ส่วนที่ขยายตัวออกไปของประโยค

คำนำ

โดยนัยนี้ ไม่ใช่เพียงแต่ส่วนที่อยู่ใต้ภูเขาน้ำแข็งเท่านั้นหรอกที่น่าสนใจ แต่ส่วนที่เรา กลบเกลื่อน ปิดทับ และขุดลึกลงไปจนกระทั่งเกือบๆที่จะเปิดเผยถึงรากฐานที่ไม่ควรเปิดเผย ก็เป็นสิ่งที่น่าสนใจ น่าสนใจ ทั้งในแง่ของกระบวนการเอง และน่าสนใจทั้งในแง่ของกระบวนการอันนำไปสู่
กล่าวคือ จะปิดจนมิด หรือเปิดจนเปลือย หรือกระทั่งเกือบเปลือย ก็ล้วนแต่ สร้างมิติในเชิงศิลปะให้กับส่วนที่โผล่พ้นของภูเขาน้ำแข็งด้วยกันแทบทั้งนั้น

ลองจินตนาการถึงภูเขาน้ำแข็ง ที่ดูปลอมอย่างยิ่ง และเฉิดฉายอย่างยิ่งดูสิ
ลองจินตนาการถึงภูเขาน้ำแข็ง ที่ครึ่งหนึ่งของมันดูสมจริงอย่างยิ่ง และอีกครึ่งหนึ่งของมันดูปลอมอย่างยิ่งดูสิ
ภูเขาน้ำแข็งที่กลายเป็นเพียงภาพถ่าย
และต่อมากลายเป็นภาพขาวดำ
หรือครึ่งขาวดำและครึ่งสี
ภูเขาน้ำแข็งที่กลายเป็นภาพวาด
ภาพวาดที่บังคับผ่านคำบรรยายให้อ่านจากขวาไปซ้ายแบบเดียวกับมังงะ
ภาพวาดที่บังคับผ่านบทพรรณนาให้อ่านจากบนลงล่างแบบเดียวกับมันฮวา
ภูเขาน้ำแข็งกลางป่าดิบชื้นของความทรงจำ
ภูเขาน้ำแข็งในสุสานของความฝันอันชวนหลอกหลอน
ที่ซึ่งเส้นสายของมันพร่าเลือน
และที่ซึ่ง รูปทรงของมัน สูญเสียความเป็นไปได้ที่จะด่วนสรุปว่า มันไม่ใช่ และมันไม่เคยเป็น
ภูเขาน้ำแข็งที่เรียกตัวเองว่าภูเขาน้ำแข็งไม่ได้อีกต่อไป
ภูเขาน้ำแข็งในแบบที่ทำให้เราค่อยๆสูญเสียความสุขและความสุขุมแบบง่ายๆของผู้ใหญ่ไป
ภูเขาน้ำแข็งในประโยคที่สั้นกระชับของเฮมมิ่งเวย์
ภูเขาน้ำแข็งที่คอยแต่จะล้นเกินของมูราคามิ

ขอให้ความสุขในการอ่านจงมีแด่ท่าน

.

คำอุทิศ...

แด่เชือกเส้นหนึ่ง ซึ่งในเวลาต่อมา ล้มเหลวที่จะกลายเป็นความสัมพันธ์

.

สิ่งที่คุณต้องการที่สุดคือสิ่งที่คุณสูญเสียมันไปเนิ่นนานแล้ว

1.

