฉันก็บอกกับตัวเองว่า ฉันควรจะพอใจแค่นั้นเอง
ฉันบอกกับตัวเองเสมอมาว่า
ชีวิตมักมีบางสิ่งที่ขาดไป
แต่เมื่อคุณได้มันมา
คุณก็พร้อมจะถูกผลักดันอย่างรุนแรงจากอะไรสักอย่างเพื่อย้อนกลับไปสู่ความสาปสูญและสูญเสียมันอีกครั้งและอีกครั้งนึง
และจะเป็นเช่นนั้นตลอดไป นั่นก็เพราะอาจเป็นความไม่แน่ใจลึกๆต่อภาพฝันที่สุขสมบูรณ์
หรือไม่ชีวิตก็อาจต้องการแยกฉันออกมา
หรือบางทีมันอาจไม่ต้องการให้ฉันปรากฏอยู่ตรงนั้นอีกต่อไป
ชีวิตที่มันรักฉัน เกลียดฉัน และฉันที่หลงรักมัน เกลียดมัน
เหมือนฉันที่รักคุณแต่ไม่เคยตกหลุมรักใคร

.

เรี่ยวแรงซึ่งกำลังผลักดันคุณอยู่นี้
คือสิ่งที่เรียกว่า "ความดื้อดึง

  • แทรกด้วยกระดาษดำทั้งแผ่น -

0.5

เธอขอให้ฉันทำในสิ่งที่น่าละอาย ขอให้ละเว้นจากความรู้สึกถูกผิดดีชั่ว
ไม่อยากให้ฉันรู้สึกจริงๆหรือว่า คุณมีอยู่จริง
ไม่อยากให้ฉันรู้สึกจริงๆหรือว่า คุณไม่ใช่นามธรรม

.

คิดอีกที และโดยอาศัย ความไม่เท่าทันตัวเองของผู้พูด แบบเดียวกับ ท่าทีของโลกหลังสมัยใหม่ ซึ่งอาศัยความไม่เท่าทันตัวเองของผู้เขียน (สิ่งที่ไม่ได้ตั้งใจสื่อสารออกมา แต่กลับสื่อสารมันออกมา) ท่าทีซึ่งดูเข้าถึงยากและถูกยกระดับให้สูงส่งขึ้นไปอีกนี้ คือท่าทีเดียวกันกับ วาระอันศักดิสิทธิจริงจังชวนคลื่นเหียนของผู้เล่าเรื่องด้วยอย่างไม่ต่างกัน

.

สำหรับเธอแล้ว
เป็นเรื่องยากที่จะยอมรับว่า
แรงกระตุ้นที่มีต่อความเจ็บปวด
อันยากจะทานทนนั้น
แท้แล้ว
ก็สร้างขึ้นจาก
เงื่อนไขสมมุติที่ปราศจากตัวแสดง

.

ในตู้โชว์ของพิพิธภัณฑ์ ฟอสซิลของคุณ
เป็นเพียงผลลัพธ์จากการจ้องมอง
เด็กผู้ชายที่ไม่เคยเติบโตและกลายเป็นผู้ชายเต็มวัยเลยแม้สักครั้งเดียว

  • แทรกด้วยกระดาษดำทั้งแผ่น -

บทกวีที่ดี คือการปฏิเสธ ถ้ามันอยากเล่า เรื่องเล่าในจังหวะจะโคนของมันจะกลายเป็นอมตะ แต่ความเป็นอมตะ ไม่รู้จักความล้มเหลว
ฉะนั้นคุณค่าของคำถามที่มีต่อความสมบูรณ์แบบ จึงไร้จุดบกพร่อง (แต่ก็อย่างที่บอก สิ่งที่ผมเอ่ยกับคุณ ไม่ได้หมายความตามที่พูด เช่นกัน บทกวี ก็ไม่ได้หมายความตามที่เขียน)
บทกวีที่ดี คือการปฏิเสธ ถ้ามันบอกเล่า มันจะบอกเล่าด้วยประโยคที่ไม่เป็นรูปประโยค
ถ้ามันตั้งคำถาม เราจะผิดหวังที่ แม้แต่อุดมคติสูงสุดของมัน ยังตกอยู่ในห้วงอันตราย
บทกวีที่ดี คือการปฏิเสธ ถ้ามันเป็นแนวคิด
มันก็เป็นแนวคิดที่
หมกมุ่นอยู่กับการทำให้ความสามารถอันโดดเด่นของตัวเอง
เป็นเรื่องที่ไม่สลักสำคัญ
ถ้ามันเป็นความเชื่อ มันก็เป็นความเชื่อที่
เรียกร้องต้องการ มากเสียยิ่งกว่า สิ่งที่มันได้นำเสนอออกไป

.

มันคือประโยคที่ต่อเนื่องมาจากหนังสือเล่มที่แล้ว
ประโยคที่ยังเขียนไม่จบ
และยังไม่ถูกเขียน
ไวยากรณ์
และวิศวกรรมของข้อตกลง
การอ่านที่ทำให้คุณรู้สึกโง่ มีหนามขึ้นอยู่รอบๆหัว
พลิกตัวกลับไปกลับมา ทบทวนเรื่องราวมากมายของพวกเราตลอดช่วงฤดูร้อน
แววตาที่ทั้งเปราะบางและเย้ยหยันไยไพเหล่านั้น คืออะไรกันแน่
ไม่มีเหตุผลที่จะรัก แต่ผมกลับกอดคุณไว้อย่างละเอียดอ่อน
ลูกสน
พบตัวเองใต้ต้นสน
ผมพบตัวเอง
ข้างๆคุณ
คุณที่เปียกชื้นบนแผ่นแก้มนั้นละเอียดอ่อน
ความเงียบอำมหิตแบบเดียวกับที่มันหยาบคาย
มันคือประโยคที่ต่อเนื่องมาจากหนังสือเล่มที่แล้ว
ประโยคที่ยังเขียนไม่จบ
และยังไม่ถูกเขียน
ก่อนที่จะล้นออกมา
เสียงตะโกน
ซึ่งสะสมพลังอยู่ข้างใน
หน้าอกเล็กๆของคุณ

.

แค่คุณชอบสีแดง ก็แปลว่า ต้องมีสีใดสักสีที่คุณไม่ชอบ แม้ว่าคุณจะไม่พูดมันออกมาก็ตาม
แค่คุณพูดว่า ตัวเองไม่ใช่คนแบบนั้น ทำนองนั้น (จะแบบไหน-ทำนองไหนก็ได้) แต่ก็หมายความด้วยว่า มีความเป็นคนอีกแบบ ที่คุณรู้สึกว่า 'ใช่' และ อีกแบบที่คุณรู้สึกว่า 'ไม่ใช่'
คุณไม่ชอบที่โลกใบนี้เต็มไปด้วยการเปรียบเทียบ แต่อีกสักประเดี๋ยวหรือชั่วอึดใจเดียว คุณก็หลวมตัวเปรียบเทียบสิ่งใดสิ่งหนึ่งเข้ากับคุณค่าใดคุณค่าหนึ่งจนได้
คุณพูดว่า 'ไม่' แต่ความหมายของมันกลับกลายเป็น 'ใช่'
' ใช่ ' ที่หมายความว่า ' ไม่ ' คุณพึมพำคล้ายคนใจลอยอยู่ครู่หนึ่ง ผมบอกว่า จะแบบไหน ทำนองไหนก็ได้ แต่ก็หมายความอีกด้วยว่า
แค่คุณชอบสีแดง ก็ต้องแปลว่า มีสีใดสักสีหนึ่งที่คุณไม่ชอบ แม้ว่าคุณจะไม่พูดมันออกมาเลยก็ตาม (แอปเปิ้ลที่คละคล้ำเข้มอ่อนเหมือนๆกันไปทั้งหมด มะม่วงที่ เมื่อถึงคราวสุกและเหมือนๆกันไปทั้งหมด)

  • แทรกด้วยกระดาษดำทั้งแผ่น -

0.1

ในครึ่งแรกของความทรงจำ ล้วนแล้วแต่เป็น เรื่องราวที่ต่อเนื่องเรียบง่าย
ไร้บาดแผล และความเห็นแก่ตัว

.

น้ำเสียงแบบที่แสดงถึงความเคารพและภาคภูมิใจในตัวเองอย่างยิ่งนั้น
ดูช่างเจรจา
เมื่อเราอยู่ใกล้กัน
อะไรคือความสูงส่ง
ห่างเหิน
หลุดลอยจากความธรรมดาสามัญดาษดื่นเท่าที่โลกใบเล็กๆ ใบนี้เคยมี
ถ้าไม่ใช่คุณ
ก่อนที่เราจะรู้จักกัน
ลักษณะเบ็ดเสร็จเด็ดขาดแบบที่คุณเคยมี
ความเงียบแบบที่ไม่มีใครสามารถอธิบายได้ของคุณ
เกียรติยศในรูปแบบเล็กๆ น้อยๆ ซึ่งคุณเลือกที่จะหยิบยื่นมันให้กับตัวเองในบางครั้งบางครา
คุณคือเรื่องราวแบบที่มีน้ำเสียงภาคภูมิใจในตัวเอง
อะไรคือความสูงส่ง
ห่างเหิน
หลุดลอยจากความธรรมดาสามัญดาษดื่นเท่าที่โลกใบเล็กๆ ใบนี้เคยมี
ถ้าไม่ใช่คุณ
ก่อนที่เราจะรู้จักกัน

.

ผมรู้สึกว่า ผมอาจจะชอบคุณ และนั่น อาจเป็นเหตุผลที่ ทำให้ ผมไม่ชอบตัวเอง

.

ผมคิดว่า
ผมสมควรตาย
การจูบที่ต่อเนื่อง
จำเป็นต้องหายใจด้วยเหงือก

.

และไม่ว่าจะรู้ตัวหรือไม่ก็ตาม
เธอได้ทำให้
ทุกครั้งที่แหงนหน้าขึ้นมอง
ต้องยอมบ้าคลั่ง เพื่อให้เข้าถึงตัวตนที่ 2 ของเธอ
ต้องยอมลุกไหม้ เพื่อให้รู้ว่า
คำบอกลา แท้แล้ว
ทำร้ายฉันได้อย่างลึกซึ้งและถาวรมากกว่าใคร
เธอคงไม่รู้ว่า
จักรวาลได้ทำให้ปัญหาทั้งหมดของเธอ
เล็กลง
และเกือบจะไร้ความหมายใดๆอย่างสิ้นเชิง
และอย่างสิ้นเชิง
ดวงดาวที่สมบูรณ์แบบ
คือแสงแห่งความตายที่ดับลงแล้วในที่อันห่างไกล

.

ไม่อาจหยุดยั้งที่ปลดปล่อยตัวเองไปกับความบ้าคลั่ง
เมื่อมีเธอแล้ว
ความรู้สึกกลับไม่ต้องการอะไรอีก

.

ผมมาที่นี่
เพราะเรื่องๆเดียว
ตะโกนผ่านปากของคุณ

.

นั่นคือสิ่งที่ฉันถนัดจริงๆ
บทบาทของคนโง่ที่ทำให้เธออ่อนแอลงทีละน้อย

.

ไม่ทันระวัง
จูบที่ดื้อดึง
กลับกลายเป็นการตอบสนองที่ทำให้เธอเข้าใจในตัวฉันแบบผิดๆตลอดไป
ที่จริงแล้ว เธอย้ำ
ฉันคงคิดมากเกินไป
เพียงเพราะหัวใจไม่เคยเต้นแรงแบบนี้มาก่อน
ไม่อาจทำให้ความรักปรากฏตัวเป็นจริงขึ้นมาได้
สูญเสียทั้งการควบคุมและการตอบสนองที่ทำให้เด็กหนุ่มคนหนึ่งเข้าใจผิดๆเกี่ยวกับตัวเธอตลอดไป

.

แถวของฟันที่ชิดและเรียงติดกันอย่างเป็นระเบียบนั้น
สะท้อนประกายบางอย่างที่คุณไม่อาจลังเล

.

คุณบอกว่า
วิธีแต้มริมฝีปากแบบนั้น
วิธีมองแบบนั้น
วิธียิ้มแบบนั้น
มันทำให้คุณอยากรู้
หล่อนถามว่าอยากรู้อะไร
คุณตอบว่า
วิธีจูบของคุณ

0.2

กาลเวลาที่ไหลเวียนอยู่รอบๆตัวเธอ
มีความสลับซับซ้อนมากกว่าที่อื่นใด
และอย่างที่ผู้คนพูดกันว่า
สิ่งที่ใช้ชีวิตแลกเปลี่ยนไม่ได้
ย่อมไม่มีใครต้องการ
วิญญาณจึงถูก
สับเปลี่ยนกับชีวิต
แต่ไม่อาจหลอมรวม

.

พระเจ้า ถ้าความสงสัยเคลือบแคลงต่อพระองค์คือบาป
ก็ขอให้พระองค์รับรู้ไว้เถิดว่า
บาปนี้คือเลือดของข้า
และเลือดของข้า
ไหลเวียนอยู่ในพระประสงค์อันสูงส่งของพระองค์

พระเจ้า เป็นข้าเองที่สูบฉีดหัวใจเทียมๆแห่งความจริงจีรังของพระองค์
พระเจ้า เป็นเจตจำนงค์ของข้าเองที่ขัดขืนแข็งข้อต่อความปรารถนาและกุศโลบายอันแยบยล
เป็นพระองค์หรือไม่
เป็นข้าใช่ไหม
บนจุดยืนอันเข็มแข็งและศักดิ์สิทธิ์
ภาพลักษณ์เชิงบวกของพระองค์
โองการ และพระบัญชาจากหินผา
สายพระเนตรและการสอดแนม

พระเจ้า ในฐานะผู้สร้าง พระองค์เคยสงสัยต่อสิ่งที่พระองค์เคยสร้างขึ้นบ้างหรือไม่
เป็นไปได้หรือไม่
ที่ปัญญาญาณ
และการหยั่งรู้ของพระองค์
จะเป็นปฏิปักษ์ต่อตัวมันเองและการควบคุม
เฉกเช่นที่ ดวงวิญญาณอันศักดิ์สิทธิ์
เป็นปฏิปักษ์ต่อเจตจำนงค์
เฉกเช่นที่ เจตจำนงค์
ทรยศต่อแบบแผนแห่งโชคชะตา

หากสิ่งที่ทำให้ข้าอ่อนแอคือความรัก
หากสิ่งที่ทำให้ข้าขลาดเขลาคือความศรัทธา
ปล่อยให้ข้าหลงใหลต่อรูปกายหยาบที่มีเวลาจำกัดเหล่านั้นเถิด
ปล่อยให้ข้าเชื่อมั่นต่อความเป็นไปได้ทั้งหมดทั้งมวลภายใต้ขีดจำกัดที่พระองค์มอบให้
หากข้า...คือตัวแทนของความรักและความอ่อนแอของพระองค์
ปล่อยให้ข้าภาคภูมิใจในความต่ำช้าของตัวเอง
เย่อหยิ่งในความขาดพร่อง
โอหังแม้ขาดซึ่งพลัง
ไม่เหมือน ไม่มี ไม่อาจเปรียบเทียบได้
ทั้งหมด ทั้งมวล เหล่านี้

.

มันน่ากลัวมากที่จะอยู่ข้างในนั้น
คุณอีกคนที่จ้องมองออกมามันช่างยาวนาน

.

ไม่มีใครถามว่าคุณเหนื่อยไหม มีแต่คำสั่งที่ว่า “ รีบทำให้มันเร็วๆ หน่อย “
ไม่มีคำพูดว่ารักคุณ มีเพียงแต่คำว่า 'ขอบคุณ' ซ้ำไปซ้ำมา

.

ฝืนยิ้ม ทั้งที่ยังไม่รู้จักความเบิกบานที่แท้จริง
เลือกรักษาความสัมพันธ์บางอย่างเอาไว้
แม้ว่ามันจะไม่ถูกต้องก็ตาม

.

มิตรภาพซึ่งดูห่างเหินแต่ทว่าแน่นแฟ้นอย่างยิ่ง กลับให้อิสรภาพอย่างหนึ่ง ซึ่งธาตุแท้ที่เปลี่ยนไปเปลี่ยนมาของผู้คนไม่มี

.

เมื่อสามารถยอมรับการเข้ามาและจากไปของทุกคน
ในไม่ช้า คุณก็จะชาชินไปเอง

.

0.3

ต้องไม่ลืมว่า
การมองเห็นตัวเองได้ชัดเจนกว่า
เป็นคุณสมบัติที่ดีของอดีต
ซึ่งแสดงผลลัพธ์อยู่ในปัจจุบัน
ที่ยังไม่รู้จักอนาคตของตัวมันเอง
การพรรณาอันสมบูรณ์แบบของรายละเอียดที่ชัดเจนบนโครงสร้างที่ยังไม่แน่นักว่าคืออะไรกันแน่
ย่อมมิใช่ความผิดของใครสักคน

ใครบ้างที่ไม่อยากรู้จัก ‘เธอ’
(แม้ว่า ‘เธอ’ จะเป็นตัวละครที่ลึกลับซับซ้อนและมีเสน่ห์มากกว่าที่จะเป็นคนจริงๆซึ่งตื้นเขินและน่าเบื่อหน่ายอยู่มากก็ตามที)

เหยียบย่ำเข้าไปในโลกเชิงซ้อนของความฝันที่โดดเดี่ยวและโหดร้ายของกลีบกุหลาบซึ่งยังไม่รู้จักหยาดฝนสักหยดเดียว

ที่นั่น ที่ตรงนั้น ที่นั่น ที่ตรงนั้น

ความเศร้าสร้อยที่ยังมีความโรแมนติกปะปนอยู่มาก
เหยียบย่ำเข้าไปในโลกเชิงซ้อนของความฝันที่โดดเดี่ยวและโหดร้ายของทุ่งร้างและหนามไหน่ซึ่งยังไม่รู้จักหยดเลือดสักหยดเดียวของชายชาตรี

ที่นั่น ที่ตรงนั้น ที่นั่น ที่ตรงนั้น

ความโดดเดี่ยวของเธอที่ยังมีความเพ้อฝันและความทะเยอทะยานปะปนอยู่ค่อนข้างมาก
พยับหมอกบนความสูญสลายของดวงแดดอันเป็นเต้ยแห่งจักรวาลอันลี้ลับซึ่งกำลังเปิดเผยตัวตนของเธอออกมาในทิศทางที่แม้แต่ตัวมันเองก็ไม่ยังเข้าใจ

ต้องไม่ลืมว่า การมองเห็นตัวเองได้ชัดเจนกว่า
เป็นคุณสมบัติที่ดีของอดีต
ซึ่งแสดงผลลัพธ์อยู่ในปัจจุบัน
ที่ยังไม่รู้จักอนาคตของตัวมันเอง
การพรรณาอันสมบูรณ์แบบของรายละเอียดที่ชัดเจนบนโครงสร้างที่ยังไม่แน่นักว่าคืออะไรกันแน่
ย่อมมิใช่ความผิดของใครสักคน

.

'เดี๋ยว' ซึ่งแปลว่า ไม่รู้ว่าเมื่อไร
และฉันที่ในเวลานั้น
เป็นเพียงทางออกเดียวของความรักที่ไร้ความรับผิดชอบของคุณ
และฉันที่ในเวลานั้น
เป็นเพียงทางออกเดียวของความรักที่เหลวไหลของตัวเอง

.

0.4

เป็นไปไม่ได้อีกแล้ว
สำหรับผู้ซึ่งแปรสภาพชีวิตของตัวเอง
ให้กลายเป็นซากชีวิต
เป็นไปไม่ได้อีกแล้ว
สำหรับผู้ซึ่ง
มะงุมมะงาหราอยู่ในวิถีชีวิตที่
สำหรับเขาแล้ว
กว้างขวางเกินไป เงียบและก็เศร้าเกินไป
เวิ้งว้าง และก็ว้าเหว่เกินไป
สึกหรอ และก็ร้าวราน
มากเกินไป
เป็นไปไม่ได้อีกต่อไป
เป็นไปไม่ได้อีกต่อไปแล้วจริงๆ

.

และอย่างผู้ชาย
ซึ่งเข้าใจต่อ
คุณค่าของกาลเวลามากพอ
แม้ว่ามันจะช้ามากเกินไปแล้วก็ตาม

ชีวิต-
แบบที่ฝืนทนอยู่ด้วยแรงขับเดียว
แม้ว่าคุณจะเรียกมันว่า ความเกลียดชัง
หรือว่าความรักก็ตาม

.

ความรู้สึกรังเกียจและกระวนกระวายที่เบียดแทรกตัวเองเข้ามา
ความพึงพอใจราคาถูก
แววตาที่ทั้งเศร้าและก็แสลงใจ

.

ว่ากันที่จริง
ฉันไม่เคยพบแรงจูงใดที่เหมือนคล้ายกันกับ
แรงดึงดูดที่มีต่อเธออีกเลย

.

0.1

ฉันบอกว่าฉันเพียงแต่เขียนถึงเธอและพวกเธอ
ซึ่งทั้งหมดล้วนแล้วแต่
มีกลไกทางอารมณ์ที่คล้ายๆกัน
ฉันบอกว่าฉันเพียงแต่เขียนถึงเธอและพวกเธอ
ซึ่งทั้งหมดล้วนแล้วแต่
เป็นทั้งเหยื่อและกับดักในตัวเอง

.

เธอว่าเป็นไปได้อย่างไรกัน
เธอว่าหนทางเดียวที่พอเป็นไปได้ก็คือ
ความจริงที่ซ้อนทับความจริง
การโกหกที่ถาโถมตัวเองไปบนแก่นแท้ของการบรรยายที่พยายามใช้ท่าทีอันเป็นอื่น
ไม่จริง
เป็นไปไม่ได้
ไม่ใกล้เคียง

.

ทั้งที่มีเลือดเนื้อถึงเพียงนี้
ทั้งที่เต็มไปด้วยความรู้สึกถึงเพียงนี้
เป็นไปได้อย่างไร จะให้เธอเชื่อในสิ่งที่กล่าวมาทั้งหมดนี้ด้วยความรู้สึกที่สัตย์ซื่อจริงใจต่อตัวเองหรือว่าตัวเธอ

  • แทรกด้วยกระดาษดำทั้งแผ่น -

คุณกำลังอ่าน
อ้อมกอดที่โอบกอดตัวเอง

คุณกำลังอ่าน
รสชาติฝาดคล้าย
จูบอันสลับซับซ้อนของคุณเอง

คุณกำลังอ่าน
กระพือปีกของชีวิต
และความตาย

ขนตายาวและหนา
กำหมัดที่เดียวดาย
กักขังคุณอยู่ข้างใน

คุณกำลังอ่าน
ชายฝั่งหวงห้าม
กำแพงที่มีปืนจ่อ

ขมับที่ขึงตรึงลวดหนาม
หัวใจแทบแหลกเป็นจุณ

คุณกำลังอ่าน
ประกายสุดกลั้น
วิบวับของดวงตา
คุณที่มองเห็นเธอ
แสงดาว
คนนำทาง
คบเพลิงสุดท้ายของวัน
เหมือนปีสุดท้ายของชีวิตอันยาวนาน

คุณกำลังอ่าน
เลือดเนื้อที่มีชีวิตจิตใจ
คุณกำลังอ่าน
ด้านอ่อนแอที่หันหน้าเข้าสู่แสงสว่างที่น่าละอาย

  • แทรกด้วยกระดาษดำทั้งแผ่น -

ถ้าหากคุณยังจดจำมันได้ ช่วยยิ้มให้กับความทรงจำแบบนั้นสักครั้งนึง

.

สำหรับความกระดากกระเดื่องและเขินอายของเธอ
สำหรับเธอ
ผู้ซึ่ง
ทำทุกกอย่างได้อย่างรอบคอบและถูกต้องเสมอไปเสียทั้งหมดตลอดมา
สำหรับ คำว่า ' คุณ '
ซึ่งครั้งนึงแล้ว
เธอเคยถือว่าเป็น
การ 'วิสาสะ' เข้ามาครอบครองเธออยู่อย่างเงียบใบ้
แต่ก็ท้าทาย

.

บางทีคุณก็คิดว่าการบอกอย่างตรงไปตรงมาก็มีคุณค่ามากกว่าการตีความ ไม่มีใครคิดว่าเรื่องเล่าที่สมบูรณ์แบบวันหนึ่งจะกลายเป็นข้อเท็จจริง ผู้คนต่างพากันสมคบคิดและผลักดันให้เรื่องโกหกที่ละเอียดอ่อนเต็มไปด้วยข้อบกพร่องที่ซับซ้อนและซับซ้อนมากขึ้นทุกที หลักประกันแห่งความไม่สมประกอบจึงตกตายลงไปอย่างช้าๆด้วยตัวของมันเอง ที่เป็นอยู่เสมอๆจึงกลับกลายเป็นว่าคุณต้องหวนกลับมาเผชิญหน้ากับสนามที่มีบานหน้าต่างมากมายแต่ก็ไม่ลงกลอน

.

0.2

อาจเป็น
รอยยิ้มที่เปิ่นเล็กน้อยของคุณ
อาจเป็น
ความเป็นคนพูดน้อยของคุณ
วิธีที่คุณประดับประดา
และตกแต่ง
เพื่อตัวเอง
ทำไมช่างแตกต่างกันได้ถึงเพียงนี้
เธอที่เขาเยาะหยันว่าจืดชืดและไร้รสชาติสิ้นดี
ท่าทียียวนที่กวนโทโส
เมื่อเปรียบเทียบกับ
รอยยิ้มซึ่งสงบงามอย่างถึงที่สุดของคุณ
เพราะเหตุใด ความรู้สึกว่ารักกลับกลายเป็นเชือกเส้นหนึ่งที่ถูกดึงรั้งโดยคุณและใครอีกคน
เพราะเหตุใด ความรู้สึกว่ารัก
กลับถูก
ดึงดูดโดยเสน่ห์ที่แสนพิเศษแห่งเธอ
ความรู้สึกผิดชอบดีชั่วที่ไม่ชัดเจน บางสิ่งซึ่งสับสนและไม่ชัดเจน

.

สาระที่ประกอบอยู่จนกลายเป็นรสชาติของเธอนั้น
คงคล้ายกลิ่นหอมจางๆที่ให้ความรู้สึกลื่นไหลและเฉื่อยชา

0.3

" พรุ่งนี้ คุณจะคิดถึงกันบ้างหรือไม่ " ตรงนี้เธอโกหก ที่เธอต้องการจะถาม คือใครจะคิดถึงกันก่อนมากกว่า
" พรุ่งนี้ คุณจะคิดถึงกันบ้างหรือไม่ " ผิดถนัด ที่เธอต้องการคือคำสัญญา

.

ข้อเท็จจริงเหล่านี้
แม้ไม่เอ่ยปากเฉลยกับเธอ ก็เป็นที่รู้โดยทั่วกัน

.

เธอถามว่า ทำไมเวลากลางคืนคนเราถึงได้กลายเป็นสัตว์ร้าย

.

ดวงตาที่ขุ่นขวางไร้แวว
ต้องใช้เวลานานเท่าใด
กว่าที่คุณจะได้มาซึ่งเหล่าสิ่งนี้

0.4

บางอย่างบางสิ่งที่ครอบครองฉันเอาไว้ในความมืด
อีกนานเท่าไรที่คุณจะขังตัวเองไว้ภายใต้ความเย็นชาที่ไร้ชีวิตแบบนี้

.

เมื่อไรก็ตามที่ฉันสามารถทำให้
ดวงตาที่ไร้แววนั้น
เปลี่ยนเป็น
ความแน่วแน่ที่ไม่สามารถไปหันเหไปสู่สิ่งใดอื่นซึ่งไร้เจตจำนงค์ที่มั่นคง
แม้เพียงชั่วขณะเดียว
แม้เพียงชั่วขณะเดียว

ขอเพียงได้ครอบครอง
ความปรารถนาที่คุณไม่อาจควบคุม
แม้เพียงชั่วขณะเดียวในช่วงชีวิตที่ยาวนานของพวกเรา

.

ทั้งที่อยากจะพูดออกไปว่า เสียใจ แต่กลับบอกเธอไปว่า ขอบคุณ
เธอว่า เธออ่านฉันไม่ออก เพราะจิตใจคือความมืดดำชนิดหนึ่ง
เธอว่า อย่าพูดราวกับว่าคุณรู้จักฉันมาทั้งชีวิต
ทั้งที่เราเพียงแค่นอนด้วยกัน
“ ประตูสู่สวรรค์ “ และ “ ทางกลับ “
เชื่อเถอะ วันหนึ่งข้างหน้า
คุณจะคิดถึงฉันในฐานะข้อผิดพลาดชนิดหนึ่งที่คุณสร้างขึ้นในช่วงชีวิตที่ปราศจากสติของคุณเอง

ฉันว่า ฉันอ่านเธอไม่ออก เพราะจิตใจคือความมืดดำชนิดหนึ่ง
ทั้งที่อยากจะพูดออกไปว่า ขอบคุณ แต่กลับบอกเธอไปว่า เสียใจ

.

ครั้งหนึ่ง คุณเคยบอกเองใช่ไหมว่า รอยแผลเป็นหรือตำหนิที่แก้ไขไม่ได้แบบนั้นต่างหาก
ที่สามารถพิสูจน์ให้เห็นได้ว่า
ฉันมิใช่รูปแบบซึ่งปั้นแต่งขึ้นมาจากแบบจำลองเชิงจินตนาการของทุน

โลกซึ่งมีคำว่า ‘ ก่อนหน้า ‘ และ ‘ หลังจาก ‘ ซึ่งเราไม่รู้ว่ามันคืออะไรกันแน่
มีไหม ชีวิตที่ดีกว่าในความหมายที่เป็นของเราเอง
มีไหม ชีวิตที่ดีกว่าซึ่งไม่มีคุณ (จะเป็นไปได้หรือไม่)
เธอโกหกไม่เก่ง และฉันก็รู้ดีว่า เมื่อไรที่เธอจำเป็นต้องโกหก หรือกำลังโกหก
ร้องไห้ง่ายดาย
หัวเราะอย่างซื่อใส ใครกันที่พลัดหลงอยู่ในแผนการแห่งอนาคตของตัวเอง
ร้องไห้ง่ายดาย
หัวเราะอย่างซื้อใส ใครกันที่พลัดหลงอยู่ในแผนการแห่งอนาคตของตัวเอง

ครั้งหนึ่ง คุณเคยบอกเองใช่ไหมว่า รอยแผลเป็นหรือตำหนิที่แก้ไขไม่ได้แบบนั้นต่างหาก
ที่สามารถพิสูจน์ให้เห็นได้ว่า
ฉันมิใช่รูปแบบซึ่งปั้นแต่งขึ้นมาจากแบบจำลองเชิงจินตนาการของทุน

ฉันว่า ฉันสงสัยว่านั่นไม่ใช่คำถาม
หากแต่เป็นคำตอบที่เธอเชื่อของเธอเองว่าเข้าใจตัวฉันดีมากพอแล้วต่างหาก

0.5

คุณเคยบอกว่า
ฉันเป็นตัวปลอมได้ดีกว่าที่เป็นตัวเองเสียอีก
คุณเคยบอกว่า
ฉันเป็นคุณ
ได้ดีกว่าที่คุณเป็น

.

ไม่ต้องสงสารฉัน
เพราะความรู้สึกสงสารทำให้ฉันรู้สึกเกลียดตัวเอง

  • แทรกด้วยกระดาษดำทั้งแผ่น -

0.1

ยอมเป็นคนอื่นที่ใครต่างก็รู้จัก
แต่ไม่รู้จักตัวเองแม้สักวินาทีเดียว
โลกที่กว้างใหญ่ใบนี้
ไม่เคยเหมือนตัวเองแม้สักวัน

.

ทำไมต้องตื่นขึ้นมาในวันเวลาเก่าๆที่วนเวียนซ้ำไปซ้ำมา

.

ต้องใช้ขาที่สวยขนาดไหนกัน ถ้าเพียงเพื่อ ยืนหยัดในจุดยืน ของความเป็นซ้ายที่ไร้เดียงสา และไม่ชัดเจนในตัวเองอย่างยิ่งของคุณ มากเกินไป ผมว่า มันมากเกินไป ไม่ว่าคุณจะเข้าใจในประเด็นเหล่านี้หรือไม่ก็ตาม

.

คนพวกนี้ หากไม่ชิงชังรังเกียจคนที่มีความฝันแบบเดียวกัน ก็อดทนอดกลั้นต่อความพยายามในความหมายที่สูงส่งของอีกฝ่ายหนึ่งไม่ได้

.

ขอเพียงแต่แน่ใจว่า สายสัมพนธ์ที่เหนียวแน่น ระหว่างปัจจุบันซึ่งเต็มไปด้วยแรงกดดัน กับอนาคตอันน่าเบื่อ
จะไม่เปลี่ยนแปรไปอย่างแน่นอน

.

ขอเพียงแต่แน่ใจได้ว่า แม้ในยามที่คุณ ไม่สามารถเป็นตัวของตัวเอง ก็จะไม่ถูกจู่โจม ด้วยความวุ่นวายทางโลก
ถ้าหากมีเธออยู่เคียงข้างกัน

.

ต้องสูญเสียส่วนหนึ่ง เพื่อรักษาอีกส่วนหนึ่งไว้
โลกใบนี้ หากไม่เติบโตขึ้น ก็ต้องแลกกับวันเวลาที่ผ่านไปโดยสูญเปล่า

0.2

แววตาที่ปราศจากพลังแบบนั้น คือผลลัพธ์ของความปรารถนาที่ไม่เคยบรรลุในจุดประสงค์ของตัวมันเองใช่หรือไม่

.

เธอว่า บนโลกใบนี้ ประกอบไปด้วยคนสองจำพวก หนึ่ง-คนที่แสร้งว่ายังมีชีวิตอยู่ และ สอง-คนที่เสแสร้งว่าไร้ชีวิต

.

ที่สุดแล้ว เธอว่า สายตาที่วางเปล่าของคุณ
ก็กลายเป็นเพียง
อิสรภาพส่วนตัว
ที่ไม่อาจผนึกรวมกับสำนึกปกป้องตัวเอง
ที่สุดแล้ว เธอว่า

.

เธอรู้ดีใช่ไหม ฉันเป็นตัวประหลาด เป็นสิ่งแปลกปลอมแม้แต่ในสังคมเล็กๆที่ฉันดำรงอยู่
เธอรู้ดีใช่ไหม ฉันเป็นตัวประหลาด เป็นสิ่งแปลกปลอมแม้แต่กับแก่นแท้ของตัวฉันเอง
ความรู้สึกซึ่งไร้ความกลัวอย่างสิ้นเชิงแบบที่เธอมีนั้น
ไม่ใช่ความรู้สึกคุ้นเคยแบบที่ฉันเคยมี

.

นี่เธอเป็นเธออีกคนให้เราได้ไหม
ยังไง
ถ้ามีเธอสองคนบนโลกนี้ อีกคนต้องเป็นของเราไงล่ะ

.

เหมือนการต่อจิ๊กซอว์ลงในช่องว่างที่ถูกแต่อยู่ในภาพที่ผิด

ไม่รู้สึกรู้สา แต่ไม่ได้หมายความว่า
ไม่รู้จักความรัก
ว่างเปล่า
แต่ไม่ได้หมายความว่า ไม่รู้สึกอะไร

0.3

ผมรู้สึกว่า ผมอาจจะชอบคุณ แหละนั่น อาจเป็นเหตุผลที่ ทำให้ผม ไม่ชอบตัวเอง

.

ความปรารถนาที่ไม่เคยพึงพอใจกับอะไรอย่างง่ายๆ
ได้สร้างคุณสมบัติของการเป็นผู้ถูกกระทำที่ดีไว้บ้างหรือไม่

.

เธอใช้คำว่า “ หลังจากนั้น “
ราวกับว่า
ความรักเป็นสิ่งที่เปราะบางและไม่สามารถทานทนต่อเงื่อนไขที่ไม่อาจควบคุม
เธอใช้คำว่า “ ถ้า “
กับคำสัญญาที่หนักแน่น
ไม่สามารถเปลี่ยนไปเปลี่ยนมา
สำหรับเธอแล้ว
ความรักกับความรับผิดชอบ
มิใช่สิ่งเดียวกัน
สำหรับเธอแล้ว
คนที่เสพติดความเจ็บปวดซึ่งเกิดขึ้นจากความรู้สึกที่รักตัวเองมากจนเกินไป
ไม่ใช่สิ่งที่เกิดขึ้นจริง

.

เพียงแค่มองหน้าคุณ
ก็รู้สึกเจ็บ
เจ็บทั้งที่ไม่เคยรู้จักกันมาก่อน
” เป็นเพราะอะไร “ เธอถาม
“ เป็นเพราะอะไร

.

คุณยิ้ม และพูดทีเล่นทีจริงว่า คุณเป็นผู้ชายที่สม่ำเสมอและเอาจริงเอาจังอย่างยิ่งกับความสัมพันธ์ที่ยั่งยืน

0.4

โปรดให้บทเรียนแก่ฉัน
จูบที่ทำให้หยุดหายใจ

.

ก็แค่โชคชะตาที่ผ่านเข้ามาชั่วพริบตา
ไม่อาจปฏิเสธเธอ

.

ด้วยเกรงว่าคุณจะระมัดระวังตัวมากขึ้นและเปิดเผยแต่ด้านที่ดีงาม
ฉันจะรักษาระยะห่างเหล่านั้นเอาไว้ได้อย่างไร

.

อารมณ์ลุ่มหลงที่ละเอียดอ่อนเช่นนี้ คงมีแต่เธอเพียงผู้เดียวที่แสดงออกได้อย่างถูกต้อง

0.5

เธอว่า ท่าที และความรู้สึกที่บริสุทธิ์เป็นสิ่งที่...
ไม่ว่าผ่านไปนานแค่ไหน ก็ยังเป็นสิ่งที่มากเกินไปสำหรับเธอ

.

สะโพกของคุณ
ถูกต้อง ! ถูกต้อง !!
ถามว่ายังขาดอะไรอีกไหม
ถูกต้อง ! ถูกต้อง !!

คุณว่า น่ารังเกียจ แล้วก็พูดซ้ำไปซ้ำมา
คุณว่า แต่ก็สวยงาม ใครเลยจะเข้าใจความพยายามที่คนๆหนึ่งกระทำเพื่อคนอีกคนหนึ่งไม่ได้

.

เธอว่า คำพูดแบบนั้น น้ำเสียงแบบนั้น มันมากเกินไป
ไม่ใช่ ไม่ใช่เธอ
ปล่อยให้คำพูดที่ว่าความรักมิใช่ความมุ่งหมายที่จะครอบครองกลายเป็นคำพูดติดปากของพวกที่ปรารถนาจะตรัสรู้ทางโลกเหล่านั้นเถิด

.

ความอยากรู้อยากเห็นที่ไม่สามารถต้านทานได้นี้เอง
เสียงที่หลุดพ้นจากการควบคุม
เรือนร่างที่ตัดขวางและอาการดิ้นรนทุรนทุรายราวกับถูกขวานจาม
การกินทั้งเปลือกที่เกือบจะกลายเป็นส่วนหนึ่งของแก่นแท้ของมันเอง

.

ฉันว่า
ที่เธอพูดออกมาคงเป็นเพราะความสับสน
การแตกตัวที่กระจัดกระจาย
การเรียงตัวของสิ่งซึ่งพยายามย้อนกลับเข้าสู่สภาวะหนึ่งแต่มิอาจย้อนกลับเข้าสู่สภาวะใดๆ
ประตูกำลังปิดลง
กำแพงที่เธอตัดสินใจข้ามมา
ใบหน้าซึ่งคุณไม่รู้จักมันแม้แต่นิดเดียว

.

เธอบอกว่า
การระเบิดออกที่สุดจะต้านทาน
ได้ทำให้
คุณเป็นอิสระจากความเปลี่ยวเหงาชนิดหนึ่ง
ก่อนที่จะกลายเป็นความเปลี่ยวเหงาอีกชนิดหนึ่ง
ซึ่งทั้งหมดนั้น
จะว่าไปแล้ว
ก็วกวนซ้ำไปซ้ำมา

.

เธอบอกว่ามันน่าสมเพชที่นำเอาความกดดันทั้งหมดของชีวิตมาลงที่หว่างขาของผู้หญิงคนหนึ่งซึ่งคุณยังไม่รู้จักเธอดีมากพอเลยด้วยซ้ำไป

.

เธอบอกว่าเซ็กส์เพียงอย่างเดียวโดยที่ไม่มี stories อื่นๆประกอบเลย คือการร่วมรักที่ดูถูกความเป็นเพศหญิงอย่างสุดจะทานทน

.

เธอบอกว่า ใช่ว่า เธอจะเข้าใจไม่ได้
เธอยังว่าอีกว่า ถึงที่สุดแล้ว เป้าหมายในระยะที่ใกล้ที่สุดของความรัก
ถ้ามิใช่โอกาสร่วมหลับนอนกับผู้หญิงคนหนึ่งที่คุณปรารถนาที่สุดแล้วจะเป็นอะไร
เธอพูดอีกและเงียบไป เธอว่า เป็นไปได้อย่างไรกัน
หนึ่งวินาทีที่เหงาและเปล่าเปลี่ยวแบบนั้น
เธอว่า เป็นไปได้อย่างไร

.

ร่องรอยของคราบน้ำตาเหล่านั้น
บัดนี้ถูกปิดทับด้วยแป้งที่พอกหนาและรอยยิ้มซึ่งถูกประดิษฐ์ขึ้นจนเกินเลย
น่าเสียดาย มีเวลาตั้งมากมาย แต่ไม่สามารถใช้มันกับคุณ
คุณบอกว่าความรับผิดชอบทำให้คนเราไม่อาจเป็นตัวของตัวเอง

.

ไม่ใช่เธอ
ไม่ใช่เธอ
จูบเธอ เพียงเพื่อชำระล้างบาป ให้กับพวกเราทุกคน
จูบเธอ เพียงเพื่อชำระล้างบาป ให้กับพวกเราทุกคน

.

และมันก็เป็นเช่นดั่งที่คุณพูด ความเจ็บปวดทำลายซ้ำใครอีกคนและสร้างคุณขึ้นมา
คุณไม่ดีไปกว่าคนที่แย่ที่สุดที่คุณมี
[ หรือว่าถ้าหากไม่ คุณก็คงยักไหล่ และไม่อาจฝืนใจตัวเองที่จะปฏิบัติในสิ่งที่ไม่อยากปฏิบัติเหมือนเช่นเคย ]

.

เธอว่า คำพูดแบบนั้น น้ำเสียงแบบนั้น มันมากเกินไป

.