บรรยากาศที่กดดัน
กำลังแผ่ซ่านอยู่ทั่วไป
ไม่รู้เหมือนกันว่า กำลังคิดถึงสิ่งใดอยู่
แต่ไม่ได้คิดถึงเธออยู่แน่นอน
มีเพลงที่เขา
ร้องมันออกมา
และมันประสานเข้ากับ
จังหวะเต้นของหัวใจคุณ
กำลังคิดถึงเธออยู่
แต่กลับจมลงไป
ปีนป่ายขึ้นมาไม่ได้อีก
ผนังแห่งความคิดที่เหนียวหนืด
แมลงตัวหนึ่ง
เกาะนิ่งอยู่กับที่
มีเพียงการดำรงอยู่ของมันเท่านั้น ที่ไม่เคยรู้ว่า ตัวมันเองคือสิ่งใดกันแน่
เหมือนกับมนุษย์น้ำแข็ง ย่ำฝ่าไปบนโคลนที่หนาวเย็น
เวลาของมันมีอยู่เพียงชั่วครู่
ทีวีบนเพดานยังคงฉายวน ภาพของการสวนสนามและหมู่กองทหารเกียรติยศ
หน้าต่างบานหนึ่งจากอาคารฝั่งตรงข้ามเปิดค้างอยู่เช่นนั้นตั้งแต่คุณมาถึง
ลมหนาวด้านนอกคอยแต่จะขโมยความอบอุ่นไป
จากร่างกายซึ่งไร้ความรู้สึกมากขึ้นทุกที
ไม่เคยรู้มาก่อนเลยด้วยซ้ำไปว่า จินตนาการที่ไม่มีเธออยู่ จะมีแต่ด้านที่โหดร้ายและมืดมนแบบนี้

2.

นัดกันไว้เมื่อสามชั่วโมงก่อน
ยังรอเธออยู่
ไม่เคยมีคำสั่งให้เนรเทศคุณอย่างเป็นทางการ
ออกจากบาร์ก่อนรุ่งสาง
ถนนสายนี้ทอดยาวไปไกลจากบ้านคุณมากขึ้นทุกที
คลานกลับไปหาเธอ
แม้จะกลายเป็นเพียงส่วนเกิน
ของจิตวิญญาณที่สมบูรณ์แบบ
อย่างที่มันควรจะเป็น
หน้าต่างบานหนึ่งยังคงเปิดค้างไว้
ออกจากบาร์อีกทีก็เกือบเช้า
ถนนในเมืองเล็กๆแห่งนี้
กว้างถึงแปดเลนด้วยเวลาเพียงชั่วข้ามคืน
ไม่มีบทเพลงไหนที่เหมือนได้ฟังกับเธอ

3.

ภาพในทีวียังฉายวนเรื่องเดิมๆ
นานๆครั้ง จะมีคนมีเข้ามาหลบฝนที่นี่สักคน
บรรยากาศที่กดดัน
กำลังแผ่ซ่านอยู่ทั่วไป
ไม่รู้เหมือนกันว่า กำลังคิดถึงสิ่งใดอยู่
แต่ไม่ได้คิดถึงเธออยู่แน่นอน
ฝนตกหนักจนเกือบจะเป็นภาพขาวโพลน หากมองผ่านหน้าต่างออกไป
แมวของเฮมมิ่งเวย์ สวนกับ ผู้หญิงของเขา ริมทางเดิน
คนหนุ่มที่บัดซบของ เรย์มอนด์ คาร์เวอร์ ยังคงหลบซ่อนตัวอยู่ที่ไหนสักแห่งจากมุมมองนี้
พิษภัยของความเป็นชายชาตรี ครั้งหนึ่ง เคยทำให้ผมถึงกับคลานไปทั่วด้วยความเมา
ค้นหาจดหมายและใบหย่าที่ไม่มีความหมายของหล่อน
ความสัมพันธ์คือการมุ่งไปข้างหน้าอย่างช้าๆ
แม้ว่าประสบการณ์จะไม่มีความหมายสำหรับเรื่องทำนองนี้เลยก็ตาม

บางครั้งลมก็พัดเอากลิ่นดินชื้นๆ
และละอองเกสรดอกไม้จากพืชพันธ์อะไรสักอย่างที่เลื้อยคลุมหลังคานอกชาน
ซึ่งมีเพียงเก้าอี้เก่าๆสามถึงสี่ตัว
และมีกลุ่มผู้ชายที่ทำท่าเบื่อๆ ยืนอยู่

4.