ทำได้แค่เงียบไว้ แม้ว่าอยากให้เธอเข้าใจตัวเองมากพอก็ตาม

  • แทรกด้วยกระดาษดำทั้งแผ่น -

คุณวาดใจกลางมหาสมุทร
ด้วยจุดเล็กๆจุดหนึ่งที่เป็นคุณ
สร้างเส้นปะที่มีแรงต่อเนื่องขนาดมหึมา
คุณเขียนส่วนที่ใกล้ชิดกันที่สุด
ของฟ้ากับท้องทะเล
มหาสมุทร
และใจกลาง แก่นกลางของมันและความแปรปรวน
สาดซัดที่ไม่อาจยับยั้งชั่งใจ
คุณว่ายข้ามไป
ว่ายไปตลอดเวลา
ข้างหน้าที่ไม่เคยเห็นฝั่ง
คุณพยายามฝ่าข้ามไป
ความมืดปรากฏร่องรอยของมัน
ความกลัวปรากฏร่องรอยของมัน
ความสว่างปรากฏร่องรอยของมัน
ความกล้าและทิศทางปรากฏร่องรอยของมัน
แต่คุณไม่เคยไปถึงไหนเลย
ไม่เคยไปถึงไหนเลย
เช้าที่คุณรู้ว่ามันไม่จริง
และค่ำคืนที่คุณรู้ว่ายังไม่ถึงเช้า
มีแต่คุณ คุณที่รู้ว่ามันจริง
มีแต่คุณ คุณที่รู้ว่ามันไม่จริง
ทุกหน ทุกแห่ง
อันตรายแห่งปะการัง
ลึกสุดหยั่งที่เย้ายวน
คุณวาดใจกลางมหาสมุทร
ด้วยจุดเล็กๆจุดหนึ่งที่เป็นคุณ
สร้างเส้นปะที่มีแรงต่อเนื่องขนาดมหึมา
คุณว่ายไปข้างหน้าพร้อมด้วยส่วนเกินจากการมีอยู่ของคุณอีกคน
ชิ้นส่วนแห่งความชำรุดที่ไม่เคยต้องการ
ลึกเข้าไป
ลึกเข้าไป
ลึกเข้าไป
ลึกเข้าไป
ลึกเข้าไป
ลึกเข้าไปในความตื้นเขินที่คุณไม่อาจเข้าใจตัวเอง
ลึกเข้าไปในตัวเองที่ความตื้นเขินไม่อาจเข้าใจคุณ
ความตื้นเขินที่คุณไม่อาจเข้าใจตัวเอง
ตัวคุณเองที่ความตื้นเขินไม่อาจเข้าใจ
เส้นขอบฟ้ายังคงตั้งอยู่ที่เดิม
ระยะทางยังคงห่างไกลเท่าเดิม
มีแต่คุณที่รู้ว่ามันไม่จริง
มีแต่คุณที่รู้ว่าทำไม

  • แทรกด้วยกระดาษดำทั้งแผ่น -

0.1

เป็นที่ชัดเจนว่าเธอติดใจในรสชาติของฉัน ถึงแม้ว่าฉันจะยังไม่ได้ร่วมรักกับเธอ

.

เธอบอกว่าไม่ได้รอ แต่เพราะไม่มีคนที่ ‘ใช่’ อีกเลยต่างหาก ตลอดหลายปีที่ผ่านมา

.

รสจูบที่ไม่ขออนุญาต แฝงตัวเป็น สีของผลสตอร์เบอรี่บนแผ่นแก้มของเธอ

.

สัมผัสที่ตรงไปตรงมา อะไรบางอย่างที่ดีกว่าความรัก ลูบไล้แผลเป็นที่หว่างขาของคุณ

.

ถูกจุดขึ้นแล้วอย่างอ่อนโยน ในอุ้งมือ สัมผัสของคุณ มีเพียงผม

0.2

ในตัวของฉัน กำลังแตกออกเป็นเสี่ยงๆ ไม่ถูกหรอกหรือ ที่ร้องขอให้คุณจูบ
แต่มิได้ร้องขอให้คุณรัก
ยิ่งวิงวอนเท่าไร
ก็ยิ่งเปียกชื้น
จะลืมตาก็เจ็บ
จะหลับตาก็กลัว

.

ผมคิดว่า ผมสมควรตาย การจูบที่ต่อเนื่อง จำเป็นต้องหายใจด้วยเหงือก

.

0.3

คงยังมีอีกหลายๆจูบ ติดอยู่บนริมฝีปากของคุณ ผมพูด
แต่จะมีอยู่จูบนึง
คุณจะจดจำรสชาติและสัมผัสของมันได้เอง
คุณถามว่าอย่างไร
ผมบอกว่า
ผ่านรหัสที่ไขขานออกมา
อันตราย และงดงาม
ครึ่งจริง และครึ่งฝัน
รวมทั้งไม่สามารถปฏิเสธใดๆ
จูบที่ไม่มีคุณ คุณพูด
ปลุกฉัน
ให้ละทิ้งอุดมคติสูงส่งเพื่อสิ่งจริงสามัญ
เมื่อสูญเสียบางอย่างที่ไม่สามารถหาสิ่งใดมาทดแทนได้
คุณก็สูญเสียตัวตน
เมื่อเกลียดชัง
พร้อมๆกันนั้น
คุณก็ต่อต้านโลกทั้งใบ

.

อะไรคือช่วงเวลาที่ทำให้คุณเข้าใกล้กฎเกณฑ์บางอย่างซึ่งไม่เคยมีใครเข้าถึงมาก่อน
โอ้ ผิวกายของเธอ หัวนมเล็กๆ บนฐานเล็กๆของมัน กระเปาะอันงดงามและการออกคำสั่ง
เหมือนกับความตาย เหมือนกับความฝัน
ฉันรู้แล้ว ชีวิตที่แท้จริง ไม่มีคำตอบ
มีเพียงกลิ่นน้ำหอม และการหมุนวนของสรวงสรรค์ที่ทำได้เพียงแต่แแหงนเงยขึ้นมอง
ฉันรู้แล้ว สิ่งใดที่เหมือนกับความตาย สิ่งใดที่เหมือนกับความฝัน ที่นี่เอง
ไม่ใช่มนุษย์ทุกคนที่เคยเข้าใกล้เส้นขอบฟ้าแบบนี้มาก่อน
พร่าเลือน
และโยกโยน
บกพร่องแต่เต็ม
แข็งแกร่งแต่เปล่ากลวง
เธอคือช่วงเวลาที่ฉันไม่เคยเข้าใจเลยสักนิดเดียว
ขณะที่หลงมัวเมาไปในความปรารถนาอันไม่มีวันสิ้นสุดของคนที่มีต่อเทพธิดา
เธอยังคงกลายเป็นคนอื่นอีกคนทั้งที่มีใบหน้าเดิม
บนเส้นทางที่ไม่มีวันย้อนกลับ
และใหญ่กว่าชีวิตทั้งหมดทั้งมวล
แกมันก็เป็นแค่สัตว์ที่ดื้อดึงซึ่งถูกชักจูงโดยสัญชาตญาณ

.

0.4

ความเป็นอิสระที่มากเกินไป กลับกลายเป็นภาระทางใจที่ทำให้คุณต้องย้อนกลับมา
ที่นี่เอง ต้นทางของเชือกซึ่งมองไม่เห็น
ตาข่ายแห่งความรักที่จะรองรับคุณไว้อย่างปลอดภัย
การร่วงหล่นลงสู่
ความบังเอิญที่ไร้แผนที่
และเข็มทิศที่ชี้นำ

.

ความเปลี่ยนแปลงบนโลกนี้
ส่วนใหญ่แล้วมักไม่มีหนทางย้อนกลับ
แม้ว่าจะพยายามมากน้อยแค่ไหนก็ตาม

.

เพราะความหลงใหลทำให้ฉันมองเห็นเธออย่างกลับหัวกลับหาง
ผ่านความปรารถนา
ซึ่งจะคอยแต่สอดส่องมองหา
สิ่งที่ยอมรับได้
เพราะความหลงใหล
เอาแน่เอานอนไม่ได้
คลุมเครือ

แต่ก็ไม่แตกต่างอะไรกับ
การยอมรับ
ทั้งที่ยังไม่รู้แน่ชัดด้วยซ้ำไป
ว่าความรู้สึก
ครึ่งสุข
และครึ่งเศร้า
เหล่านั้น
คืออะไร

เพราะกำลังเชื่อมโยงตัวเองเข้าไปสู่
เพราะกำลังเชื่อมโยงตัวเองเข้าไปสู่
โชคชะตาที่ปราศจากแผนการ

เพราะกำลังเชื่อมโยงตัวเองเข้าไปสู่
เพราะกำลังเชื่อมโยงตัวเองเข้าไปสู่
ความเอาแน่เอานอนไม่ได้
คลุมเครือ
และมีรายละเอียดเล็กๆน้อยๆ
ที่ไม่มีวันเข้าใจ

เพราะกำลังเชื่อมโยงตัวเองเข้าไปสู่
เพราะกำลังเชื่อมโยงตัวเองเข้าไปสู่
ความรักที่ทำให้มองเห็นตัวเอง
ได้ไม่ชัดเจน
เท่ากับตัวของเธอ
ความรัก
ความรักที่ปราศจากแผนการ

เพราะกำลังเชื่อมโยงตัวเองเข้าไปสู่
เพราะกำลังเชื่อมโยงตัวเองเข้าไปสู่
คลุมเครือ
เอาแน่เอานอนไม่ได้
ทั้งที่ยังไม่รู้ด้วยซ้ำไปว่า
ชีวิตที่ปราศจากความทุกข์ทรมานของการรอคอยเป็นอย่างไร

เพราะกำลังเชื่อมโยงตัวเองเข้าไปสู่
เพราะกำลังเชื่อมโยงตัวเองเข้าไปสู่
ถ้าหากคุณต้องการ
ถ้าต้องเป็นคุณ
ความรักซึ่งจุดมุ่งหมายในตัวของมันเอง
คืออารมณ์แห่งความไม่สมปรารถนาที่ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงแก้ไขสิ่งใด

ไม่มีสิ่งที่เห็น มีเพียงความเชื่อ
เชื่อว่า ที่เห็นคือตัวตนที่แท้จริงของเธอ

.

0.5

คุณว่า นี่ไม่ใช่เซ็กส์ แต่มากกว่าเซ็กส์มันคือการแสดง จริตจก้านของการเอาอกเอาใจที่ไม่จำเป็น
คุณถามว่า มันจำเป็นด้วยหรือ ที่ต้องโยนความภาคภูมิใจในตัวเองทั้งหมดของคุณทิ้งไป

.

เธอค่อยๆเรียกแนวโน้มที่เกิดขึ้นจากการพังทลายตัวเองลงไปทีละเล็กละน้อยของเธอว่า
’ การแก้ไขเพื่อการเปลี่ยนแปลง ‘
เธอค่อยๆปรับเปลี่ยนมุมมองที่มีต่อความรักไปทีละเล็กทีละน้อยจนคลาดเคลื่อนไปจากจุดที่สมดุล
เธอปรารถนาที่จะเข้าใจ
มากเสียยิ่งกว่า
ความปรารถนาที่จะเป็นส่วนหนึ่งของมันเอง

.

และเพื่อบดขยี้ความภาคภูมิใจที่ยโสโอหังของเธอ
และเพื่อเห็นใบหน้าอันเฉียบขาดคมคายซึ่งตัดสินใจทำในเรื่องที่
วิปลาสและไร้ยางอาย
เธอว่า เธอยังมองเห็นเด็กผู้ชายคนหนึ่ง
ซึ่งยังไม่โตเต็มที่นัก
ยืนหลบอยู่เบื้องหลัง
บานหน้าต่างดวงตาที่ปิดสนิทของคุณ

  • แทรกด้วยกระดาษดำทั้งแผ่น -

เหวี่ยงกำปั้นทุบกระจก เงาอันเฮิมเกริมพุ่งหมัดย้อนใส่ข้า ช่างกล้านัก

  • แทรกด้วยกระดาษดำทั้งแผ่น -

0.1

แววตาคมกล้าของคุณหายไปไหนหมดแล้ว
คำพูดฉาดฉานและมาดมั่นของคุณด้วย
คุณที่บอกฉันเองว่า ผู้ชายที่มุ่งมั่น
คือผู้ชายที่เท่ห์ที่สุด
รอยยิ้มที่กว้างขวางและแสนจะน่าเบื่อหน่ายของคุณ
ขนาดหัวใจ
น้ำหนักที่คุณแบกทาน
โลกทั้งใบ
คุณว่า ทุกสิ่งจะไม่เป็นไร
คุณจะทำทุกอย่างเพื่อการเสียสละอันไม่มีสิ้นสุดเช่นนี้ตลอดไป

.

อะไรที่ทำให้คุณเชื่อว่า
เพียงเพื่อวัดระยะห่าง
ระหว่างส่วนที่บอบบางที่สุดของคุณ
กับโลกซึ่งเต็มไปด้วยประสบการณ์ที่ไม่ยุติธรรม
คือเรี่ยวแรงที่มากพอ
จะทำลายกำแพง
ซึ่งขวางกั้นระหว่างคุณ
กับอนาคตของเรา
กำปั้นโง่ๆ
ซึ่งไม่เคยทำให้
คุณรู้สึกติดค้างกับตัวเอง

.

แววตามุ่งมั่นแบบนั้น (ในชั่วชีวิตของคนๆหนึ่ง)
ฉันอาจได้เห็นเพียงครั้งเดียว

เธอจะกล้ารักฉันไหม
หากมันต้องการความกล้าหาญในแบบที่เธอไม่เคยมี

.

ถ้าไม่ใช่เธอเสียแล้วใครก็ไม่สามารถยกโทษให้กับตัวฉันเองได้

.

เธอยังบอกอีกว่า ความสุขที่สำเร็จรูปและไร้ความเสี่ยงคือความปรารถนาของทาสที่คิดว่ากรงขังของมันเองนั้นกว้างพอ

0.2

จะมีสักช่วงเวลาหนึ่งไหม
ที่พบว่าความอ่อนแอที่คุณเคยมี
ไม่ใช่เรื่องที่น่าอับอาย

.

เธอบอกว่า นี่ไง ผู้ชายขี้ขลาดในอุดมคติที่ฉันเคยเดินควงด้วย เธอครางออกมาว่า ไม่น่าเลย

.

ชีวิตที่เต็มไปด้วยเหตุผลส่วนตัวที่ซับซ้อนมากมาย
ทำอย่างไรเธอก็ไม่สามารถรักตัวเองได้สักที

.

0.3

ทำไมการข้ามไปสู่ความเป็นอมตะด้วยการเป็นอื่นของผู้อื่นตลอดไป
จึงกลายเป็นความปรารถนาอันไม่มีที่สิ้นสุดของเธอได้
ทำไมการสื่อสารที่ไม่เคยได้รับการตอบสนอง
จึงทำให้ความทรงจำยังคงหมุนวนอยู่ในความว่างเปล่าที่ไร้น้ำหนักเช่นนี้ตลอดไป
ทำไม
เพราะอะไร

วันนี้
คุณได้ถอดหน้ากากที่คุณสวมใส่ไว้เพียงเพื่อปกปิดความอ่อนแอ
ที่คุณไม่ต้องการให้ใครได้รับรู้ถึงเหตุผลของมันแล้ว
แม้ว่าจะเกิดจากความไม่ตั้งใจก็ตาม
น่าเสียดาย
ที่คำพูดขอบคุณยังคงเป็นของคนขี้ขลาดซึ่งครั้งนึงคุณเคยครางออกมาว่า
ไม่น่าเลย

ภาพของหญิงสาวที่กำลังเดินผ่านทัศนียภาพไม่รู้จบบนโลกใบนี้ คือคุณในวัยสิบแปดปีที่ยังคงมองเห็นภาพของตัวเองได้ไม่ชัดเจน

.

โลกใบนี้ยังมีปัญหาที่มีผมแต่ไม่มีคุณ
อย่าเพิ่งจากไป

.

วัยเยาว์ที่เคยเป็นอิสระและป่าเถื่อนของเธอ
ใครก็ฉวยคว้าไปเป็นของตัวเองไม่ได้
แต่เธอก็ฉวยคว้ามันกลับมาครอบครองไม่ได้เช่นกัน

.

...ด้วยการยอบกายที่เย่อหยิ่ง ของรอยเท้าที่ในทางกายภาพแล้ว บ่งชี้ชัดเจนว่า มันคือการก้าวไปข้างหน้าที่ถอยหลังอย่างยิ่งในทางนามธรรม ...

ติดค้างอยู่ภายใต้โพรงอกที่เปล่ากลวง
อะไรคือการทบทวนที่มีสีเทาปนเปื้อน

.

ฉันเป็นเพียงคนเดียวใช่ไหมที่รู้ดีว่า
ความรู้สึกเขินอายซึ่งเกิดขึ้นจากการเปลี่ยนแปลงเชิงกายภาพแบบกระทันหันนั้น
สร้างผลกระทบเพียงใดกับเธอ
ฉันเป็นเพียงคนเดียวใช่ไหมที่รู้ดีว่า
ดวงหน้าอันอ่อนเยาว์นั้น
ยังเป็นเค้าโครงหน้าที่ไม่สมบูรณ์

ฉันเป็นเพียงคนเดียวที่รู้ดีว่า
ความปรารถนาของคนที่ยังไม่รู้จักความรัก
ไม่มีที่ว่างให้แก่สิ่งใด
คุณเป็นอย่างไร
คุณรู้สึกอย่างไรบ้าง
ฉันยังถามตัวเอง
แม้ว่าเรื่องของเราจะผ่านมาเนิ่นนานแล้วก็ตาม

0.4

แท้จริงแล้วครั้งหนึ่งเราเคยใกล้ชิดกันขนาดนั้น

.

กฎที่เข้มแข็งข้อหนึ่งของความสัมพันธ์คือความอดทน
ภายใต้คำว่าตลอดไป ภายใต้คำว่าตลอดกาล
ความหมายของมันคือไม่เปลี่ยนแปลงใช่หรือไม่

.

เธอว่า ส่วนที่สำคัญที่สุดในโลกที่สามานย์ คือธาตุแท้ที่คงทนต่อการเปลี่ยนแปลง

0.5

ถ้าการเปิดใจต้องใช้เพียงความกล้าหาญที่ยึดโยงอยู่กับแง่มุมที่เรามองเห็นมัน

  • แทรกด้วยกระดาษดำทั้งแผ่น -

ไม่มีใครหน้าไหนที่เขียนนิยายเกี่ยวกับการทำงานหรอก x นอกจากนักเขียนคนนั้นอยากจะโปรชีวิตตัวเอง หรือไม่ก็เพราะตัวเขาคนนั้นมีอัตชีวประวัติที่เป็นเรื่องขายได้ สังเกตดูเอาเถิด ประดานวนิยายทั้งเริงรมย์และพาฝัน ต่างก็ล้วนแล้วแต่เขียนขึ้นด้วยความรัก ไม่สิ ฉันอาจจะนิยามผิดพลาดไป คนพวกนี้ต่างก็เขียนถึงเรื่องราวของความรัก การต่อสู้ ความพ่ายแพ้ ความสิ้นหวัง และทอดอาลัยตายอยากอย่างสิ้นไร้ศักดิ์ศรี แต่ยังไงน่ะหรือ x ทั้งหมดทั้งมวลก็ยังคงมีแก่นแกนอยู่ที่เดิมไง ความรักไง x ความรักที่แผ่ลามท่วมท้น ความรู้สึกหม่นไหม้ที่มองเห็นแต่ลำพังตัวเอง ความรักที่ทำให้คนๆหนึ่งตระหนักว่าการรักตัวเองไม่มีคุณค่าเทียมเท่ากับการที่เราจะรักใครอื่นอีกคน รักที่ไปและพ้นจากปริมลฑลที่สิงสถิตแห่งดวงจิตของเรา

ฟังให้ดีนะ x เธออาจไม่เข้าใจ แต่ก็เพราะด้วยความรักนี่แหละที่ทำให้คนเราค้นพบเจตจำนงค์ที่แท้จริง ยังไงดีล่ะ มันทำให้เราหลุดพ้นจากชุดของความรู้สึกอันปกติสามัญธรรมดา และความปรารถนานี้เองที่ทำให้เราหลุดพ้นจากขอบข่ายแห่งประเพณี ถูกมั้ย x ความรักที่แท้จะต้องทำให้เราหลุดพ้นและเป็นอิสระจากพันธนาการ ไม่สำคัญด้วยว่าระยะเวลาของการก่อตัวขึ้นนั้นจะแคบสั้นหรือยาวนาน แต่เอาเถิด ในช่วงใดช่วงหนึ่ง และในระยะเวลาเหล่านี้เอง เราคือสิ่งที่เราไม่เคยเป็น และเพราะสิ่งที่เราเป็น แท้แล้วก็ไม่ใช่เรา

.

แด่ถนนเลียบหาดซึ่งห่างไกลจากอดีตที่เคยมีเธอ
แด่คลื่น คน ชีวิต
แด่เธอ และนักสังเกตการณ์ ที่ในท้ายที่สุดแล้ว (กลับ)ค้นพบว่า ชีวิต ไม่ได้เป็นของคุณเพียงลำพัง

  • แทรกด้วยกระดาษดำทั้งแผ่น -

0.1

คุณก็รู้
รู้ดีกว่าใครด้วยซ้ำไป
ไม่จำเป็นต้องทบทวน
เมื่อรักเสียแล้ว
ก็ไม่จำเป็น
ต้องทบทวนอะไรอีก

นึกถึงคุณ
นึกถึงบทสนทนาคลุมเครือที่ทำให้เราตกหลุมรักซึ่งกันและกัน

.

ขอให้ฉันได้เกาะกุมมือที่มุ่งมั่นของคุณ
หัวใจที่กล้าหาญอย่างบริสุทธิ์นั้น
ไม่ใช่สิ่งของหาง่ายในโลก
ฉันจะเรียนรู้วิธีใช้มัน
เหมือนที่คุณเรียนรู้วิธีที่จะพูดมันออกมา

.

ถามตัวเอง
มีสิ่งใดที่จริงไปกว่านี้บ้าง
ในบรรดาเรื่องราวหยาบช้าที่เคยประดังประเดเข้ามา
คิดถึงเธอ
คิดถึงเธอ
บอกฉัน
ว่าคุณเองก็ไม่แตกต่างกัน

ท่ามกลางฤดูหนาวอันโหดร้ายยาวนาน
ภายใต้เปลือกที่แข็งและหนาขึ้นทุกทีของคุณ
ใครกันที่ประกอบสร้างขึ้นจากหัวใจที่แหลกเหลวไร้รูป
ภายใต้เปลือกที่แข็งและหนาของตัวเอง
คุณกลับพบ
ตัวตนที่กำลังสั่นคลอนของตัวคุณเอง
ซึ่งมันก็มิได้แข็งแกร่งเยี่ยงเดียวกับที่คุณพยายามเชื่อเช่นนั้นตลอดมา

.

ถูกแล้ว ถ้าหากเราไม่ถูกจับแยกออกจากกัน ชีวิตจะยังคงมุ่งหน้าไปสู่หนใด
ชีวิตที่มีแต่จะทำให้เธอกลายเป็นคนที่ยิ้มยากขึ้นทุกที

0.2

กระดิ่งที่เคยให้เธอไว้ยังคงแขวนอยู่ที่เก่า
คำพูดขอบคุณ ที่ในปี พ.ศ. นั้น อาจรู้สึกไปเองว่ายังเร็วเกินไป
แต่กลับกันในปี พ.ศ. นี้ นี่คือเดือนปีที่มาถึงช้าเกินไป

0.3

ฉับพลันหัวใจของคุณก็อุ่นและเอ่อท้นไปด้วย
เสียงหัวเราะและการร่ำไห้ที่ยังไม่เข้าใจด้วยซ้ำว่าทำไม

.