ผมเหนื่อยเหลือเกิน
ตารางเอ็กซ์เซลกับสูตรสำเร็จพวกนั้น
และการท่องจำ
เหมือนสูตรคูณ
มีบางคนเคยบอกกับผมว่า คนอย่างคุณ มันยากที่จะรับมือด้วย
แต่เปล่า สูตรสำเร็จของการมีชีวิตคู่
ต่างหาก
สูตรสำเร็จของการมีชีวิตต่างหาก
หลักสูตรเร่งรัด และการพัฒนาตัวตนอย่างเร่งด่วน
ต่างหาก
ผมเหนื่อยเหลือเกิน
ผมพยายามมามาก ตกต่ำก็แล้ว แลกกับความเจ็บปวดก็แล้ว
แต่ยังมีเคล็ดลับอีกข้อหนึ่งเสมอ
ที่พวกเขาลืมบอกคุณไป
แบบเดียวกับเสียงหวีดแหลม ที่ผู้ป่วยโรคประสาทหูเสื่อมจะได้ยิน มันจะคอยรบกวน
กระบวนการฟังของคุณ ไปตลอดทั้งชีวิตที่เหลืออยู่
ผมเหนื่อยเหลือเกิน ผมไม่มีวิธีที่จะรับมือกับมัน
จิ้งหรีดหนึ่งหรือสองตัว ยังมีชีวิตอยู่
ข้างในรูหูของผม

  1. เพราะองค์ประกอบยังไม่ครบถ้วน ประโยคยังคงค้นหาคุณ ที่วิ่งตามหามันอย่างไม่หยุดหย่อน เหมือนม้าหมุนในสวนสนุก ไม่ใช่ครั้งแรกที่คุณกังวลว่า อาจทำให้หล่อนผิดหวังเสียตั้งแต่ยังไม่ได้เริ่ม

6.

อย่างที่เห็น มันไปด้วยกันไม่ได้ เหตุผลกับความไร้เหตุของชีวิต แต่ก็นั้นแหละ เสน่ห์ของเขามันอยู่ตรงนี้ ความทะเยอทะยานที่จะอธิบายแต่ก็ล้มเหลว อีกหลายปีต่อมาก่อนที่ความพยายาม และความรู้สึกอันดิ้นรนขลุกขลักแบบนั้น จะยุติจบสิ้นลง เอนย่า ตัดสินใจเขียนจดหมายถึงเขาฉบับหนึ่ง ไม่จ่าหน้าผู้ส่ง และไม่จั่วหัวกระดาษ อย่าถามว่าทำไมอีกเลย ที่รัก และโปรดอย่าถามว่าอย่างไรด้วย ความรักมีหนทางของมัน และไม่อนุญาตให้เราเข้าใจ ลงชื่อ เอนย่า เมื่อเรื่องลงเอยแบบนี้ แม้พระผู้เป็นเจ้าเองก็เถอะ หลายครั้งพระองค์ก็คงสับสนพระทัยอยู่ไม่น้อย
ตัวละครของเขาหากไม่ฉลาดเกินไปก็ซื่อบื้อเกินไปจนนักอ่านอย่างเรายังอดสมเพชไปด้วยไม่ได้ นวนิยายไร้โครงเรื่องและเต็มไปด้วยบทสรุป(ซึ่งไร้รสนิยมและไม่มีใครเค้าทำกันแบบนี้)กลับได้รับการต้อนรับอย่างอุดหนาฝาครั่งได้อย่างไร แม้แต่พระพุทธเจ้าเองก็เถอะ หลายครั้งพระองค์ก็คงสับสนพระทัยอยู่ไม่น้อยเช่นกัน
เอนย่า เคยบอกว่า เราเกลียดคนที่ยังอยู่มากกว่าคนที่จากไปแล้ว เพราะเราแน่ใจอยู่แต่แรกว่า คนที่ตายไปแล้วจะไม่หวนกลับมาทำร้ายเราได้อีก
ยกเว้นความทรงจำ
ถูกของเธอ อย่างน้อยก็ถูกครึ่งหนึ่งในส่วนของเธอ แต่ไม่ถูกทั้งหมดในส่วนของฉัน แม้ว่าความเป็นฉัน จะอ่านได้อย่างถูกต้อง ก็ต่อเมื่อมีเธออยู่เท่านั้น (ก็ตาม)
เกิดอะไรขึ้นกับฉัน เธอย้อนถาม “ คุณหมายถึงอะไร เกิดอะไรขึ้นกับผม จนถึงตอนนี้ หรือว่า เกิดอะไรขึ้นกับผมบ้าง ตลอดเวลาที่คุณไม่อยู่ “