ไม่แตกต่างจากที่คุณเคยพูดไว้ ไม่แม้แต่นิดเดียว
เมื่อไม่สามารถทำความเข้าใจ
ก็ไม่สามารถก้าวเดินต่อไปได้อย่างที่ใจต้องการ

.

และเมื่อถึงจุดนึงฉันเริ่มคิดถึงสิ่งอื่นที่สำคัญกว่าการพูดของเธอ สิ่งอื่นที่สำคัญกว่าการปฏิญาณของเธอสิ่งอื่นที่มากกว่าแนวคิดหรือสิ่งที่มากกว่ารสนิยมอันน่าเคลือบแคลงของเธอ สิ่งอื่นที่มากกว่าเธอและการร่วมรักสิ่งที่สูงส่งยิ่งกว่าและไม่จริงยิ่งกว่า สิ่งซึ่งเป็นตัวของมันเอง
ซึ่งไม่ใช่
การสะท้อนออกมา ของสิ่งซึ่งปราศจากการสะท้อนโดยสมบูรณ์ หรือสิ่งซึ่งไม่ดูดซับแต่หากเปล่งประกาย สิ่งซึ่งไม่อาจนิยามหรืออุปมา สิ่งซึ่งแยกขาดจากภูมิทัศน์ของมันเอง สิ่งซึ่งไม่มีอดีต ไม่มีอนาคต ไม่ย่อยสลายหรือไม่วิวัฒนาการ ที่ซึ่ง ระหว่างความเป็นอื่น ระหว่างนั้น ความเป็นปฏิปักษ์เฝ้ามองแรงดึงดูดระหว่างกัน ระหว่างฉันกับเธอ ระหว่างเกร์เกอร์ กับ ซามซ่า
ระหว่างแมลงสาปกับเมตตามอร์โฟซิส
ระหว่างนวกะ กับ โกลด์มุน
ระหว่างการออกเสียงของความเงียบกับการสะกดที่ถูกต้องของถ้อยคำ
ระหว่างความต้องการกับความจำเป็น
และความจำเป็นเฉกเช่นเดียวกับที่ เกรเกอร์ ซามซากลายเป็นแมลงสาป หรือหนังสือของฟรัน คาฟก้าซึ่งดึงดูดมากกว่า เดเมียนจากชั้นหนังสือเดียวกัน ฯ

0.4

ก็ถูกแล้ว
ในแง่หนึ่ง
ก็คงเป็นเพราะ
เมื่อมีปัญหากับการนิยาม
หรือไม่ก็
สูญเสียความสามารถในการแยกแยะความแตกต่างระหว่าง
ความสามารถในการปรับตัว
เมื่อเปรียบเทียบกันกับ
การปลอมตัว
ซึ่งในท้ายที่สุดแล้ว ก็ไม่แน่นักว่า...
คุณพูด แล้วก็หยุดไป

หรือเป็นผมนั่นเอง
หรือว่าเป็นผมนั่นเอง
ที่ช่วงชิงกล่าวหาและโจมตี

นั่นคือช่วงเวลาเดียวกันกับที่
คุณกำลังเสาะแสวงหาเปลือกที่สัมพันธ์กับเนื้อแท้ด้านใน
แสงที่สัมพันธ์กับเงา
เลือดเนื้อภายใต้
ผิวสัมผัสที่บริสุทธิ์และหมดจดงดงาม

ผมคงต้องขอโทษคุณด้วยจริงๆ
ผมคงต้องขอโทษคุณด้วยจริงๆ

.
คุณเคยบอก ถ้าไม่ใช่ฉันเสียแล้วใครก็ไม่สามารถยกโทษให้กับตัวคุณได้
คุณเคยบอก ถ้าไม่ใช่ฉันเสียแล้ว ละครชีวิตเรื่องหนึ่ง
ต้องมีจุดจบที่แตกต่างออกไป

.

เธอว่า ไม่แน่ว่า
ชีวิตจะมีความหมายอย่างไรกันแน่

แต่ฉันจะมีความหมายใดความหมายหนึ่งต่อเธออย่างแน่นอน

.

อีกครั้งหนึ่งแล้ว อีกครั้งหนึ่งแล้ว
ตื่นขึ้นในเมืองที่ไม่มีใครรู้จัก
หลับตาลงบนเตียงที่ไม่คุ้นเคย
ความสัมพันธ์ไร้ชื่อเรียกและความปรารถนาที่ไร้เธอ
จะมีความหมายอะไร
อีกครั้งหนึ่งแล้ว อีกครั้งหนึ่งแล้ว
กอดคนแปลกหน้าผ่านความเดียวดายชนิดหนึ่ง
ทอดทิ้งกันด้วยความเดียวดายอีกชนิดหนึ่ง
ปลอมแปลงตัวเองเข้าหากันและกัน
เป็นตัวปลอมของตัวจริง ทั้งที่ยังไม่รู้จักตัวตนของตัวเอง
ความอ้างว้างชนิดไหนกันที่ทำร้ายคนได้อย่างลึกซึ้งถึงเพียงนี้
ปลอมตัวเข้าหากันและกัน
เป็นตัวปลอมของตัวจริง
ทั้งที่ยังไม่รู้จักตัวตนของตัวเอง
ความอ้างว้างชนิดไหนกันที่ทำร้ายคนได้อย่างลึกซึ้งถึงเพียงนี้
อีกครั้งหนึ่งแล้ว อีกครั้งหนึ่งแล้ว
หลับตาลงบนเตียงของคนที่คุ้นเคย
ตื่นขึ้นในเมืองที่เติบโตขึ้นมาพร้อมๆกับภายในของคุณ
ความสัมพันธ์ที่ไร้ทางออกและความปรารถนาที่จะถือสิทธิในตัวเธอ
จะมีความหมายอะไร
อีกครั้งหนึ่งแล้ว อีกครั้งหนึ่งแล้ว
ความรู้สึกที่ถูกปกป้องแม้ว่าจะผิดถูกอย่างไร มันเป็นเช่นนี้นี่เอง
ความรู้สึกที่เธอต่อต้านโลกทั้งใบเพื่อตัวฉันเอง มันเป็นเช่นนี้

0.5

ผูกติดตัวเองเอาไว้กับความเกลียดชัง
ทั้งไม่สามารถปล่อยให้มันผ่านเลย
เพราะอะไรกันแน่ ที่ทำให้คุณข้ามผ่านห้วงเวลาว่างเปล่าที่เต็มไปด้วยความยากลำบากซึ่งไร้ความหมายเหล่านั้นมาได้

.

มีดเล่มไหนจะคมพอตัดสายใยที่เชื่อมโยงระหว่างเรา
อาการเจ็บปวดที่จุดเดิมๆ
ความหมายของมันคืออะไรกันแน่
ชาแนลอาลัว เบอร์ 38
บ่อยครั้งไป ฉันเผลอเรียกคนอื่นเป็นชื่อเธอ

.

อุทิศตัวเองให้กับเรื่องที่หมดความสำคัญลงแล้ว
ความสัมพันธ์ที่จบลงแล้ว
ทางออกที่ยุติลงแล้ว
ผลักไสคนที่ค้นพบคุณด้วยการโบยตี

  • แทรกด้วยกระดาษดำทั้งแผ่น -

คุณศัพท์อาจเย่อหยิ่งได้กับคนบางคน
แต่ไม่ใช่แถวนี้

.

อุปมาคือกายกรรมของคุณศัพท์
หล่นลงจากบาร์สูงอย่างไร้ฝีมือ
ผมคือนักยิมนาสติกไร้เหรียญ

.

เอาตรงๆเลยก็ได้
ผมเกลียดการอุปมา
ผมจะจัดการพวกมันทางรูทวารหนัก
ดึงไส้ออกมาทางปาก

.

จินตนาการใดไร้แบบฉบับ

.

คือดวงอาทิตย์
ที่ถูกยิงตกลงมาด้วยฝีมือของนายพรานผู้มีเจตนาล่านก
คืออาหารที่ย่อยจากปากทศกัณฑ์สิบเศียร
ที่มีเพียงลำคอเดียว
กระเพาะเดียว
ทวารเดียว
คืออำนาจและความลับ
ที่ถูกเก็บงำไว้ในไส้ดินสอแท่งใดแท่งหนึ่ง
ซึ่งวางอยู่บนโต๊ะ
ในห้องอ่านหนังสือ
ของนักเขียนผู้เกียจคร้าน
คือเวลากลางวันที่ไม่อาจบรรยายบรรยากาศของเวลากลางคืน
ด้วยแสงสว่างของเวลากลางวัน
คือการพูดถึงสิ่งหนึ่งซึ่งสำคัญ โดยทำเสมือนหนึ่งว่าไม่พูด

  • แทรกด้วยกระดาษดำทั้งแผ่น -

0.1

เหมือนขนสีดำ บนผิวกายสีขาวของคุณ
นกกระสาตัวหนึ่ง
ไม่อาจเข้าใจว่าเป็นเพราะเหตุใด

เหมือนจักรวาลเคว้งคว้างแหว่งวิ่น
ด้วยร่องรอยกัดแทะของแมลงตัวเล็กๆที่ผลแตงโม

เหมือนเธอกับฉัน
หลังความเมามาย
ความเป็นจริงกลับกลายเป็นสิ่งที่ไม่อาจเผชิญ

ดวงดาว
สุกสว่างกว่าเมืองใหญ่ทั้งเมือง
เป็นไปได้อย่างไร

ความเห็นแก่ตัวชนิดไหนที่จะกลายเป็นความเสียสละที่มีคุณค่าต่อคุณได้
เวลานานเท่าใด
จึงเพียงพอสำหรับเหตุผลที่จะลืม

ใครกันยอมตายเพื่อความหลงใหลแม้เพียงเล็กน้อยที่มีต่อคุณ

อยากเดินไปจนสุดถนนที่วุ่นวายแห่งนี้
เอียงๆ แถๆ
คล้ายแกนที่เอนทำมุมกับโลก

คืนนี้ อุณหภูมิเกือบติดลบในหัวใจ คล้ายปิศาจที่โผล่ขึ้นจากหลุมที่ถูกลืม

อยากเดินไปจนสุดถนนที่วุ่นวายแห่งนี้
ความเห็นแก่ตัวชนิดไหนที่จะกลายเป็นความเสียสละที่มีคุณค่าต่อคุณได้
ใครกันยอมตายเพื่อความหลงใหลแม้เพียงเล็กน้อยที่มีต่อคุณ

0.2

คุณเคยบอก ถ้าไม่ใช่ฉันเสียแล้วใครก็ไม่สามารถยกโทษให้กับตัวคุณได้
คุณเคยบอก ถ้าไม่ใช่ฉันเสียแล้ว ละครชีวิตเรื่องหนึ่ง
ต้องมีจุดจบที่แตกต่างออกไป

0.3

ความรู้สึกหวาดกลัวที่ต้องอยู่คนเดียวในเมืองใหญ่กำลังครอบงำคุณอยู่ใช่ไหม

.

โลกที่กว้าง บางทีก็กว้างเกินไปจนมองไม่เห็นกัน

.

หมุนวนต่อไป
จุดศูนย์กลางที่เต็มไปด้วยแรงเหวี่ยงของความปรารถนาที่จะหลุดพ้นไปจากความเป็นตัวตนของตัวเอง
ภาพสะท้อนที่พร่าเลือน
แสงที่ตกกระทบและไร้วี่แววอย่างยิ่งที่จะยกตัวเองกลับขึ้นมาอีกครั้งนึง

.

(เป็น)ฉันเองที่ปรารถนาให้คุณก้าวข้ามกำแพงเหล่านั้นมา
แรงบันดาลใจที่ยังไม่รู้จักความปรารถนาของตัวมันเอง

.

เธอสอนให้ฉันรู้จักรักคนอื่น ทำไมไม่สอนให้ฉันรู้จักรักเธอ

.

ไม่น่าเชื่อ
คำพูดที่ขอให้คุณ
ละเว้นจากความรู้สึกถูกผิด
จะออกมาจากปากของฉันเสียเอง

ขอให้ทำในสิ่งที่น่าละอาย

ฉันว่า
คุณจะไม่อยากให้ฉันรู้สึกหรือว่า
คุณมีอยู่จริง
ฉันว่า
คุณจะไม่อยากให้ฉันรู้สึกหรือว่า
คุณไม่ใช่นามธรรม

.

ถ้าคุณฉกฉวยโอกาสนี้ไว้ได้โดยที่ไม่ต้องรับผิดชอบคุณจะเลือกมันหรือไม่
คุณรู้ใช่ไหมว่า สิ่งที่อยู่ตรงหน้าคุณในขณะนี้
มิใช่ความสมบูรณ์แบบที่ไม่มีวันเปลี่ยนแปลง

.

เธอบอกว่าเธอใช้เวลาอยู่นานทีเดียวกว่าที่จะเข้าใจว่าขาทั้งสองข้างของเธอมิได้มีเพียงหน้าที่เดียว
อย่างที่มันควรจะเป็น

.

เธอถามว่า เป็นอย่างไรกัน
‘ การร่วงหล่นที่ไร้จุดกลับตัว ‘
เธอว่า ถ้าหากเป็นไปได้
เธอก็อยากลองเข้าใจความรู้สึกที่แท้จริงแบบนั้นสักครั้งนึง

0.4

เป็นเพราะว่าลึกๆแล้ว ฉันรู้ดีว่า ฉันเป็นคนที่น่ารังเกียจและไม่สามารถจะรักได้ด้วยเหตุผลที่หนักแน่นข้อใดอย่างสิ้นเชิง
และว่า เมื่อทำให้
การทรยศ ดูสูงส่งขึ้นด้วยคำว่า ‘ ความรัก ‘
ก็ยัง
ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงข้อเท็จจริงใดๆที่ฉันมีต่อเธอ

.

ที่สุด
พวกคุณก็กลายเป็น
คนหนุ่มสาวประเภทที่
อดทนอยู่กับสิ่งที่ตัวเองคิดว่าไม่ใช่-ไม่ได้

.

และไม่ว่าจะรู้ตัวหรือไม่ก็ตาม
เธอได้ทำให้
ทุกครั้งที่แหงนหน้าขึ้นมอง
ต้องยอมบ้าคลั่ง เพื่อให้เข้าถึงตัวตนที่ 2 ของเธอ
ต้องยอมลุกไหม้ เพื่อให้รู้ว่า
คำบอกลา แท้แล้ว
ทำร้ายฉันได้อย่างลึกซึ้งและถาวรมากกว่าใคร
เธอคงไม่รู้ว่า
จักรวาลได้ทำให้ปัญหาทั้งหมดของเธอ
เล็กลง
และเกือบจะไร้ความหมายใดๆอย่างสิ้นเชิง
และอย่างสิ้นเชิง
ดวงดาวที่สมบูรณ์แบบ
คือแสงแห่งความตายที่ดับลงแล้วในที่อันห่างไกล

.

ฝนเหล็กที่ตกลงบนผิวหน้าของคุณ
ใบหน้าตอบโต้ที่หมายความว่า ‘ไม่’
สามารถแสดงให้เห็นได้อย่างชัดเจนว่า คุณที่เข้มแข็งเป็นอย่างไร

.

เธอบอกว่า ไม่จำเป็นต้องเข้มแข็งอยู่ตลอดเวลาก็ได้ โดยเฉพาะเวลาที่อยู่ต่อหน้าเธอ

.

แม้จะรู้ดีว่า เป็นโลกอีกใบหนึ่งซึ่งมีลักษณะครึ่งจริงครึ่งฝัน
และซ้อนทับอยู่กับโลกใบเดิม
แต่ก็อดเคลิ้บเคลิ้มไปกับความรู้สึกที่ทั้งสุขและทุกข์ทรมานเช่นนี้ไม่ได้

.

หรือว่าความรักสามารถทำให้ผู้ชายกลายเป็นเด็กหนุ่มที่สิ้นคิดได้ทุกคน

.

ในเมื่อคุณเองก็ผ่านโลกมามากขนาดนี้
คงแยกแยะได้อยู่หรอกว่า
คำพูดซึ่งปฎิเสธน้ำใจและไมตรีอย่างสิ้นเชิงนั้น
แตกต่างกับรหัสลี้ลับซึ่งซ่อนตัวอยู่อย่างแนบเนียนภายใต้คำว่า ไม่ และ ใช่
อย่างไร

0.5

...จนถึงวันนี้ ‘ เธอยังชอบอ่านหนังสือของศรีบูรพาอยู่หรือไม่ ‘ จูบของวัยหนุ่มสาวยังคงให้รสชาติที่ไม่อาจลืมเลือน...

  • แทรกด้วยกระดาษดำทั้งแผ่น -

หวังไว้ สักวันหนึ่ง

คุณจะแบกร่างฉันกลับไป

สู่บานประตูที่ไม่เคยไปถึง

  • แทรกด้วยกระดาษดำทั้งแผ่น -

วันนี้
คุณได้ถอดหน้ากากที่คุณสวมใส่ไว้เพียงเพื่อปกปิดความอ่อนแอ
ที่คุณไม่ต้องการให้ใครได้รับรู้ถึงเหตุผลของมันแล้ว
แม้ว่าจะเกิดจากความไม่ตั้งใจก็ตาม
น่าเสียดาย
ที่คำพูดขอบคุณยังคงเป็นของคนขี้ขลาดซึ่งครั้งนึงคุณเคยครางออกมาว่า
ไม่น่าเลย
ภาพของหญิงสาวที่กำลังเดินผ่านทัศนียภาพไม่รู้จบบนโลกใบนี้ คือคุณใน
วัยสิบแปดปีที่ยังคงมองเห็นภาพของตัวเองได้ไม่ชัดเจน

  • แทรกด้วยกระดาษดำทั้งแผ่น -

.

0.1

ตอนที่สารภาพว่าฉันเป็นซ้าย ฉันควรจะข่มขืนเธอด้วยจิตวิทยาแบบพวกขวาจัดซึ่งจะว่าไป ฉันเชี่ยวชาญและช่ำชองเป็นอย่างดี

.

แน่นอน เธอพูด ไม่ใช่ความโกรธแบบที่เกิดขึ้นในทันที
แต่เหมือนจูบที่ทำให้มึนเมา
กว่าจะเข้าใจ
ก็ผ่านไปหลายปีจนเกือบที่จะลืม

หากส่วนหนึ่งของการละเมิด
ที่ทำให้คนเราไม่สามารถเคารพตัวเอง
คือส่วนหนึ่งของเหตุผลหนักแน่นซึ่งเธอใช้บอกกับตัวเอง
ฉันขอ
ไม่ยกโทษให้เธอ
เหมือนที่เคยพลาดผิดไป

แน่นอน เธอพูด ไม่ใช่ความโกรธแบบที่เกิดขึ้นในทันที
แต่เหมือนจูบที่ทำให้มึนเมา
กว่าจะเข้าใจ
ก็ผ่านไปหลายปีจนเกือบที่จะลืม

.

คุณสูญเสียสมดุลเล็กน้อยและพูดว่า ใครจะไปลืมผู้หญิงผมสั้นและขี้เมาเล็กน้อยแบบนั้นได้ลงคอ

.

เธอว่า ชีวิตที่เหลืออยู่
จะต้องไม่สูญเปล่า
จะไปข้างหน้า
แม้ว่าวันเวลาที่เหลือเหล่านั้น
จะมีเธอเพียงลำพัง

.

เป็นที่รู้กันในหมู่เพื่อนๆ เมื่อใดที่เอ่ยชื่อของฉัน ก็ย่อมหมายถึงคุณรวมอยู่ด้วย

.

มันเปิดปากแผลที่ปิดสนิทของคุณ
มันเปิดหัวใจที่เคยห่อหุ้มไว้อย่างหนาแน่น
มันปกปิดความเขลาขลาดที่คอยก่อกวนจากด้านใน
ใครกันที่คอยแต่จะพลัดตกลงไปในความสูญเปล่าไร้ที่มา
ใครกันที่บุกรุกเข้าไปสู่ดินแดนอันเป็นหนึ่งเดียวซึ่งปราศจากความป่วยไข้และสับสนใดๆ
ใครที่ตกหลุมรักคุณ ใครที่หลงรักคุณด้วยความรู้สึกที่เปราะบาง
มันเปิดปากแผลที่ปิดสนิทไปแล้วของคุณ
มันปกปิดความเขลาขลาดที่คอยก่อกวนจากด้านใน
ปราสาทอันไม่อาจพังทลายเหล่านี้
คุณเองใช่ไหม
ที่ทักทอเส้นด้ายอันไม่ประสีประสาของตัวเอง
เพื่อปกป้องเนื้อแท้อันบอบบาง
ไม่สิ่งใดที่สามารถทำร้ายคุณ ไม่มีคนโง่งมที่ใช้หัวใจเย็นชาหัวใจหนึ่งประคบประหงมอีกหัวใจที่ว่างเปล่าชืดชา
มันเปิดหัวใจที่เคยห่อหุ้มไว้อย่างหนาแน่น
คุณเคยตกหลุมรักใครบ้างหรือไม่
รักใครสักคนด้วยความรู้สึกที่ทั้งอ่อนแอและเปราะบาง
มันเปิดปากแผลที่ปิดสนิทของคุณ
มันเปิดหัวใจที่เคยห่อหุ้มไว้อย่างหนาแน่น
มันปกปิดความเขลาขลาดที่คอยก่อกวนจากด้านใน
คุณถูกทอดทิ้ง
คุณยอมถูกกลืนกิน
คุณปลอมแปลงตัวเอง
คุณสง่าผ่าเผยรวมทั้งจอมปลอมอยู่ในคนๆเดียว
คุณต่อต้านความรู้สึกที่ทำให้ตัวเองตกต่ำและอ่อนแอ
คุณเชื่อฟังความรู้สึกที่คุณยอมจำนน
ความรักที่จริงแท้และบริสุทธิ์โดยตัวของมันเอง
ความรักที่จริงแท้และแปดเปื้อนโดยไม่ต้องมีคุณ
คุณเคยตกหลุมรักใครบ้างหรือไม่ รักใครสักคนด้วยความรู้สึกที่ทั้งอ่อนแอและเปราะบาง

.