7.1

เสียงที่หลุดออกมาอย่างเลื่อนลอยจากปากของคนอื่น
เสียงของฉัน ในเรื่องเล่าของคนอื่น เขาที่กลายเป็นฉันเอง หรือสวมบทบาทว่ากลายเป็นฉัน

7.2

ในทางเป็นจริง
'อันนา คาเรนินา' ฉบับปกแข็งที่คุณเที่ยวถือไปที่นั่นที่นี่
คงไม่มีอยู่อีกต่อไปแล้วจริงๆ
เช่นเดียวกับจูบที่มีรสขมของบุหรีที่คุณเคยสูบ
จดหมายที่ปราศจากรักฉบับนี้ จะยังคงเป็นจดหมายที่คู่ควรกับการอ่านของคุณอยู่หรือเปล่านะ
ความรักที่ปราศจากคุณเล่า จะยังถือว่าเป็นความรักอยู่หรือไม่
ที่รัก
รู้ใช่ไหม..
ลายมือของฉัน
ผูกพันกับการอ่านของคุณ

8.

คุณเองมิใช่หรือที่เคยกล่าวว่า “ เมื่อกระหาย จงดื่มมันขณะที่กำลังร้อน “
และฉันเองที่จ้องตาเขม็งและย้อนถามกลับไปว่า “ เธอกำลังหมายถึง “
คุณตอบ “ ชีวิต “

9.

ไม่มีใครเคยบอกคุณเลยหรือว่า ความรักความแค้นคือส่วนขยายของนวนิยายเล่มหนึ่ง ที่คุณเคยเข้าใจผิดคิดว่า มันได้จบลงไปแล้วอย่างสมบูรณ์แบบ ตลอดกาล และ ตลอดไป

10.

เธอจะเป็นผู้ค้นพบคำตอบเมื่อย้อนกลับไปอ่านวรรคตอนที่เธออาจข้ามผ่านมาโดยไม่ตั้งใจ

11.

พิพิธภัณฑ์ความทรงจำ
ฟอสซิลของคุณเป็นเพียงผลลัพธ์จากการจ้องมอง
ไม่มีภาคปฏิบัติการ

12.

มันคือประโยคที่ต่อเนื่องมาจากหนังสือเล่มที่แล้ว
ประโยคที่ยังเขียนไม่จบ
และยังไม่ถูกเขียน
ไวยากรณ์
และวิศวกรรมของข้อตกลง
การอ่านที่ทำให้คุณรู้สึกโง่ มีหนามขึ้นอยู่รอบๆหัว
พลิกตัวกลับไปกลับมา ทบทวนเรื่องราวมากมายของพวกเราตลอดช่วงฤดูร้อน
แววตาที่ทั้งเปราะบางและเย้ยหยันไยไพเหล่านั้น คืออะไรกันแน่
ไม่มีเหตุผลที่จะรัก แต่ผมกลับกอดคุณไว้อย่างละเอียดอ่อน
ลูกสน
พบตัวเองใต้ต้นสน
ผมพบตัวเอง
ข้างๆคุณ
คุณที่เปียกชื้นบนแผ่นแก้มนั้นละเอียดอ่อน
ความเงียบอำมหิตแบบเดียวกับที่มันหยาบคาย
มันคือประโยคที่ต่อเนื่องมาจากหนังสือเล่มที่แล้ว
ประโยคที่ยังเขียนไม่จบ
และยังไม่ถูกเขียน
ก่อนที่จะล้นออกมา
เสียงตะโกน
ซึ่งสะสมพลังอยู่ข้างใน
หน้าอกเล็กๆของคุณ