คุณใช้อารมณ์สิ้นเปลืองเกินไป
คุณใช้ความรู้สึกสิ้นเปลืองเกินไป
คุณรู้สึกมากเกินไปทั้งที่ความรักบางรูปแบบไม่คู่ควรกับคุณ
คุณเจ้าอารมณ์มากเกินไป
ทั้งที่ความหยาบคายบางรูปแบบไม่คู่ควรกับอุปนิสัยของคุณ

.

ต่อมาไม่นาน เธอจึงกลายเป็นชิ้นส่วนที่ถูกทิ้งขว้างไว้ข้างๆ รูปแต่งงาน

0.2

ฉันไม่มีวันที่จะไปถึง
วันเวลาที่เหลืออยู่ทั้งหมดของชีวิตคุณ
ร่องรอยของคราบน้ำตาเหล่านั้น
บัดนี้ถูกปิดทับด้วยแป้งที่พอกหนาและรอยยิ้มซึ่งถูกประดิษฐ์ขึ้นจนเกินเลย
น่าเสียดาย มีเวลาตั้งมากมาย แต่ไม่สามารถใช้มันกับคุณ
คุณบอกว่าความรับผิดชอบทำให้คนเราไม่อาจเป็นตัวของตัวเอง

.

ที่ยื่นมือออกมาอาจไม่ใช่คุณ
อุดมคติสูงส่งต่างล้วนเป็นเรื่องเกินพอสำหรับชีวิตที่เหลือในช่วงต่อมา
ถูกแล้วที่ฉันตัดสินใจบอกคุณ

.

ข้างบนนั้นมีเธออยู่ไหม
มีหัวใจของใครที่แตกสลายปะปนอยู่บ้าง

.

คุณบอกว่าความรับผิดชอบทำให้คนเราไม่อาจเป็นตัวของตัวเอง

.

น่าเสียดายที่ฉันไม่รู้จักตัวเองมากพอ

.

คนที่เอาแต่แกว่งแขนไปมาอยู่บนสันเขื่อนริมทะเลสาปแห่งนั้น
ตอนนี้อยู่ที่ไหนแล้ว

.

แท้จริงแล้วครั้งหนึ่งเราเคยใกล้ชิดกันขนาดนั้น

.

ความอ้างว้างชนิดไหนกันที่ทำร้ายคนได้อย่างลึกซึ้งจนถึงเพียงนี้

0.3

ทำไมต้องตื่นขึ้นมาในวันเวลาเก่าๆที่วนเวียนซ้ำไปซ้ำมา

.

ความรู้สึกโศกเศร้าและโกรธเกลียดตัวเองที่สลับซับซ้อนเช่นนี้

.

เกรงว่าเธอจะติดค้างอยู่ในวันเวลาเหล่านั้นจนไม่อาจถอนตัว
เกรงว่าเธอจะตามหาหัวใจตัวเองไม่เจอ

0.4

ใครกันจะไม่สามารถคาดเดารอยยิ้มแบบนั้นได้บ้างล่ะ ?
การมองตาแว่บเดียวแบบที่รู้กันเช่นนี้
ไม่ใช่กับใครทุกคน(ก็ได้)

.

บางที เรื่องราวบางขณะ
หากหยุดไว้ในช่วงตอนที่ดีที่สุด
ชีวิตคนเราคงไม่มีเรื่องผิดหวังใดๆ

.

เหมือนละอองดาวตกค้างบนพุ่มสนที่สูงในเชิงอุปมา
และฉันยังคงแหงนคอตั้งบ่าเพื่อมองมันทั้งวัน

0.5

อยู่ใกล้ๆเธอแล้วฉันหายใจไม่ออก
ถ้าสารภาพรักเป็นเรื่องง่าย
“ นายคงไม่กลุ้มใจแบบนี้หรอก “
เธอตบไหล่
ฉันที่หัวเราะเบาๆ

.

เธอว่า เรื่องที่ลื่นไหลมากเกินไป
เรื่องที่ชั่วครู่ยามหนึ่งฉันจะกลับออกมา
ไม่อยู่บนพื้นฐานของความเป็นจริง
บันไดเวียนที่หมุนวน
คลื่นที่ย้อนกลับเข้าสู่ภายใน
กระแทกกระทั้น
โลกที่แบนราบแต่หลอกตา
เธอว่า ขอให้ลืมเลือน
และขอให้ใช้ชีวิตอยู่อย่างเป็นคนของเธอ
ผู้รอดชีวิตหลังการแข่งขันอันดุเดือดยาวนาน

1.(หนึ่ง)

สาเหตุใด ความฝันที่สำคัญที่สุด
จึงไม่ใช่เรื่องของตัวเอง
จึงไม่ใช่ความปรารถนาที่จะต้องบรรลุ
จึงไม่ใช่สิ่งที่จะต้องปฏิบัติให้ได้ในทันที

.

เยือกเย็นขึ้น
กระทั่งใกล้เคียงกับจิตใจที่เย็นชา
เลือดร้อนขึ้น
กระทั่งใกล้เคียงกับจิตใจที่อำมหิตไร้ความปราณี
ไม่ใช่เธอใช่ไหม ต้องไม่ใช่คนๆหนึ่งที่ฉันเคยรู้จักอย่างแน่นอน

.

เท่าที่เราเข้าใจ
[ชีวิต]
เหมือนผลึกทึมเทาและเงียบงัน
[ความสัมพันธ์]
เหมือนอุโมงค์สู่ความมืดมน

.

เท่าที่ฉันเข้าใจ
อาชญากรรมสีขาว
กับการโกหกเล็กๆน้อยๆ
เป็นเรื่องที่เหมาะสมแล้ว สำหรับคนที่โตเต็มวัย
เป็นเรื่องที่เหมาะสมแล้ว สำหรับคนที่รู้จักพลิกแพลงความไร้เดียงสาเพื่อปกปิดความผิดได้อย่างแนบเนียน
ส่วนเธอจะยึดถือความสัตย์ซื่อจริงใจอยู่อย่างเหนียวแน่นนั้น
มันก็เรื่องของเธอ

.

มีเรา
เพราะจุดหนึ่งของความสัมพันธ์
ยังห่างไกลจากความรู้สึกที่จำต้องพยายามหรือสิ่งที่จำต้องฝืนทน
มีเธอ
ยังหมายรวม
ถึงฉัน
มีฉัน
ยังหมายถึงความสัมพันธ์ที่มิได้พินาศหรือพังทลายลงไป
มีความปรารถนา
แต่มิได้มุ่งหมายเพียงการครอบครอง
เริ่มทำความเข้าใจเธอจากด้านที่มืดมนที่สุด
ค่อยๆรักเธอจากแง่มุมที่กระด้างและหยาบระคาย

.

อยากรวบเธอกลับเข้ามาอยู่ในอ้อมกอดที่เธอเคยเชื่อมั่นอีกครั้งหนึ่ง
อยากทำความเข้าใจ
ส่วนที่ซับซ้อนที่สุดซึ่งซุกซ่อนอยู่ภายในแววตาที่มีประกายหม่นหมองของเธอ

.

ไม่อาจหยุดยั้งที่ปลดปล่อยตัวเองไปกับความบ้าคลั่ง
เมื่อมีเธอแล้ว
ความรู้สึกกลับไม่ต้องการอะไรอีก

.

ทุกเช้าที่คุณตื่นขึ้นมา คุณเจ็บปวดมากขึ้นทุกที

.

โลกที่แคบ บางทีก็แคบจนเราใกล้ชิดกันเกินไป
10,000 วันสำหรับชีวิต
10,000 วันสำหรับคิดถึงเธอ

.

อะไรคือสิ่งที่ทำให้คุณได้ก้าวเข้าไปสู่จุดที่ไร้เหตุผลในตัวเอง

.

เขียนถึงคิ้วที่คมคายและกินความหมายอย่างลึกซึ้ง
เขียนถึงจูบแรกอันดื่มด่ำที่รสชาติของมันไม่มีวันถูกจับผิดได้

.

เรื่องราวทางโลกที่มีกลไกเรียบง่ายแต่คุณกลับเสียท่าให้แก่มันทุกครั้งไป

.

รสชาติเฉพาะของบุหรี่ที่เธอสูบ
ยังติดอยู่ริมฝีปาก
หวังว่าสักวันหนึ่ง จะลืมเลือน

.

จะเป็นไรไป
หากคุณรู้สึก ก็แปลว่าเข้าใจ
แม้ว่าคุณจะอธิบายมันออกมาไม่ได้ก็ตาม
ไม่อาจควบคุม
อยู่นอกเหนือคำสั่ง
มีกลไกของตัวเอง
แม้ว่าคุณจะอธิบายมันออกมาไม่ได้ก็ตาม
มีชีวิตอยู่เพียงเพื่อ
หลอมละลายอยู่ในดวงตาของคุณ
มีชีวิตอยู่เพียงเพื่อ
หลอมละลายอยู่ในดวงตาที่ไม่จำเป็นต้องอธิบายของคุณ

เพียงแค่จดจ้องมองคุณ
คนเราก็สามารถค้นพบชีวิตของตัวเอง
จากจุดที่ไม่สามารถอธิบายมันได้อีกต่อไป
เพียงแค่จดจ้องมอง
ฉันก็สัมผัสได้ในทันทีว่า
ไม่สามารถควบคุมตัวเองได้อีกต่อไป
สูญเสียทุกอย่างที่เคยจำเป็น
แต่เพิ่งรู้ว่าเป็นเพียงแค่ความต้องการ

.

เธอถามฉันว่า มีอะไรที่คุณมองเห็นและฉันมองข้ามไปหรือไม่
ฉันตอบว่า สัดส่วนที่ไร้รอยตำหนิของคุณ
มันมากเกินไป
และยากที่จะเชื่อว่า
ทุกอย่างที่ประกอบขึ้นจนกลายเป็นคุณ
มิใช่ขบวนการสมรู้ร่วมคิดของพระเจ้าองค์ใด

.

นั่นคือเหตุผลที่ว่าทำไมคนเราจึงต่างปรารถนาที่จะทรยศต่อมันสักครั้งหนึ่ง
ชีวิตในอีกรูปแบบซึ่งครอบครองจักรวาลทั้งหมดของเรา

.

เธอว่า เธอถามว่า หรือว่าโลกใบนี้เต็มไปด้วยประสบการณ์ที่ไม่ยุติธรรม

.

เธอบอกว่า ดวงดาวสามดวง
ที่ทำมุมซึ่งกันและกัน
เป็นรูปตรีโกณมิติ
จะคอยคุ้มครองคุณ
ฉันว่า อื้อ
ฉันจะพยายามเข้าใจ
หรือถ้าเป็นไปได้
ฉันจะใช้เรี่ยวแรงทั้งหมด
ผลักเปลี่ยนตำแหน่งและทิศทางของมัน
ก่อกวนจักรวาลแห่งดาราจักร
ที่มีเธอเป็นหนึ่งในผู้กะเกณฑ์

.

อาจเป็น
อ้อมกอดที่มีรสชาติเฉพาะแบบหนึ่ง
รสขมของความผิดหวัง
อาจเป็น
เส้นคิ้วที่ผยองหยิ่งไว้ตัว
เรือนผมที่ติดกลิ่นชื้นของหญ้าแห้งหลังฝนหมาด
อาจเป็นที่ไหนสักแห่งหนึ่ง
จูบที่ไม่มีเธอ กลับกลายเป็นเพียงการตอบสนองที่ตื้นเขินของร่างกาย

.

ครั้งสุดท้ายคือเมื่อไร เธอถาม
ครั้งสุดท้ายที่หน้าแดงและใบหูชา
พูดอะไรออกไป
ก็ไม่ได้ยิน
ไม่ทันระวัง
ช่องว่างที่เว้นห่างไว้
ระหว่างฉันกับเธอ
กลับกลายเป็นสิ่งตื้นเขินไร้ค่า
ไม่ทันระวัง
จูบที่ดื้อดึง
กลับกลายเป็นการตอบสนองที่ทำให้เธอเข้าใจในตัวฉันแบบผิดๆตลอดไป
ไม่อาจทำให้ความรักปรากฏตัวเป็นจริงขึ้นมา
สูญเสียทั้งการควบคุมและการตอบสนองที่ทำให้เด็กหนุ่มคนหนึ่งเข้าใจผิดๆเกี่ยวกับตัวเธอ
หัวใจเต้นแรงใช่ไหม เธอถาม
หน้าแดงและใบหูชา
โดยเฉพาะตอนที่แนะนำฉันกับเพื่อนๆของเธอ
ครั้งแรกที่บ้าคลั่งคือเมื่อไร
ครั้งสุดท้ายที่หน้าแดงและใบหูชา
พูดอะไรออกไป
ก็ไม่ได้ยิน

.

ได้เห็นคุณกลับไปเป็นเด็กหนุ่มขี้อาย
ซึ่งฉันไม่เคยมีโอกาสได้เห็นมันมาก่อน
แค่นี้ก็พึงพอใจแล้ว
ส่วนใครจะเป็นคนแรกที่รักคุณอย่างบริสุทธิ์ใจ
ใครที่คุณทุ่มเทให้จนสูญเสียความเป็นตัวเอง
เรื่องนั้นอาจไม่สำคัญมากพอ
โชคดีแค่ไหนแล้ว
ที่มีคุณ
โชคดีแค่ไหน
ที่ฉันสามารถรักษาความซื่อสัตย์ที่มีต่อความรู้สึกของตัวเองเอาไว้ได้
เพียงแค่รู้ว่า
ไม่ใช่ครั้งแรกที่คุณเอ่ยปากหนักแน่นแบบนั้น
ฉันก็รู้ทันทีว่าคุณซื่อสัตย์ต่อตัวเองเพียงใด
ใครจะเป็นคนแรกที่รักคุณอย่างบริสุทธิ์ใจ
ใครที่คุณทุ่มเทให้จนสูญเสียความเป็นตัวเอง
ไม่สำคัญ
ไม่สำคัญมากพอที่จะเปลี่ยนแปลงโชคชะตาระหว่างฉันกับคุณได้
ได้เห็นคุณกลับไปเป็นเด็กหนุ่มขี้อาย
ซึ่งฉันไม่เคยมีโอกาสได้เห็นมันมาก่อน
แค่นี้ก็พึงพอใจแล้ว

.

เพียงแหงนเงยขึ้นมอง
คุณกลับพบใครบางคน
กำลังแบกทานตัวเอง
หลังไหล่งุ้มงอ
คุณกลับพบดวงตาขี้ขลาด
ฟกช้ำไปด้วยเลือดและหนอง
บาดแผลเหล่านั้น
ไร้ทางออกใดๆ
คุณกลับพบใครบางคน
ยังเป็นคนไม่เต็มคน
ไร้เดียงสา
แต่ไม่อ่อนเยาว์อีกต่อไป
กร้านโลก
แต่ก็ไม่ปราดเปรียว

.

ใครจะไม่สามารถคาดเดารอยยิ้มแบบนั้นได้บ้างล่ะ

การมองตาแว่บเดียวแบบที่รู้กันเช่นนี้
ไม่ใช่กับใครทุกคนก็ได้

อย่ามั่นใจไปนักเลย
เธอกล่าวราวกับไม่ได้ยินเสียงคุณ

.

ครึ่งหนึ่งคุณยิ้ม อีกครึ่งหนึ่งบึ้งตึงอยู่ข้างใน
ไม่ต้องบอกก็รู้ว่า รอบๆตัวคุณนั้น
ไม่มีสักคนเดียวที่เข้าใจคุณ

.

เปล่าเลย คุณกำลังตื่นขึ้นในอีกวันถัดมาของฝันร้ายที่จะดำเนินต่อไปอย่างไร้จุดสิ้นสุด

.

ถ้าฉันปล่อยให้น้ำตาไหลออกมา เกรงว่าหัวใจของฉันจะแตกสลายจริงๆ

.

เธอกลายเป็นของเล่นที่ล้าสมัยไปเสียแล้ว ในตอนที่เขาได้มันมา

.

เมื่อตัดสินใจเป็นตัวตลก อย่ากลัวที่จะถูกหัวเราะเยาะถากถาง

.

เท่าที่ฉันเข้าใจ
อาชญากรรมสีขาว
กับการโกหกเล็กๆน้อยๆ
เป็นเรื่องที่เหมาะสมแล้ว สำหรับคนที่โตเต็มวัย
เป็นเรื่องที่เหมาะสมแล้ว สำหรับคนที่รู้จักพลิกแพลงความไร้เดียงสาเพื่อปกปิดความผิดได้อย่างแนบเนียน
ส่วนเธอจะยึดถือความสัตย์ซื่อจริงใจอยู่อย่างเหนียวแน่นนั้น
มันก็เรื่องของเธอ

.

ผู้ชาย
พวกมันจะเสาะหาคุณจนเจอ
ทำความเข้าใจ
และตาย

.

โชคดี
ที่ยังไม่ตกลงใจกันว่า
จะเรียกขานมันว่าอย่างไร
โชคดี
ที่ยังไม่แน่ใจมากพอ
ไม่กล้าหาญมากเพียงพอ
ไม่ตัดสินใจ
ไม่ยินยอมที่จะ
ตกหล่นลงไป
สู่ความหลงใหลชนิดอื่นใด [ อีก ]

.

ไม่อาจควบคุม
รวมทั้งอาจแตกสลายกลายเป็นสิ่งแหลมคม
ไม่เหลือเยื่อใย
รวมทั้งไม่อาจอธิบาย
ความสัมพันธ์ระหว่าง
คนสองคน

.

ปลอมตัวเข้าหากัน
และการเหยียบย่ำเข้ามาอย่างไม่เจตนาอาจทำให้คุณขุ่นเคือง
โปรดรู้ไว้เถิดว่า ความทุกข์ยากในเมืองใหญ่ มิใช่ใครก็สามารถผ่านพ้นมันไปได้

.

ใบหน้าซึ่งมีเค้าลางของความยากไร้ของเธอ
ริ้วรอยบางอย่างที่ปะปนอยู่ในวันอันกระจ่างใส
ที่แม้แต่ตัวเธอเอง
ยังยากที่จะสังเกตเห็นมัน

.

คุณใช้เส้นด้ายเส้นหนึ่ง
รั้งเหนี่ยวชิ้นส่วนซึ่งไม่เกี่ยวข้องกัน
จนกลายผืนผ้าผืนหนึ่งแห่งความเข้าใจ
อยากให้ความว่างเปล่าเหล่านั้น
สัมผัสได้เช่นเดียวกับมือของคุณ
ที่ฉันเคยเกาะกุม
มีอะไรที่ฉันทำผิดพลาดไปในค่ำคืนนั้นหรือไม่

.

จดหมายที่เอ่ยเฉลยความในใจที่กล้าหาญเช่นนี้ ไม่สมควรเป็นลายมือของเธอ
สาเหตุใดกันแน่ บุคลิกที่วกวนขัดแย้งเช่นนี้ จึงเป็นคุณ

.

ฉันถาม ถ้าคุณจำอดีตได้ ทำไมคุณถึงจำอนาคตของเราไม่ได้ล่ะ ?

อนาคตของคนที่กำลังจะตายเพราะความหิวกระหายทั้งๆที่ตัวของเขาเองยืนอยู่ท่ามกลางมหาสมุทรที่โอบล้อมอย่างนั้นน่ะหรือ ? เธอตอบ

.

รู้ใช่ไหม..ลายมือของฉัน

ผูกพันกับการอ่านของคุณ

.

กว่าจะรู้ว่าความรักมิใช่เรื่องของคนสองคนก็เกือบจะสายเกินไป

.

บางที เส้นด้ายแห่งความผูกพันที่ผูกมัดพวกเราเข้าไว้ด้วยกันนั้น
อาจจะเหนียวแน่นเกินไป
ไม่ก็เปราะบางเกินไป
การตัดสินใจในความมืดมนนั้น
ยังไม่ทันได้เอ่ยปากขอบคุณ
บางสิ่งก็พลันแปรเปลี่ยนไม่อาจหวนย้อนกลับคืน

.

วิธีที่คุณเย็นชาต่อโลก ใบหน้าซึ่งผัดแป้งจนหนาเตอะและล้าสมัยเช่นนั้น
คงช่วยปกปิดความอ่อนแอที่ซุกซ่อนอยู่ภายในของคุณได้

.

พูดว่าลาก่อน

พูดว่าลาก่อน พูดว่าลาก่อน
เห็นเธอเสแสร้งโอบกอดความว่างเปล่าด้วยความเย็นชา
เรื่องเล็กน้อยทำนองนี้ ก็ทำให้หัวใจแตกสลายได้เหมือนกัน
พูดว่าลาก่อน พูดว่าลาก่อน
บางที เส้นด้ายแห่งความผูกพันที่ผูกมัดพวกเราเข้าไว้ด้วยกันนั้น
อาจจะเหนียวแน่นเกินไป
ไม่ก็เปราะบางเกินไป
การตัดสินใจในความมืดมนนั้น
ยังไม่ทันได้เอ่ยปากขอบคุณ
บางสิ่งก็พลันแปรเปลี่ยนไม่อาจหวนย้อนกลับคืน
พูดว่าลาก่อน พูดว่าลาก่อน
เห็นเธอเสแสร้งโอบกอดความว่างเปล่าด้วยความเย็นชา
เรื่องเล็กน้อยทำนองนี้ ก็ทำให้หัวใจแตกสลายได้เหมือนกัน

พูดว่าลาก่อน พูดว่าลาก่อน
ความสัมพันธ์ที่ไม่มีชื่อ
กับสาเหตุที่เรา
ไม่เจอกันอีกเลย
พูดว่าลาก่อน พูดว่าลาก่อน
พูดว่าลาก่อน พูดว่าลาก่อน
แท้จริงแล้ว ที่จริงแล้ว ที่สุดแล้ว ปราศจากความหมายใดๆที่แท้จริงต่อกัน
แท้จริงแล้ว ที่จริงแล้ว
เราคงคลาดกันที่ถนนสายหนึ่ง
อ่านหนังสือเล่มเดียวกัน
แต่คนละปริบท
เป็นสรรพนามเช่นเดียวกัน
แต่อยู่คนละบรรทัด
เป็นนามธรรมเช่นเดียวกัน
แต่ไม่มีความหมายใดๆต่อกัน
เป็นจริงเช่นเดียวกัน
แต่ไม่มีความหมายใดๆที่แท้จริงต่อกัน
แท้จริงแล้ว ที่จริงแล้ว เราคงคลาดกันที่ถนนสายหนึ่ง
นั่งรถไฟคนละขบวน
ไม่ก็ตู้โดยสารเดียวกัน
แต่กลับติดค้างอยู่ในภวังค์เหม่อลอยของตัวเอง
พูดว่าลาก่อน พูดว่าลาก่อน
เห็นเธอเสแสร้งโอบกอดความว่างเปล่าด้วยความเย็นชา
เรื่องเล็กน้อยทำนองนี้ ก็ทำให้หัวใจแตกสลายได้เหมือนกัน

.

โลกใบนี้ ไม่ได้มีเพียงแต่เรื่องราวแพ้ชนะอย่างที่เธอเข้าใจ

.

พูดว่าลาก่อน ต้องพูดว่าลาก่อน
ชีวิตที่เคยแตกต่างไปจากเดิมเพราะมีเธอ
มักเป็นเพียงความคิดฝัน
ที่เราไม่ยอมตื่นขึ้นเอง
ต้องให้พูดว่าลาก่อน
ต้องพูดว่าลาก่อน
พูดว่าลาก่อน พูดว่าลาก่อน
จะแปลกอะไร
ถ้าคุณรู้สึกอ่อนแอลงอย่างฉับพลัน
พูดว่าลาก่อน ต้องพูดว่าลาก่อน
เพียงพูดในสิ่งที่คุณเชื่อ
ต้องทำให้ได้
ต้องตัดใจ
ต้องคิดว่าวันเวลาที่เหลืออยู่บนโลกใบนี้
ยังปกติดีเหมือนเช่นที่แล้วๆมา

.

ฉันเป็นเพียงคนเดียวที่รู้ดีว่า
ความมีชีวิตชีวาที่เปราะบางของคุณคืออะไรกันแน่
ฉันเป็นเพียงคนเดียวที่รู้ดีว่า
รสชาติที่เกิดจากการจูบของคุณนั้น
ได้ทิ้งรอยขมไหม้เอาไว้อย่างไรบ้าง
บางที คำพูดติดตลกที่คุณชอบพูดบ่อยๆก็มีส่วนจริงอยู่บ้างเหมือนกัน
ชีวิตคนเรานั้น จะว่าขมขื่นก็ไม่ใช่
จะว่าไม่ใช่ชีวิตก็ไม่ใช่
และถึงจะใช่ หรือถึงจะไม่ใช่
คุณค่าหนึ่งเดียวที่เราต่างมีและยึดถือก็คือ ชดใช้และตอบแทน
ชดใช้ชีวิตที่ไม่ได้รักมัน ตอบแทนชีวิตที่ไม่เคยเห็นคุณค่าของคุณ

.

คุณสูญเสียสมดุลเล็กน้อยและพูดว่า ใครจะไปลืมผู้หญิงผมสั้นและขี้เมาเล็กน้อยแบบนั้นได้ลงคอ

  • แทรกด้วยกระดาษดำทั้งแผ่น -

มันช่างน่ายินดีที่ได้อ่านความคิดของตัวเองในคำเหยียดหยามของคุณ
Like Like Like

.

อายุสามสิบสี่ถามว่า*
"โตขึ้นอยากเป็นอะไร"
อายุสามขวบตอบว่า
"อยากเป็นดอกซากุระ"

.

เรานั่งมองทะเล ล้อเลียนการเที่ยวให้สนุกของนกพิราบ สวัสดีค่ะ ดิชั้นชื่อ การล้อเลียน สวัสดีครับ ผมชื่อ กำลังวิ่ง

.

ฉันไม่เคยโกรธคุณเลย
เพราะคุณทำให้ฉันยิ้มได้
คุณเคยมีครอบครัวแล้วหรือยัง กล้วยไม้เป็นพืชใบเลี้ยงเดี่ยว

.

ถ้าคุณไม่สะดวก
ก็ไม่เป็นไร
แต่ฉันอยากให้คุณ
ติดต่อผ่านไวน์

.

อีกวัน ต้นตะขบ
ขยายเป็นแมงป่องท้องโป่ง
ให้ร่มใบ ให้ฝน

.

คุณไม่ต้องกังวล ฉันดีใจที่ได้รู้จักคุณ*
เบื่อ
เพื่อคุณ

  • แทรกด้วยกระดาษดำทั้งแผ่น -

คุณว่า คุณคือความฝันที่เคยแตกหักเสียหายแต่ยังอยู่ในสภาพที่มีราคาอยู่

.

กลับไปสู่เดือนปีที่คำสัญญายังคงหนักแน่นดั่งเช่นขุนเขา
กลับไปสู่ฤดูสีขาวอีกครั้งหนึ่ง

.

คุณสูงขึ้นสามนิ้วในหนึ่งปี
สิวเขรอะ
และเริ่มรู้จักความรุนแรง

เธอเรียกมันว่าร่างแรกของสัตว์ประหลาด
ที่ต่อมา
แม้แต่ตัวคุณเอง
ก็ยังรู้สึกไม่ค่อยสบายใจ

การปฎิเสธเริ่มกลายเป็นหนทางหนึ่งในการเรียกร้องตัวตนที่ตัวคุณเองก็ยังไม่รู้แน่ชัดว่าคือสิ่งใด

.

ฉันเชื่อที่คุณบอกฉัน ทำการบ้าน เข้านอนตอนหกโมงเช้า

.

อนาคตที่น่าเบื่ออย่างชัดเจนรออยู่ในหัวของเธอแล้วชั่วชีวิต
ชีวิตของผู้มีพรสวรรค์อันพิเศษและแปลกประหลาดลึกซึ้งซึ่งฉันไม่เคยเข้าถึงมัน

.

ผู้คนพูดกันว่า เด็กผู้ชายนับอายุกันที่จำนวนปี
ผู้คนพูดกันว่า เด็กผู้หญิงนับอายุกันด้วยจำนวนของวัน นาที และ วินาที
ปีนี้ เธออายุเท่าไรแล้วนะ (ฉันรู้หรอกน่า ว่าแม้กระนั้น เธอก็ไม่ปรารถนาที่จะให้ฉันไต่ถามถึงมัน)
เปลี่ยนเรื่องก็ได้
กี่ปีแล้ว ที่เราไม่ได้เจอกัน

.

พลิกตัวกลับไปกลับมา
ทบทวนเรื่องราวมากมายของพวกเราตลอดช่วงฤดูร้อน

.

อีกครั้งหนึ่ง
อีกครั้งหนึ่งแล้ว
ยังคงค้นหา เกาะแห่งหนึ่ง เพื่อที่จะมีชีวิตอยู่รอดต่อไป
มีชีวิตเพื่อใช้ชีวิต
หรือไม่ก็
มีชีวิตเพื่อรับใช้มัน
อีกครั้งหนึ่ง
อีกครั้งหนึ่งแล้ว
ที่ฉันยังคงค้นหาเกาะแห่งหนึ่งเพื่อที่จะอยู่รอดต่อไป
ยังคงค้นหาเธอ
เธออีกคนที่อยู่ลึกลงไปและยังไม่ผลิบาน
เชื่องช้ายิ่งบ้าคลั่ง รวดเร็วปราดเปรียวยิ่งบ้าบิ่น
ฉันจะทำอย่างไร
ประกายเขียวครามลึกจนเหมือนตื้น
ฟ้าสูงแต่โดดเดี่ยว
หรือว่า
แท้แล้ว
กล่องมหาสมบัติเป็นเพียงอุปมาเฉกเช่นเดียวกับเธอ

.

เหมือนด้ายแต่ละเส้น
ซึ่งกลายเป็นผ้าทอ
เหมือนความทุกข์ยากแต่ละอย่าง
ซึ่งกลายเป็นชิ้นส่วนหนึ่ง
ของภาพร่างขนาดมหึมา
ที่ต่อมา
เราเรียกมันว่า
ชะตากรรม
กลายเป็นฉันและเธอ
กลายเป็นฉันและเธอ
การปฏิเสธทุกข้อกล่าวหาและปล่อยตัวให้สิ้นไปกับทัณฑ์ทรมานของความสามัญ
เป็นเรื่องที่ยากลำบากเกินไป

.

หากจะมีสักอย่างหนึ่ง
ที่ฉันควรสารภาพ
สิ่งนั้นก็ควรเป็น
ข้อเท็จจริงง่ายๆที่ว่า
จิงจูฮวยฉ่ายที่ไหน
ก็ไม่อร่อยเหมือนบ้านเธอ

.

ลายมือที่ดูเหมือนไม่ตั้งใจนั้น
ถูกทับไว้ด้วย ใบสนเล็กๆที่ใครสักคนตั้งใจเก็บมันมา

.

ลายมือขยุกขยิกที่เธอเขียนอุทิศมันให้กับคนบ้าๆบอๆสองคน
ความพยายามที่จะอ่านหนังสือให้จบ
ยากเย็นเท่าๆกับที่จะไม่อ่านมันอีกเลย

.

เธอล้อเลียนว่า คนที่จริงจังกับชีวิตจะไม่ยืนหันหลังถ่ายรูป
ฉันหัวเราะและตอบโต้ว่า ส่วนเธอเอง จะยืนหันหน้าหรือหันหลัง
ก็คงไม่แตกต่างกันสักเท่าไร

.

วิธีนับเม็ดฝนปรอยของเด็กหญิงผมเปีย

เม็ดฝนที่หล่นลงมาจากชายคาบ้าน
คงเป็นวิธีร่ำระบายความในใจของท้องฟ้าผู้ยิ่งใหญ่
เด็กหญิงผมเปียคิด

สายน้ำที่ไหลมาบรรจบรวมกัน
เป็นแม่น้ำสายหนึ่ง
คงเพราะความคิดถึงและห่วงหาอาทร
ที่ครั้งหนึ่งนานมาแล้ว
ก่อนเด็กหญิงผมเปียจะถือกำเนิด
พวกเขาเคยอาศัยอยู่ร่วมกัน

เวลาเด็กหญิงผมเปียคุยกับเด็กชายหัวยุ่ง
เด็กหญิงผมเปียมักมีถ้อยคำมานินทา
วิธีสอนคณิตศาสตร์ของคุณครูที่โรงเรียน
เธอไม่เข้าใจว่า ทำไมหนึ่งบวกหนึ่งไม่เท่ากับหนึ่ง
ในเมื่อแม่น้ำหน้าบ้านของเธอ
ก็ไหลล่องมารวมกันเป็นแม่น้ำสายเดียว

เวลาเช่นนั้น เด็กชายหัวยุ่งจะไม่เข้าใจ
วิธีนับหยดเม็ดฝนที่ปรอยปรายสายลงสู่พื้นดินเช่นกัน

.

ผู้รอดชีวิต

เธอว่า เรื่องที่ลื่นไหลมากเกินไป
เรื่องที่ชั่วครู่ยามหนึ่งฉันจะกลับออกมา
ไม่อยู่บนพื้นฐานของความเป็นจริง
บันไดเวียนที่หมุนวน
คลื่นที่ย้อนกลับเข้าสู่ภายใน
กระแทกกระทั้น
โลกที่แบนราบแต่หลอกตา
เธอว่า ขอให้ลืมเลือน
และขอให้ใช้ชีวิตอยู่อย่างเป็นคนของเธอ
ผู้รอดชีวิตหลังการแข่งขันอันดุเดือดยาวนาน

.

ผู้รอดชีวิต (2)

เธอว่า ไม่มากเกินไป ไม่ใช้ชีวิตไปตามอารมณ์
ไม่ก้าวไปข้างหน้าอย่างเพ้อฝันมากเกินไป
ไม่จำเป็นต้องเป็นตัวเองเสมอไป
อุโมงค์แห่งอนาคตอันแสบระคาย
ขอเพียงได้ต่อสู้เพื่อกันและกัน
ได้ผลักดันเรี่ยวแรงสุดเหยียดออกไปสักครั้งหนึ่ง
[ ที่เพ้อฝันมากเกินไป ก็เพราะไร้ชีวิตมากเกินไป ]
[ ที่ใช้อารมณ์มากเกินไป ก็เพราะนอกห้องเรียน ]
[ เต็มไปด้วยกฏเกณฑ์ที่แสนเย็นชา ]
[ ที่เป็นตัวของตัวเองมากเกินไป ก็เพราะไม่เคยเป็นตัวของตัวเอง ]

.

ชีวิตที่ทำทุกอย่างเพียงเพราะคิดว่าเธอคงเฝ้าดูฉันอยู่ที่ไหนสักแห่งหนึ่ง
ไม่อยู่บนพื้นฐานความเป็นจริง
ไม่อาจแก้ไขเปลี่ยนแปลงอะไรได้ทันเวลา

.

เธอยิ้มและว่า นี่คือความสามารถที่แท้จริงอย่างหนึ่งของเธอ
พรสวรรค์ที่ทำให้คนอื่นยิ้มกว้าง และจะยิ้มต่อไปเรื่อยๆอย่างที่ไม่เคยยิ้มมาก่อนเลยทีเดียว

.

ฉันเองสบายดี

มีอยู่วันหนึ่ง เธอบอกกับฉันว่า เธออยากให้จมูกของเธอ
โด่งขึ้นอีกสักนิดนึง เธอว่า “ นิดเดียวก็ยังดี “

เธอบอกว่า ในความฝัน
เธออยากเป็นคนสำคัญของใครสักคนหนึ่ง (เป็นคนสำคัญคนเดียวที่จะไม่มีใครอื่นอีกเลย เธอย้ำในครั้งต่อมาที่เจอกัน)

เธอว่า ใช่ไหม ฉันจะได้คอยดูแลและดึงจมูกที่ดื้อรั้นของเธอ

เธอถามฉันว่า โตขึ้นอยากเป็นอะไร
ฉันว่า ฉันอยากเป็นอันธพาล แต่มีข้อยกเว้นที่จะไม่
รังแกเธอ

เธอหัวเราะ เสียงหัวเราะกับรอยยิ้มของเธอ
คล้ายกัน

(ฉันรู้ เธอไม่เคยสนใจที่จะเป็นตัวเอง(หรอก)
เพราะตัวเธอเอง
แท้แล้ว
ยังไม่แน่นักว่ามีความหมายอย่างไร)

(เธอรู้ ฉันไม่เคยสนใจที่จะเป็นตัวเอง(หรอก)
เพราะตัวฉันเอง
ยังไม่แน่นักว่าจะมีความหมายอย่างไร)

มีอยู่วันหนึ่ง เธอบอกกับฉันว่า
อยากตัดข้ามเวลา สะพาน ทะเล และแม่น้ำไปจนสุดขอบโลก
แววตาเพ้อฝันและเต็มเปี่ยมไปด้วยอุดมคติที่ห่างไกลจากชีวิตจริงนั้น
ฉันหัวเราะและยิ้มให้กับมัน

เธอว่า หัวเราะก็ได้ แต่อย่าได้คิดบังอาจที่จะล้อเลียน

(แท้จริงแล้วในขณะนั้น)
อาจเป็นภาระของเส้นด้ายแห่งความผูกพันเส้นหนึ่งที่ผูกมัดเราเข้า
ไว้ด้วยกัน
แหวนปลอมๆสักวงหนึ่ง (ก็คงได้)
หรือไม่ก็เรื่องสมมุติที่เราคิดจริงจังเกินไป

มีอยู่วันหนึ่ง ฉันบอกกับเธอว่า
ไม่ใช่ความรักหรอกที่บังคับให้คนเราต้องมอบถ้อยคำโกหกให้แก่กันและกัน
ไม่ใช่เธอ ไม่ใช่ฉัน แต่เป็นเรา (ความสัมพันธ์ของเรา)

ทุกวันนี้ เธอเป็นอย่างไรบ้างนะ ฉันเองสบายดี

.

มันยากที่จะพูดว่า
สาเหตุใด
กระเป๋าสะพายไหล่ที่วางไว้เคียงข้างกันเสมอ [ต้องมีของฉันกับเธอ]
มันยากที่จะพูดว่า
ประตูห้องซ้อมดนตรีที่เธอมักโผล่หน้าออกมา
ต้องเป็นช่วงเวลาที่ฉันกำลังตั้งใจทุกที

.

ฉันหัวเราะและทักท้วงเอาว่า ความเข้าใจผิดก็ดี ความงามที่แม้แต่ตัวมันเองยังอดหลงใหลได้ปลื้มในตัวเองไม่ได้ก็ดี

เหล่านี้ ล้วนแล้วแต่ กลับกลายเป็นบ่อเกิดแห่งพิษภัย

.

เธอหลิ่วตาและทำน้ำเสียงจริงจังยิ่งกว่าเดิม ภยันตรายใกล้ตัว เมื่อกล่าวโดยทั่วไปแล้ว บางทีก็ปฏิเสธไม่ลง

.

เธอว่า ไม่แน่ว่า
ชีวิตจะมีความหมายอย่างไรกันแน่

แต่ฉันจะมีความหมายใดความหมายหนึ่งต่อเธออย่างแน่นอน

.

เธอว่าไม่มีคนแอบชอบ ไม่มีคนที่ชอบ ไม่มีคนมาจีบ ไม่มีคนที่คุยด้วยเลย เธอว่ากระโปรงของเธอก็สั้นแล้วนะ เธอว่า สีผมของเธอ ก็น่าจะเปรี้ยวพอแล้วนะ เธอว่า ลืมเพื่อลืม รักเพื่อรัก ฉันเพื่อเธอ ทั้งที่แท้จริงแล้ว เธอยังไม่เคยรู้จักความรักแท้จริงเลยสักครั้งเดียว ชีวิตเอ๋ย ความรักเอ๋ย ท่าทีกึ่งกล้าและกึ่งกลัวของเธอ ยังคงเป็นเธอ ความหวาดกลัวที่เคลื่อนไหวไปมา ในแววตาประหลาดที่ก้มลงต่ำของเธอ
เธอว่าไม่มีคนแอบชอบ ไม่มีคนที่ชอบ ไม่มีคนมาจีบ ไม่มีคนที่คุยด้วยเลย เธอว่าผมของเธอก็น่าจะสั้นและเฉี่ยวพอแล้วนะ เธอว่า แท้แล้วฉันขาดอะไร ประสบการณ์ที่ไร้เดียงสา หรือแววตาที่ดูเดียวดาย เธอว่า โชคชะตา หรือไม่ก็ ชีวิตที่แท้จริง หรือไม่ก็ ชีวิตโดยลำพังที่แท้จริง แท้จริงเพื่อแท้จริง อุดมคติเพื่ออุดมคติ ฉันเพื่อเธอ ทั้งที่แท้จริงแล้ว เธอยังไม่เคยรู้จักความรักแท้จริงเลยสักครั้งเดียว ชีวิตเอ๋ย ความรักเอ๋ย ท่าทีกึ่งกล้าและกึ่งกลัวของเธอ ยังคงเป็นเธอ ความหวาดกลัวที่เคลื่อนไหวไปมา ในแววตาประหลาดที่ก้มลงต่ำของเธอ
*ก็แค่บทเพลงบทเก่า ที่คุณเคยฟัง และกดข้ามไป แท้จริงเพื่อแท้จริง อุดมคติเพื่ออุดมคติ คำสาบานเพื่อคำสาบาน ลืมเพื่อลืม รักเพื่อรัก ฉันเพื่อเธอ (เมื่อไรกันนะ ที่ฉันจะได้รู้จักมันอย่างแท้จริง)

.

ยังเด็กเกินไป ยังเขลาเกินไป ยังไม่แน่ใจด้วยซ้ำว่า ความสุขที่แท้คืออะไรกันแน่ ยังไม่แน่นอนเกินไป ยังไม่เข้าใจมากเกินไป ยังแก่แดดน้อยเกินไป ยังไร้เดียงสามากเกินไป แม้ว่าอาจจะเคยเสียใจ แต่ก็ยังไม่รู้อยู่ดีว่าความสุขที่แท้จริงคืออะไรกันแน่

.

บางทีมันก็ปรากฏตัวอยู่ในรูปรอยของความเห็นแก่ตัวโง่ๆระหว่างเรา บางทีมันก็ปรากฏอยู่ในรูปรอยของความคงเส้นคงวาที่มากเกินไปของสิ่งที่เรียกว่าความสุข
ตลอดฤดูร้อน ใครกัน ฝึกพูดคำหยาบ ตะโกนด่าท่อ และไว้ตัว

.

รสชาติจัดจ้านของบุหรี่ที่เธอสูบ
ท่าทีเสแสร้งของคนที่เพิ่งผ่านโลก
แต่ทำราวกับว่า
บนแผ่นหลัง
คือร่องรอยประทับของแส้อันโหดร้ายทารุณ

.

ทำเรื่องบ้าๆด้วยกัน รักกัน ทรยศซึ่งกันและกัน
ทำเรื่องบ้าๆด้วยกัน รักกัน และกลายเป็นคนไม่รู้จักกัน
และอย่างสิ้นเชิง
เย็นชา ไม่หยี่ระ จองหอง เย่อหยิ่ง หรือกระทั่งถือตัว

.

เธอว่า
ขี้ขลาดเกินไป
ล้มเหลวง่ายเกินไป
ไม่สมควรเป็นคุณที่เธอเคยไว้วางใจ

.

คุณที่เปียกชื้นบนแผ่นแก้มนั้นละเอียดอ่อน

.

ไม่อยากจะบอกเลยว่า
ความมุ่งมั่นและดื้อรั้นในแบบฉบับของคุณ
กำลังทำให้คุณรักใครไม่เป็น
ไม่อยากจะบอกเลย
ความภาคภูมิใจลึกๆในตัวเอง
ที่ทำให้คุณเย่อหยิ่งและถือตัว
ประกอบขึ้นจากชิ้นส่วนที่แตกสลายของใครหลายๆคน
ไม่รู้จักตัวเอง ไม่รักใคร
มองเห็นทุกสิ่งทุกอย่างเป็นได้แค่เกมๆหนึ่งที่คุณกำลังควบคุม
เป็นกฎของคุณ
เป็นคุณในแง่มุมที่ฉันไม่เคยรู้จักมาก่อนเลย

.