12.1

บทกวีที่ดี คือการปฏิเสธ ถ้ามันอยากเล่า เรื่องเล่าในจังหวะจะโคนของมันจะกลายเป็นอมตะ แต่ความเป็นอมตะ ไม่รู้จักความล้มเหลว
ฉะนั้นคุณค่าของคำถามที่มีต่อความสมบูรณ์แบบ จึงไร้จุดบกพร่อง (แต่ก็อย่างที่บอก สิ่งที่ผมเอ่ยกับคุณ ไม่ได้หมายความตามที่พูด เช่นกัน บทกวี ก็ไม่ได้หมายความตามที่เขียน)
บทกวีที่ดี คือการปฏิเสธ ถ้ามันบอกเล่า มันจะบอกเล่าด้วยประโยคที่ไม่เป็นรูปประโยค
ถ้ามันตั้งคำถาม เราจะผิดหวังที่ แม้แต่อุดมคติสูงสุดของมัน ยังตกอยู่ในห้วงอันตราย
บทกวีที่ดี คือการปฏิเสธ ถ้ามันเป็นแนวคิด
มันก็เป็นแนวคิดที่
หมกมุ่นอยู่กับการทำให้ความสามารถอันโดดเด่นของตัวเอง
เป็นเรื่องที่ไม่สลักสำคัญ
ถ้ามันเป็นความเชื่อ มันก็เป็นความเชื่อที่
เรียกร้องต้องการ มากเสียยิ่งกว่า สิ่งที่มันได้นำเสนอออกไป

12.2

ผมอยู่กับสิ่งนั้น
บ่อยครั้ง คุณก็รำพึงรำพันแบบนี้
จนเรียกว่าความโดดเดี่ยว
ความโดดเดี่ยว ความคิด ความอะไรก็แล้วแต่
ถ้าได้คุยกับใครสักคน
แมวสักตัว
ต้นไม้สักต้น
ผมมีชีวิตอยู่แค่นัั้น

ผมว่า
คุณคงโชคดี
เมื่ออยู่กับผู้คนมากเข้า ผมบอก ผมโดดเดี่ยว ผมทุรนทุราย
คนที่ผมโหยหามากที่สุด และมักมองหาไม่เห็น
คือตัวผมเอง ตัวผมเองในมุมอันเงียบงันหมดจดสักมุมหนึ่ง
ผมเงียบไปสักครู่ จึงหันไปหาคุณ
ก็เป็นเรื่องที่เข้าใจได้ ถูกมั้ย
ผมถามกลับ

และบางมุม ความคิดที่เราอาจควบคุมไม่ได้
ในความโดดเดี่ยว
คุณพูดต่อ
มันไม่สมบูรณ์แบบใช่มั้ย
อย่างน้อย ผมก็ได้แลกเปลี่ยน
กับคุณ

ความคิดที่เราควบคุมมันไม่ได้ ผมทวน คำพูดของคุณ อีกครั้ง
ระเบียบแบบแผนที่ควบคุมการคิดของเราอีกทีต่างหาก

คุณหัวเราะ ผมบอก
แต่ทั้งสองอย่างนี้ ไม่เหมือนกันแน่ๆ

12.1

คุณคิดว่า คุณจำเป็นต้องเรียนรู้เกี่ยวกับ ‘ที่มา’ ของความคิด และเหตุผลที่ว่าทำไม ‘ฉัน’ จึงมีอยู่