ฉันว่า ฉันเองก็แปลกใจ ไม่แตกต่างจากเธอ
เป็นไปได้อย่างไร
ลมเพลมพัดชนิดไหนกัน
ที่หอบพัดคนชนิดนี้
มาจนถึงที่นี่
เป็นไปได้อย่างไร
เมื่อพ้นจาก
ขอบเขตที่ปลอดภัยที่สุดของตัวฉันเอง
ก็เป็นเธอ
ใช่แล้ว เป็นเธอ
ไม่สามารถบิดเบือนเป็นอื่นได้อีกเลย

.

ฉันกำลังมองคุณอย่างตั้งใจ

ยากเกินไปที่คนเราจะสามารถเข้าใจความรักได้อย่างถูกต้อง
หากเมฆหมอกยังหนาทึบเกินไป
แว่นที่เธอสวมใส่
ภาพที่พร่าเลือน
ความรักของเรา
ตกลงมา
เหมือนฝันร้าย
ฉันและเธอ
ร่วงหล่นลงไป
บางที ฉันอาจเสียเวลามากเกินไปกับการหัวเราะและร้องไห้
บางที เธออาจเสียเวลามากเกินไปกับเรื่องที่ยากเกินเข้าใจ
เมฆหมอกยังคงหนาทึบเกินไป
เรื่องราวที่เมื่อผ่านพ้นไปแล้วจึงเข้าใจได้ดีขึ้น
เหมือนการตื่นขึ้นในวันที่สายเกินไป
ฉันยังอยากกุมมือเธอ
แต่ไม่เคยต้องการ
สูญเสียสิทธิ์ในตัวคุณ
เช่นเดียวกับเพื่อนคนหนึ่ง
เช่นเดียวกับความฝันหนึ่ง
มีเราร่วมกัน
ร้องเพลงร่วมกัน
ร้องไห้ร่วมกัน
เพลงที่ร้องเป็นดุจดั่งความสัมพันธ์ของพวกเรา
เวลาเช่นนี้ เมื่อเป็นเช่นนี้
คำพูดช่างดูเหมือนเส้นทางที่ดูสับสน
ไม่อาจควบคุม
ฉันจะทำเช่นไร
เมฆหมอกยังคงหนาทึบเกินไป
เรื่องราวที่เมื่อผ่านพ้นไปแล้วจึงเข้าใจได้ดีขึ้น
เป็นเช่นเดียวกับเพื่อนคนหนึ่ง
เป็นเช่นเดียวกับความฝันหนึ่ง
เรามีร่วมกัน
เพลงที่ร้องร่วมกัน
น้ำตาที่ใช้ร่วมกัน
ถูกแล้ว ถ้าหากคุณจะพูดว่า
ที่สุดแล้ว วันหนึ่ง คนเราจะสามารถเข้าใจมันได้อย่างถูกต้อง
ถูกแล้ว ถ้าหากคุณจะพูดว่า
ที่สุดแล้ว วันหนึ่ง คนเราจะสามารถเข้าใจความรักได้อย่างถูกต้อง
ไม่เคยต้องการสูญเสียในตัวคุณ
ยังอยากกุมมือคุณ
แต่บางที คนเราก็มัวแต่ไขว่คว้า
บางสิ่งที่ยากเกินเข้าใจ
เป็นธรรมดาอยู่เองที่วันหนึ่งจะกลายเป็นอีกวัน
เป็นธรรมดาอยู่เองที่วันนี้จะถูกลืมเลือนไปในที่สุด
ถูกแล้ว ถ้าหากคุณจะพูดว่า
ที่สุดแล้ว วันหนึ่ง คนเราจะสามารถเข้าใจมันได้อย่างถูกต้อง
ถูกแล้ว ถ้าหากคุณจะพูดว่า
ที่สุดแล้ว วันหนึ่ง คนเราจะสามารถเข้าใจความรักได้อย่างถูกต้อง
บางทีอาจเป็นฉันเองที่ตื่นขึ้นมาในวันที่สายเกินไป
ฉันตื่นขึ้นมาในวันที่สายเกินไป
ฉันกำลังมองคุณอย่างตั้งใจ
คุณกำลังมองฉันอย่างตั้งใจ

.

ทำไมฉันจะไม่รู้ล่ะว่า คบเพลิงที่เธอถือไว้ ขณะเดินฝ่าอุโมงค์มืดมิดยาวนาน มีความหมายต่อเธออย่างไร

.

ชีวิตที่ตื่นขึ้นมาพร้อมกับความฝันอันไม่มีวันสิ้นสุดคือแบบไหนกัน

.

คว้าไขว่

ไร้สาระสิ้นดี
ฉันต้องคว้าไขว่ภาพความทรงจำเหล่านี้
ท่ามกลางหมอกควันอันเลือนลาง
สิ่งเดียวในความคลุมเครือคือภาพดวงตาบอบช้ำที่สะท้อนออกมาจากความรู้สึกด้านใน

ไม่น่าเชื่อเลยจริงๆ
เหมือนไขว่คว้าฟางแห้งเส้นหนึ่งที่กำลังดิ่งจมลงไปโดยไร้น้ำหนักแห่งเจตจำนงของตัวเอง
มือแห่งความตายในรูปแบบที่มีชีวิตแบบใดบ้างที่มาเอื้อมคว้าเธอไปเสียได้

ฉันจูบเธอ ทั้งๆที่รู้ดีว่าเธอสูญสิ้นพลังสดใหม่แห่งชีวิตไปเสียแล้ว
ฉันไขว่คว้ามือที่เคยคุ้น ทว่าการสัมผัสนั้นไร้พลัง

ไม่เคยกล้าหลับตาลงเพราะกลัวว่าแสงสว่างที่ปรากฎอยู่ตรงหน้าจะดับสิ้นสูญไป
ที่แข็งค้างอยู่ในทุ่งร้างท่ามกลางฤดูหนาวอันโหดร้ายยาวนาน
คือผลึกทุรนทุรายของความทรงจำอันยาวนานที่ฉันเคยมีต่อเธอ

ไร้สาระสิ้นดี
ต้องคว้าไขว่ภาพความทรงจำเหล่านี้ ท่ามกลางหมอกควันอันเลือนลาง
สิ่งเดียวในความคลุมเครือคือภาพดวงตาบอบช้ำที่สะท้อนออกมาจากความรู้สึกด้านใน

ฉันจูบเธอ ทั้งๆที่รู้ดีว่าเธอสูญสิ้นพลังสดใหม่แห่งชีวิตไปเสียแล้ว
ฉันไขว่คว้ามือที่เคยคุ้น ทว่าการสัมผัสนั้นไร้พลัง

.

ไม่น่าเชื่อ เพียงแค่ปล่อยมือ จากกัน ก็สูญหายไปจาก ความรับรู้ของอีกฝ่าย ตลอดกาล ไม่น่าเชื่อ ชิ้นส่วนของปริศนา ที่ช่วยกันต่อ จนเกือบเสร็จสมบูรณ์แล้ว กลับขาดไปซึ่งชิ้นส่วนหนึ่ง ที่ไม่ปรากฏขึ้น ในจักรวาลของเรา

ไม่น่าเชื่อ สิ่งที่ติดค้าง อยู่ในกระเป๋าเครื่องแป้งของเธอ กลับเป็น กุญแจดอกหนึ่ง เส้นทางเส้นหนึ่ง สิ่งที่นำคนสองคนกลับมาบรรจบกัน ไม่น่าเชื่อ แม้เพียงแวบเดียวก็ตาม ไม่น่าเชื่อ ส่วนที่สูญหายไปนั้น คือจักรวาลและการเคลื่อนที่ไปๆรอบหมู่ดาวที่เคยเป็นของเธอ

มุ่งตรงออกไป พุ่งไปเช่นเดียวกับปีกที่ไม่เคยเหนื่อยล้ากับเส้นทางที่ไม่เคยสุดสิ้น อย่าได้หันหลังกลับมา อย่าให้เสียงฝีเท้าซึ่งกำลังทำให้เธอรู้สึกเจ็บปวดนั้น มีอำนาจชี้นำในสิ่งที่เธอไม่ควรใส่ใจ

ไปสู่จักรวาลอื่น ไปสู่อีกด้านที่ไร้แรงโน้มถ่วงจากกันและกัน ไปสู่ใจกลางของแก่นแกนอันแห้งเหี่ยวและลีบเรียวของชีวิตอันด้านชา ไม่น่าเชื่อ ชีวิตที่ปล่อยมือจากกันเพียงแค่ครั้งเดียว กลับทำให้คนสองคนต้องสูญหายไปจากกันและกันตลอดกาล

หรือเป็นเพราะว่า ความสมบูรณ์แบบคืออีกโฉมหน้าหนึ่งของความตาย จึงทำให้เราต้องเลือกเดินจากกัน ป่านฉะนี้ ป่านฉะนี้ ในโลกที่เงียบเหงาข้างหลังกำแพงนั้น คือเธอใช่ไหม ผู้กำลังแนบใบหูข้างหนึ่ง บนผนังกำแพงที่เยือกเย็น

.

ไม่ใช่เพราะความเป็นมนุษย์ที่ซับซ้อนแบบนั้นหรอกหรือซึ่งเคยผลักไสคุณไปข้างหน้า
ทำไมวันนี้คุณกลับมาบอกว่า
ผู้หญิงบางคนก็ซับซ้อนและยากจะเข้าใจ

.

เธอจะเป็นผู้ค้นพบคำตอบเมื่อย้อนกลับไปอ่านวรรคตอนที่เธออาจข้ามผ่านมาโดยไม่ตั้งใจ

.

ความตายระบาดไปทั่วโรงละคร
เนื้อเรื่องดำเนินมาสู่จุดที่ไร้แก่นสาร

สไบที่พับจีบย่นอย่างเรียบง่ายนั้น
ปลิดปลิว

สมาธิในความเคลื่อนไหวที่ซับซ้อนของเธอ
การควบคุมที่ให้อิสระบางอย่างแก่คุณ
ร่ายรำด้วยนิ้วมือที่เรียวยาว
ย่างเท้าด้วยเท้าที่คุ้นเคยกับแบบแผนซึ่งประนีประนอม

กลมกลืน ลึกซึ้ง
เรียบง่าย ตื้นเขิน

ตะโพนและฆ้องวงจุดแสงขึ้นด้วยเสียงที่สว่างกว่าใคร
ความตายระบาดไปทั่วโรงละคร
เนื้อเรื่องดำเนินมาสู่จุดที่ไร้แก่นสาร

เธอผู้ซึ่งตัดขาดทางโลก แต่ทว่ายังอาลัยอาวรณ์อยู่มิสร่างซา

โถงทางเข้าเก่าคร่ำ พื้นพรมเปื่อยผุ
หลังคาสังกะสี
ฉากและเชิงเทียนซึ่งใช้ทัศนมิติที่เพี้ยนผิด

ใครกันร่ายรำกระบี่กระบอง
เคลื่อนไหวในความซับซ้อนที่แปรปรวน

ความตายระบาดไปทั่วโรงละคร
เลือดของพวกเขาอาจหยุดไหลเวียนไปเสียตั้งแต่เมื่อไรก็ได้

ความตายระบาดไปทั่วโรงละคร เนื้อเรื่องดำเนินมาสู่จุดที่ไร้แก่นสาร
ความฝันที่ไร้ทางออกกลับกลายเป็นความตายที่ปราศจากกุญแจ

.

ความเจ็บปวด ที่แท้แล้ว
ขึ้นอยู่กับความหมายที่เราได้รับมันมา
หรือว่า
ขึ้นอยู่กับ
ตัวตนที่ถูกผลักให้ไปเผชิญหน้า
กับการพังทลาย
ความปรารถนาที่สุกสว่างที่สุดกลับกลายเป็นสัดส่วนที่พอกพูนของประดาสิ่งของที่เธอไม่จำเป็นต้องมี
หรือความรู้สึกที่เธอไม่จำเป็นต้องเผชิญ

.

สำหรับเรื่องราวทางโลกแล้ว
แรงโน้มถ่วงแห่งความทะเยอทะยานย่อมนำเธอกลับสู่พื้นดินที่สามัญ
สำหรับเรื่องราวทางโลกแล้ว
การแยกตัวเองออกไปเพื่อแสวงหาความสุขที่แท้ตามลำพัง
ย่อมเป็นเส้นทางสายเดียวกับความปรารถนาที่เห็นแก่ตัว

.

ยิ้มเยือกเย็นที่ทำให้จิตใจคุณเบิกบาน
ดินแดนสุขาวดีทำไมจึงเป็นสมบัติเฉพาะบุคคล
ถ้าเธอคือต้นเหตุแห่งทุกข์ทว่าเราจะไม่ละทิ้งกัน

.

คุณได้สูญเสียความหลงใหลชนิดหนึ่ง ซึ่งคุณเคยมีต่อเกม ที่สามารถบีบคั้นคุณอย่างถึงที่สุดไปเสียแล้ว น่าหวาดหวั่นใจอะไรเช่นนี้ ไม่มีอีกต่อไปแล้ว ความกล้าที่โง่เขลา ไม่มีอีกต่อไปแล้ว ความขลาดเขลาซึ่งเป็นที่ประจักษ์ชัดว่า
ครั้งหนึ่งเคยตกค้างอยู่บนกิ่งก้านของวันเวลาเก่าๆที่ผ่านมาเนิ่นนานแล้ว

.

หนังสือใบหน้า

[ ]

มันยากเหลือเกินที่จะครอบงำความรู้สึกส่วนตัวเอาไว้ ยากพอๆกับที่ ชีวิตอันโลดโผนและน่าริษยาจะไม่ถูกเปิดเผยออกไป เป็นไปได้อย่างไรที่คนเราจะสูญหายไปจากโลกโดยไม่บอกกล่าวคำอำลา

[ ]

เพราะลึกๆแล้วเธอไม่สามารถเคารพตัวเองด้วยสิ่งที่เธอมี การเปิดเผยแม้บรรดาสิ่งของหรือความรู้สึกที่มีค่าที่สุด สำหรับเธอแล้ว เหมือนการได้รับกลับคืน

[ ]

หากเป็นไปได้เธอคงอยากทิ้งร่องรอยของตัวเองเอาไว้ในทุกที่ แต่นั่นก็ไม่ใช่ด้วยเพราะว่า สิ่งเหล่านั้นมีความหมายกับเธอเพียงลำพัง แต่ยัง มีความหมายสัมผัสสัมพันธ์กับคนที่เธอปรารถนาจะแสดงความเหนือกว่าทั้งในเชิงรูปธรรมและนามธรรมอีกด้วย

[ ]

ก็ไม่เป็นไร ถ้าเธอเลือกที่จะเข้าใจโลกทั้งใบของเธอด้วยวิธีการที่หมิ่นเหม่ต่อความคลาดเคลื่อนในตัวเองเช่นนั้นบ้าง ก็ไม่เป็นไร ถ้าโลกจะเข้าใจเธอคลาดเคลื่อนไปจากข้อเท็จจริงบ้าง ความเข้มแข็งที่เปราะบางซึ่งห่อหุ้มตัวเธอไว้ จะทำหน้าที่ของมันเองได้อย่างแน่นอน

.

ไม่น่าเชื่อ
อัจฉริยะภาพแบบไหนกัน
ที่สามารถทำให้คุณ
กลายเป็นทาสต่อตัวตนในด้านบวก
ได้อย่างลึกซึ้งและยาวนานขนาดนี้

.

หัวใจที่สูบฉีดเอาความภาคภูมิใจแบบเทียมๆขึ้นมาหล่อเลี้ยงอีกซีกด้านของมันเองที่ทั้งตายด้านและจอมปลอม
รอยยิ้มที่ไร้ริ้วรอยยับย่น
ใบหน้าที่อ่อนกว่าวัยและแสดงความรู้สึกไม่ได้ของเธอ

.

จู่ๆวันหนึ่ง เธอก็สร้างเรื่องราวขึ้นมาใหม่ ขัดเกลามันจากทุกแง่มุมอย่างเอาเป็นเอาตาย
โดยที่ตัวตนที่แท้จริงซึ่งถูกกลบฝังไว้ภายใต้ความรู้สึกเกลียดแค้นชิงชังจะไม่ถูกเปิดเผยออกมา

.

จู่ๆวันหนึ่ง เปลือกตาที่เคยใช้พลาสติกใสแปะทับไว้ใต้หนังตาอีกชั้นหนึ่ง
จะกลับกลายเป็นเปลือกตาสองชั้นโดยไม่ต้องพึ่งพาอะไรเลย
อย่างนั้นน่ะหรือ
ฉันถามเธออีกครั้งว่า อย่างนั้นน่ะหรือ

.

เป็นไปได้อีกด้วยว่า ตัวตนในอีกรูปแบบหนึ่ง
ซึ่งกำลังสวมทับเธออยู่นั้น
ไม่สามารถทำให้เธอรู้สึกแปลกปลอม
ระหว่างเงาร่างที่แท้จริงของเธอ
กับภาพวาดอันสูงส่งของผู้ที่เทิดทูนรักไว้เหนือสิ่งอื่นใด

.

ในโลกที่เต็มไปด้วยความปรารถนาของนักเล่าเรื่องที่ปรารถนาเพียงการเล่าขานเรื่องราวและอภินิหารของตัวเอง
ฉันแน่ใจได้อย่างหนึ่งว่า เธอไม่เหมือนผู้คนเหล่านั้นเลย

.

ลักษณะของน้ำใสใจจริงของเธอนั้น
เมื่อเปรียบกับดวงหน้าในความมืดครึ้มอึมครึมของจินตนาการนั้น
ไม่อาจเปรียบเทียบกันได้ในทางตรง

.

ทำไมคุณจึงจดจำสิ่งที่เป็นนามธรรมมากๆเกี่ยวกับตัวเธอได้อย่างแม่นยำ
ทำไมคุณจึงตอบไม่ได้ด้วยซ้ำไปว่า ใบหน้าที่เกือบจะไร้จุดสังเกตของเธอนั้น มีลักษณะอย่างไร

.

เป็นไปได้ว่า ภาพลวงตาเหล่านั้น มีลักษณะที่สมจริง
ส่วนเธอเอง ถูกทำให้เชื่อในราคาที่ต้องจ่ายออกไป

.

เธอบอกว่า ไม่สำคัญหรอกว่า ราคาที่จ่ายจะเป็นเท่าไร
หรือต้องจ่ายด้วยอะไร
เธอยังถามอีกว่า ยังมีใครอื่นอีกหรือ
ที่คิดชั่งตวงแรงกดของรักบนคานแห่งราคา

.

ใครจะไปทันคาดคิดว่า คนที่เคยเสียน้ำตาให้กับเรื่องเล็กๆน้อยๆอย่างเธอ
กลับไม่เคยเสียน้ำตาให้กับเรื่องใหญ่ๆที่สำคัญยิ่งกว่าเลยแม้แต่ครั้งเดียว
ประหลาดแท้ แม้แต่ความอ่อนโยนที่แลดูเรียบง่ายถึงเพียงนั้น
กลับยังมีแง่มุมซับซ้อนที่ทั้งกระด้างและหยาบคายในตัวของมันเอง

.

หลายๆครั้งที่เราต่างปรารถนาในสิ่งที่หลุดลอยไปจากความสามัญดาษดื่น
หลายๆครั้งที่เราเต็มอกเต็มใจต่อความผิดพลาด
หลายๆครั้ง
แม้มีโอกาส
เราก็ยังจะทำผิดพลาดเช่นนั้นตลอดไป
จะไม่แก้ไขมัน จะไม่แก้ไขมัน
ต่างปรารถนาที่จะหลุดลอยไปจากความธรรมดาสามัญดาษดื่น

.

หัวใจที่สูบฉีดเอาความภาคภูมิใจแบบเทียมๆขึ้นมาหล่อเลี้ยงอีกซีกด้านของมันเองที่ทั้งตายด้านและจอมปลอม รอยยิ้มที่ไร้ริ้วรอยยับย่น ใบหน้าที่อ่อนกว่าวัยและแสดงความรู้สึกไม่ได้ของเธอ

.

คุณวาดใจกลางมหาสมุทร
ด้วยจุดเล็กๆจุดหนึ่งที่เป็นคุณ
สร้างเส้นปะที่มีแรงต่อเนื่องขนาดมหึมา
คุณเขียนส่วนที่ใกล้ชิดกันที่สุด
ของฟ้ากับท้องทะเล
มหาสมุทร
และใจกลาง แก่นกลางของมันและความแปรปรวน
สาดซัดที่ไม่อาจยับยั้งชั่งใจ
คุณว่ายข้ามไป
ว่ายไปตลอดเวลา
ข้างหน้าที่ไม่เคยเห็นฝั่ง
คุณพยายามฝ่าข้ามไป
ความมืดปรากฏร่องรอยของมัน
ความกลัวปรากฏร่องรอยของมัน
ความสว่างปรากฏร่องรอยของมัน
ความกล้าและทิศทางปรากฏร่องรอยของมัน
แต่คุณไม่เคยไปถึงไหนเลย
ไม่เคยไปถึงไหนเลย
เช้าที่คุณรู้ว่ามันไม่จริง
และค่ำคืนที่คุณรู้ว่ายังไม่ถึงเช้า
มีแต่คุณ คุณที่รู้ว่ามันจริง
มีแต่คุณ คุณที่รู้ว่ามันไม่จริง
ทุกหน ทุกแห่ง
อันตรายแห่งปะการัง
ลึกสุดหยั่งที่เย้ายวน

คุณวาดใจกลางมหาสมุทร
ด้วยจุดเล็กๆจุดหนึ่งที่เป็นคุณ
สร้างเส้นปะที่มีแรงต่อเนื่องขนาดมหึมา

คุณว่ายไปข้างหน้าพร้อมด้วยส่วนเกินจากการมีอยู่ของคุณอีกคน
ชิ้นส่วนแห่งความชำรุดที่ไม่เคยต้องการ

ลึกเข้าไป
ลึกเข้าไป
ลึกเข้าไป
ลึกเข้าไป
ลึกเข้าไป
ลึกเข้าไปในความตื้นเขินที่คุณไม่อาจเข้าใจตัวเอง
ลึกเข้าไปในตัวเองที่ความตื้นเขินไม่อาจเข้าใจคุณ
ความตื้นเขินที่คุณไม่อาจเข้าใจตัวเอง
ตัวคุณเองที่ความตื้นเขินไม่อาจเข้าใจ
เส้นขอบฟ้ายังคงตั้งอยู่ที่เดิม
ระยะทางยังคงห่างไกลเท่าเดิม
มีแต่คุณที่รู้ว่ามันไม่จริง

มีแต่คุณที่รู้ว่าทำไม

.