เดคาร์ต บอกว่า ฉันคิด ฉันจึงมีอยู่
พลังของการคิด จึงมีด้านที่กลับหัวกลับหาง แต่เดคาร์ตไม่รู้
อย่างเช่น
เพราะ ไม่คิด ฉันจึงหายไป เพราะหมกมุ่นกับการคิดว่า เขาจะหายไป ฉันจึงลืมคุณ ที่ยังจดจำฉันได้ดี

คุณคิดว่า คุณจำเป็นต้องเรียนรู้เกี่ยวกับ ‘ที่มา’ ของความคิด และเหตุผลที่ว่าทำไม ‘ฉัน’ จึงมีอยู่

คุณคิดว่าคุณกำลังอ่าน แต่ที่จริงแล้ว ภาษาอ่านคุณ
คุณคิดว่าคุณกำลังเขียน แต่ที่จริงแล้ว ภาษาเขียนคุณ
คุณคิดว่าคุณกำลังพูด แต่ที่จริงแล้ว ภาษาสำรอกคุณออกมา

คุณคิดว่า คุณจำเป็นต้องเรียนรู้เกี่ยวกับ ‘ที่มา’ ของความคิด และเหตุผลที่ว่าทำไม ‘ฉัน’ จึงมีอยู่
คุณคิดว่า คุณเป็นคุณ แต่ที่จริงแล้วคุณคือความคิด และความคิดไม่ได้คิดว่ามันเป็นคุณ หรือคิดว่ามันเป็นอะไร มันเป็นเพียงสิ่งที่มันเป็น

ไม่รู้ด้วยซ้ำว่า เป็นอยู่หรือตาย
เป็นเพียงสิ่งที่เป็น

13.

น้ำเสียงแบบที่แสดงถึงความเคารพและภาคภูมิใจในตัวเองอย่างยิ่งนั้น
ดูช่างเจรจา
เมื่อเราอยู่ใกล้กัน
อะไรคือความสูงส่ง
ห่างเหิน
หลุดลอยจากความธรรมดาสามัญดาษดื่นเท่าที่โลกใบเล็กๆ ใบนี้เคยมี
ถ้าไม่ใช่คุณ
ก่อนที่เราจะรู้จักกัน
ลักษณะเบ็ดเสร็จเด็ดขาดแบบที่คุณเคยมี
ความเงียบแบบที่ไม่มีใครสามารถอธิบายได้ของคุณ
เกียรติยศในรูปแบบเล็กๆ น้อยๆ ซึ่งคุณเลือกที่จะหยิบยื่นมันให้กับตัวเองในบางครั้งบางครา
คุณคือเรื่องราวแบบที่มีน้ำเสียงภาคภูมิใจในตัวเอง
อะไรคือความสูงส่ง
ห่างเหิน
หลุดลอยจากความธรรมดาสามัญดาษดื่นเท่าที่โลกใบเล็กๆ ใบนี้เคยมี
ถ้าไม่ใช่คุณ
ก่อนที่เราจะรู้จักกัน

14.

ผมรู้สึกว่า
ผมอาจจะชอบคุณ
และนั่น อาจเป็นเหตุผลที่
ทำให้
ผมไม่ชอบตัวเอง

15.

ผมคิดว่า
ผมสมควรตาย
การจูบที่ต่อเนื่อง
จำเป็นต้องหายใจด้วยเหงือก

16.

นั่นคือสิ่งที่ฉันถนัดจริงๆ
บทบาทของคนโง่ที่ทำให้เธออ่อนแอลงทีละน้อย

17.