ที่ยื่นมือออกมาอาจไม่ใช่คุณ
อุดมคติสูงส่งต่างล้วนเป็นเรื่องเกินพอสำหรับชีวิตที่เหลือในช่วงต่อมา
ถูกแล้วที่ฉันตัดสินใจบอกคุณ

.

คุณมีกุญแจแต่ไม่มีวิธีไข คุณรู้จักความรักแต่คุณไม่มีวิธีใช้มัน

.

ไม่รู้จักตัวเอง ไม่รักใคร มองเห็นทุกสิ่งทุกอย่างเป็นได้แค่เกมๆหนึ่งที่คุณกำลังควบคุม เป็นกฎของคุณ เป็นคุณในแง่มุมที่ฉันไม่เคยรู้จักมาก่อนเลย

.

ไม่อยากจะบอกเลยว่า ความมุ่งมั่นและดื้อรั้นในแบบฉบับของคุณ กำลังทำให้คุณรักใครไม่เป็น
ไม่อยากจะบอกเลยว่า ความภาคภูมิใจลึกๆในตัวเอง ที่ทำให้คุณเย่อหยิ่งและถือตัว ประกอบขึ้นจากชิ้นส่วนที่แตกสลายของใครหลายๆคน

.

โอบกอดจูบรักบ้าคลั่งไปกับเธอ จะต้องรู้ให้ได้ว่าตัวเองเคยเป็นใคร จะต้องรู้ให้ได้ว่าใครคือเธอ ภาพของคนสองคนที่ค่อยๆกลายเป็นปีกซึ่งไม่อาจแยกออกจากกันได้อีกตลอดไป บัดนี้ เป็นได้แค่ ร่องรอยประทับหนึ่งของความทรงจำ

.

คุณเคยบอกเองมิใช่หรือว่า การแสดงที่ดี ย่อมไร้รอยต่อเชื่อม ระหว่างการแสดงความคิดเห็น ที่เป็นความคิดเห็นจริงๆ กับบทที่ท่องจำจนขึ้นใจ คุณว่า ต้องแสดงออก ราวกับมิใช่การแสดง

.

รูปคุณตายังคงตั้งอยู่ที่มุมห้อง
จมูกงามและคิ้วสง่า
ผู้ชายหัวรั้นที่ดื้อและเงียบจากฉางโจว

จนกระทั่งปลายปี 1978 คุณก็กลายเป็นแม่ของผมเอง

.

อีกหลายปีหลังจากนั้นทีเดียว
กว่าที่คนในครอบครัวของเราจะเริ่มต้นเอาชนะอะไรในความหมายที่แท้จริงได้สักอย่างนึง
ก่อนที่เขาทราย กาแล็คซี่จะเริ่มต้นหวีผมเรียบแปล้
ก่อนที่ผจญ มูลสันจะได้เหรียญทองแดงในการแข่งขันกีฬาโอลิมปิคเกมส์
ก่อนที่พวกคุณจะเลิกใช้น้ำมันบัว
และไข่ไก่ยังมีราคาถูก
คุณจดจำได้ด้วยซ้ำไปว่า กำเงินหนึ่งบาทคุณจะต้องได้ไข่เบอร์ที่ดีที่สุดสองฟอง

.

ฮันน่า ชมิทต์ (Hanna Schmitz)

คุณสามารถเข้าใจได้ด้วยการอ่านไหม
(ฉันสามารถเข้าใจได้ด้วยการรู้สึก)
อักษรตัวแรกจากความเปลี่ยวเหงาและความหวาดกลัวที่ฉันเขียนขึ้นด้วยความอับอาย จดหมายที่น่าอับอายที่เคยเขียนถึงคุณ
คุณคงเปิดอ่านมันที่ไหนสักแห่งซึ่งลับตามากพอ

ให้อภัยฉันเถิด
ให้อภัยในความผิดพลาดแบบมนุษย์
ให้อภัยฉันที่ไม่อาจลบล้าง
ความทรงจำแห่งกากตะกอน
ซึ่งอาจมีฤทธิ์ร้ายแรงพอๆกับ
กัมมันตรังสีแห่งความตาย
ให้อภัยฉันเถิด
ให้อภัยที่ฉันนิ่งเฉยดูดายต่อความปรารถนาที่จะมีชีวิตอยู่ต่อไป

ข้างหลังประตูที่ปิดตาย
เป็นฉันเองที่ถือกุญแจ
เป็นฉันเองที่สามารถปลดเปลื้องพันธนาการอันน่าหวาดหวั่นนี้ได้ด้วยตัวเอง
น่าเสียดายที่ความกล้าหาญอันน่าสมเพชซึ่งพวกคุณต่างพยายามเรียกร้องมันจากใครสักคน
ครั้งหนึ่ง เมื่อนานมาแล้ว มันก็เคยกึกก้องข้างในโพรงอกอันกลวงเปล่านี้ด้วยเหมือนกัน น่าเสียดาย ที่ฉันยักย้ายถ่ายเทหัวใจออกไปไม่ทัน
น่าเสียดาย ที่ฉันไม่สามารถกลายกลับเป็นคุณ
น่าเสียดายที่บทละครอันน่าหัวร่อนี้
มีอยู่บทตอนหนึ่ง
ซึ่งเต็มไปด้วยการทวงแค้นให้กับความโหดเหี้ยมที่ฉันเป็นหนึ่งในคณะแสดง
หนึ่งในผู้เล่นที่แม้แต่บทบาทของตัวเองก็ยังไม่อาจเข้าใจ
หนึ่งในผู้เล่นที่ในบทตอนต่อๆมา ก็ไม่สำคัญมากพออีกต่างต่อไป
หนึ่งในผู้เล่นที่แม้แต่บทบาทของตัวเองก็ยังไม่อาจเข้าใจ

ชีวิตอันต่ำต้อยด้อยค่าและไร้ปฏิหารย์ใดๆอย่างสิ้นเชิง
ชีวิตอันต่ำต้อยด้อยค่าและไร้ปฏิหารย์ใดๆอย่างสิ้นเชิง

แกะดำในแกะดำ
ปลอมบนปลอม
แปลกปลอมที่วางอยู่เคียงข้างแปลงปลอม
เหยื่อผู้บริสุทธิ์ที่ไม่ได้มีความหมายเพียงแต่
ชีวิตที่ไม่เคยแปดเปื้อนใดๆ
แต่หากยังหมายถึง
หนึ่งชีวิตอันไร้ค่าที่ไร้กำลังจะต้านทาน
แต่หากยังหมายถึง
หนึ่งชีวิตอันไร้ค่าที่ไร้อำนาจจะต่อกร
หนึ่งชีวิตที่เคยมีอยู่จริงแต่ไม่เคยสำคัญ
พูดก็พูดเถอะ ใครบางคนยอมตายเพียงเพื่อปกปักรักษาศักดิ์ศรีบางอย่างที่ดูเป็นนามธรรมและเลื่อนลอย

คุณสามารถเข้าใจได้ด้วยการอ่านไหม
(ฉันสามารถเข้าใจได้ด้วยการรู้สึก)
อักษรตัวแรกจากความเปลี่ยวเหงาและความหวาดกลัวที่ฉันเขียนขึ้นด้วยความอับอาย จดหมายที่น่าอับอายที่เคยเขียนถึงคุณ
คุณคงเปิดอ่านมันที่ไหนสักแห่งซึ่งลับตามากพอ

  • อุทิศแด่ Hanna Schmitz (The Reader) ตัวละครที่อาจมีอยู่จริงที่ไหนสักแห่งในโลก

.

ฮันน่า ชมิทต์ (2)

แววตาขี้ขลาดและหวาดกลัวแบบใดที่ยังคงรบกวบจิตใจคุณอยู่
ชีวิตอันต่ำต้อยด้อยค่าและไร้ปฏิหารย์ใดๆอย่างสิ้นเชิงของเธอ

ความหดหู่แปลกๆที่พัดมาทิ่มแทงอยู่ตลอดเวลา
ร่องรอยของความสุขอันเป็นแก่นแท้เดียวที่จะสามารถปรากฎขึ้นได้ในชีวิตของเธอ
อยู่ที่ใด

มาหลบอยู่ที่นี่นี่เอง

คำว่า ‘โชคดี’ เล็กๆน้อยๆ
ที่เธอรอคอยตลอดมา

ไม่ใช่เพราะเคยเป็นคนที่รู้จักกันอย่างลึกซึ้งมาก่อนหรือ
ไม่ใช่ฉันหรอกหรือที่เชื่อมั่นในตัวคุณอย่างลึกซึ้งตลอดมา
เพราะเหตุใดความเป็นมนุษย์ที่ซับซ้อนในรูปแบบที่เธอเคยเป็นจึงถูกปฏิเสธ
เพราะเหตุใดความรู้สึกเข้าใจอย่างลึกซึ้งที่คุณไม่เคยได้รับมาก่อนจึงมีค่ากับคุณยิ่งกว่าสิ่งใด

ไม่ใช่เพราะเคยเป็นคนที่รู้จักกันอย่างลึกซึ้งมาก่อนหรือ
ไม่ใช่ฉันหรอกหรือที่เชื่อมั่นในตัวคุณอย่างลึกซึ้งตลอดมา
ผิดด้วยหรือที่ไม่อาจต่อกรกับวิธีพิสูจน์ทางภาษาด้วยจริยธรรมอันสูงส่งแบบนั้น
ผิดด้วยหรือที่ซื่อตรงต่อหน้าที่ แต่หันหลังกลับให้กับจริยธรรมที่น่าขยะแขยงของพวกคุณ

คุณไม่รู้จักในสิ่งที่เห็น
คุณไม่เข้าใจในสิ่งที่ได้ยิน
คุณกลัวแต่ก็ปลุกปลอบตัวเองด้วยความกล้าหาญในแบบฉบับอันจอมปลอมซึ่งคุณเชื่อของคุณเองว่าเป็นสิ่งอันควรค่าและสูงส่งสิ้นดี
เพราะเหตุใด คำว่า ‘ โชคดี ‘ เล็กๆน้อยๆ
ที่เธอรอคอยตลอดมา
จึงกลับกลายเป็นโชคชะตาอันร้ายกาจซึ่งเกือบจะไร้ชื่อเรียก

.

และ "เครื่องมือ" ในการประเมินคุณค่าสำหรับเขาคือ
เซ็กส์ ความรัก และความตาย
ตายทั้งที่ยังมีชีวิตอยู่
ดับดิ้นทั้งๆที่ยังหายใจ

ถ้าผู้แสวงหาคำวินิจฉัยตัดสินในรูปแบบเดียวกับที่ ปัญญาชนพึงมี กรุณาไปหาจากสถานที่อื่น ถ้าผู้ปรารถนาในศาสดาแห่งความงมงาย ในศีลธรรมต่ำเตี้ยตื้นเขิน ผู้ซึ่งสะดุ้งและพลิกไหวกายทุกครั้งต่อความสะทกสะเทื้อน ในมาตรฐานหนึ่งเดียวแห่งความดีงามอันแคลนคลอนและง่อนแง่น ในปราถนา ในปาวรนา คุณคือความไม่จำเป็น และเรา ไม่เคยแคร์

ถูกแล้ว !! มันคือบทกวีแห่งการประท้วง
คือ กลิ่นอายของยุคกัญชาและดอกไม้บาน
คือ เคิร์ท โคเบน ที่เวียนว่ายอยู่ในปมปัญหาของความบกพร่องทางอารมณ์
คือความจริงแท้ที่พิสุทธิ์ของความจงเกลียดจงชัง และโทษทัณฑ์ที่ไม่มีวันให้อภัย
คือเยื่อใยที่สะบั้นกับอารมณ์ที่ถึงขีดจำกัด
คือความกรุณาอันเหี้ยมห่าม
คือความใจหินอำมหิต
คือร่องรอยแตกร้าวของเส้นขอบฟ้าที่บาดบิ่น
คือถ้ำมืดมิดที่ไร้อุปรากร คือคืนเดือนหงายที่ไร้ทาง

ถ้าผู้แสวงหาคำวินิจฉัยตัดสินในรูปแบบเดียวกับที่ ปัญญาชนพึงมี กรุณาไปหาจากสถานที่อื่น ถ้าผู้ปรารถนาในศาสดาแห่งความงมงาย ในศีลธรรมต่ำเตี้ยตื้นเขิน ผู้ซึ่งสะดุ้งและพลิกไหวกายทุกครั้งต่อความสะทกสะเทื้อน ในมาตรฐานหนึ่งเดียวแห่งความดีงามอันแคลนคลอนและง่อนแง่น ในปรารถนา ในปาวรนา คุณคือความไม่จำเป็น และเรา ไม่เคยแคร์

ถูกแล้ว !! มันคือคุณ บทกวีของความโกรธที่ไม่รู้ว่าอะไรคือปฏิปักษ์
เส้นด้ายที่กลายเป็นข้อยกเว้น ของ(ผืนผ้าสีดำ)แห่งคำว่า ' ไม่ ' และความรัก ของผู้ที่ปฏิเสธรัก
โดยไม่รับรู้ถึงความเสี่ยงของเปลือก ที่ปลอมแปลงตัวเองเป็น
แก่นแท้ ที่อาจหมายถึง ความเหงา ซึ่งจะยังคงยึดครองพื้นที่ต่อไปจนถึงฤดูร้อนปีใดปีหนึ่ง ซึ่งไม่แน่นักอีกเช่นกันว่า
จักรวาลภายใน ซึ่งมิอาจขยายตัวได้นี้ และความหวังที่ยังขยายตัวต่อไปด้วยความยืดหยุ่นซึ่งมีอยู่อย่างจำกัดจำเขี่ยนี้
จะถมเต็มที่ว่างอันรกร้างเหล่านั้นได้อย่างไร(ดี)

เลือดที่เย็นชาไหลเวียนอยู่ในวังวนที่ซ้ำซากของความเจ็บปวด
และ "เครื่องมือ" ในการประเมินคุณค่าสำหรับเขาคือ

.

เพราะอะไรกัน ที่ทำให้คุณก้าวผ่านห้วงเวลาว่างเปล่าที่เต็มไปด้วยความยากลำบากซึ่งไร้ความหมายเหล่านั้นมาได้

.

บางอย่างที่ทำให้ความเป็นมนุษย์ของคุณอ่อนล้าลงไป
บางอย่างที่กัดกร่อนความเยาว์วัยที่ผุกร่อนของคุณ

.

การแบ่งปันที่อาจหมายถึงการใช้หัวใจร่วมกัน
การให้ที่อาจหมายถึงการตัดเฉือนส่วนต่างที่เป็นส่วนหนึ่งของคุณเอง

.

Jane

โบกปีกไป โบยบินขึ้นไป
สูงขึ้น
สูงขึ้นไป
บินเพื่อเป็นหนึ่งเดียวกับตัวเอง
โบกโบยไปโดยที่ไม่รู้ว่า
จะดัดแปลงตัวเองให้เข้ากับโลกใบนี้ได้อย่างไร
พลัดพรากจากโลกที่ออกแบบมาเพื่อคุณ
คุณอ่อนแอ
คุณเห็นแก่ตัว
คุณคือตัวอ่อนในรังไหมแห่งรูปโฉมที่ตกแต่งเอาไว้อย่างสวยงาม

บินไป บินไป
โบกโบยเพื่อเป็นหนึ่งเดียวกับตัวเอง

  • อุทิศแด่ Jane ผู้เป็นแบบฉบับและท่วงทำนองของ Love Of My Life อัลบั้ม A Night at the Opera , Queen

.

เธอถามถึงหนังสือที่ฉันอ่านและบางทีก็เรื่องอื่นเช่นน้ำตาลกี่ก้อนขณะที่ชงกาแฟหรือพูดถึงเสียงกรุ๊งกริ๊งๆของกระดิ่งลมที่บานหน้าต่างซึ่งไม่อาจผลักเปิดออกไปข้างนอกอีกและแสงจ้าที่ไม่อาจสะท้อนการมองกลับเข้าไปเธอถามจากความคุ้นเคยมากกว่าที่จะถามจริงๆซึ่งบางทีบางครั้งก็เป็นการถามที่ไม่ได้ต้องการคำตอบเป็นการถามเพื่อคำถามเช่นน้ำตาลกี่ก้อนเพื่อน้ำตาลกี่ก้อนไม่ใช่ความคาดหวังที่จะตอบว่าหนึ่งสองหรือไม่น้ำตาลหรือด้วยความไม่ประสีประสาในรูปแบบอื่นๆของฉันเอง

.

คุณเคยมีบาดแผล แต่ไม่เคยมีแผลเป็น เพราะคุณหลบเลี่ยงการใช้ชีวิตอยู่กับมัน คุณหลีกเลี่ยงการใช้ชีวิตอยู่กับการใช้ชีวิต เพราะความทรงจำทดลองให้คุณเป็นรูปแบบหนึ่งของปัจจุบันขณะที่ยืนยาว

.

อีกสักพัก
คุณลดกระจกหน้าต่างลงกึ่งหนึ่ง
ด้วยความเคารพ
ฉันกำลังปาดหน้าอดีตที่อื้ออึงนั้นไป
หุบเขาตะวันตกเปล่าเปลือย

.

ใช้ชีวิตอยู่ต่อไปโดยที่ไม่รู้สึกเจ็บปวด

.

เพราะมีความฝัน
คำ่คืนจึงมีหิ่งห้อย
กว่าจะรู้ว่าตัวเล็กแค่ไหน
ก็จนเมื่อลงมือทำ

.

อะไรคือคุณค่าที่คุณยึดถือซึ่งถูกหล่อหลอมขึ้นภายใต้ทัศนคติที่เต็มไปด้วยความเกลียดชัง

.

คนที่มีท่าทีเข้มงวดต่อตัวเองเช่นนั้น
กลับกลายเป็นคนที่มีท่าทีผ่อนคลายต่อโลกได้อย่างไร

.

เดี๋ยวเห็น เดี๋ยวไม่เห็น
เดี๋ยวได้ยิน เดี๋ยวไม่ได้ยิน
เดี๋ยวชัด เดี๋ยวไม่ชัด
เมื่อมีความสุข จงมีความสุขจนคนอื่นๆอดไม่ได้ที่จะอิจฉาเธอ

.

คุณได้สูญเสียความหลงใหลชนิดหนึ่ง ซึ่งคุณเคยมีต่อเกม
ที่สามารถบีบคั้นคุณอย่างถึงที่สุดไปเสียแล้ว
น่าหวาดหวั่นใจอะไรเช่นนี้
ไม่มีอีกต่อไปแล้ว
ความกล้าที่โง่เขลา
ไม่มีอีกต่อไปแล้ว
ความขลาดเขลาซึ่งเป็นที่ประจักษ์ชัดว่า
ครั้งหนึ่งเคยตกค้างอยู่บนกิ่งก้านของวันเวลาเก่าๆที่ผ่านมาเนิ่นนานแล้ว

.

ไม่มีคำถามสำคัญที่ยังต้องการคำตอบ
ไม่มีความปรารถนาที่จำเป็นต้องบรรลุ
ไม่มีสิ่งที่ยืนอยู่ตรงข้ามกับจุดยืนที่คุณเชื่อมั่นตลอดมาอีกต่อไป

.

คุณช้าลงและบาดเจ็บได้ง่ายขึ้น
ปฏิกิริยาตอบสนอง
ต่อความรู้สึกที่ประสงค์ร้าย
เกือบจะเรียกได้ว่า
สูญหายไปอย่างสิ้นเชิง

.

ไม่มีคำถามสำคัญที่ยังต้องการคำตอบ
ไม่มีความปรารถนาที่จำเป็นต้องบรรลุ
ไม่มีสิ่งที่ยืนอยู่ตรงข้ามกับจุดยืนที่คุณเชื่อมั่นตลอดมาอีกต่อไป

.

คุณว่า แววตาที่ดูผ่อนคลายแบบนั้น คุณไม่เคยเห็นมาก่อน
เธอยิ้มและว่า แต่ริ้วรอยของประสบการณ์ที่คมชัดขึ้นตรงบริเวณหางตาและกึ่งกลางหน้าผากของเธอ
ก็ไม่มีสัญญาณขอความช่วยเหลืออะไรออกมาเช่นกัน

ประวัติผู้เขียน

ปี พ.ศ. 2543 รางวัลชมเชย สมาคมภาษาและหนังสือแห่งประเทศ ปี พ.ศ. 2557 นิทรรศการแสดงภาพถ่ายเดี่ยว ' FAIRYTALE ' Kathemandu Photo Gallery ปี พ.ศ. 2558 นิทรรศการภาพถ่ายเชิงภูมิทัศน์ทางการเมือง ' Man 's Religion ' Kathemandu Photo Gallery ปี พ.ศ. 2559 นิทรรศการภาพถ่ายเชิงภูมิทัศน์ทางการเมือง ' ส้ม ' RMA Institute ปี พ.ศ. 2560 นิทรรศการภาพถ่ายเชิงภูมิทัศน์ทางการเมือง "Black Moon" Bridge Art Space * หมายเหตุ (1) งานภาพถ่ายขาวดำทำมือ ชุด เทพนิยาย ' FairyTale ' ได้รับการเก็บรักษาและสะสมโดย ผู้ไม่ประสงค์จะออกนาม * หมายเหตุ (2) งานภาพถ่ายขาวดำทำมือ ชุด ศาสนาของผู้ชาย ' Man 's Religion ' ถูกเก็บรักษาและสะสมโดย เพชร โอสถานุเคราะห์ ตั้งแต่ ปี พ.ศ. 2558


You'll only receive email when they publish something new.

More from Nipon Intarit
All posts