ผมมาที่นี่
เพราะเรื่องๆเดียว
การกัดแทะที่สมบูรณ์แบบ

ตะโกนผ่านปากของคุณ

17.1

แถวของฟันที่ชิดและเรียงติดกันอย่างเป็นระเบียบนั้น
สะท้อนประกายบางอย่างที่คุณไม่อาจลังเล

18.

เป็นที่ชัดเจนว่าเธอติดใจในรสชาติของฉัน ถึงแม้ว่าฉันจะยังไม่ได้ร่วมรักกับเธอ

19.

การปลดกระดุมอีกเม็ดไม่ใช่เรื่องยาก
แต่กับการที่ฉันคงค้างการกระทำเหล่านั้นไว้ครึ่งหนึ่ง
กลับเป็นเรื่องราวที่สร้างความวุ่นวายหนักใจให้กับเธอ
มากกว่าที่เธอจะคาดไปถึงเสียอีก

20.

ผมแค่อยากได้ยินเสียงตอบที่ดังมาจากสัญชาตญาณของคุณ
ไม่ใช่เหตุผลที่ทบทวนไตร่ตรอง
ซ้ำแล้วซ้ำเล่า
ภายใต้วันเวลา
ที่มีดวงอาทิตย์ก็ย่อมมีพระจันทร์

คุณทำลายผมไม่ได้หรอก
นอกเสียจาก คุณปรารถนาที่จะทำร้ายหัวใจตัวเอง
เสียงที่คุณถามว่า ฉันไปเอาความมั่นใจแบบนั้นมาจากไหน ยังดังก้องอยู่ข้างในหัวใจที่เปราะบาง
แม้ว่าไม่มีคุณ
แต่ก็ยังมี ดวงอาทิตย์และพระจันทร์ดวงเดิม

ผมแค่อยากได้ยินเสียงตอบที่ดังมาจากสัญชาตญาณของคุณ
ที่ๆมีดวงอาทิตย์และพระจันทร์
ที่ๆมีความมืดมิดและสว่างไสว
อบอุ่นและเหน็บหนาว
ช่วงเวลาที่ความคิดซึ่งเพ้อฝันเกี่ยวกับตัวคุณ
คือความพยายามที่สูญเปล่าของการอธิบายที่ไร้ค่าครั้งหนึ่ง
ทำความเข้าใจผ่านการลูบไล้เปะปะไปบนเนื้อหนัง
ที่คุณยังไม่เข้าใจมันดีมากพอเลยด้วยซ้ำไป

ผมแค่อยากได้ยินเสียงตอบที่ดังมาจากสัญชาตญาณของคุณ
ที่ๆมีดวงอาทิตย์และพระจันทร์
ที่ๆมีความมืดมิดและสว่างไสว
อบอุ่นและเหน็บหนาว
ช่วงเวลาที่ความคิดซึ่งเพ้อฝันเกี่ยวกับตัวคุณ
คือความพยายามที่สูญเปล่าของการอธิบายที่ไร้ค่าครั้งหนึ่ง

ตีพิมพ์ครั้งแรก : Kitchengun Library 14 กรกฎาคม 2020

21.

ทั้งที่รู้ว่าความอ่อนโยนเป็นแค่เพทุบายของฉัน
เธอก็ยังติดกับฉันจนได้*

21.1

แน่นอน จูบที่ต้องขัดขืนเล็กน้อยก่อนที่จะสงบลงในภายหลังนั้น ถือเป็นหนึ่งในงานศิลปะระดับสูงสุดที่ผมไม่ควรพลาดด้วยประการทั้งปวง

21.2

และด้วยภาษาแบบผู้เจริญแล้วของคุณ มงกุฎอันรุ่ยร่ายของผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ ซึ่งบดบังการมองเห็น แบบแผนในวิธีการ รวมถึงเครื่องไม้เครื่องมือที่พาคุณดำดิ่งลงไป
สู่แรงบีบอัดของความตาย
และลมหายใจที่เข้าออก ซึ่งในหลายๆโอกาส คุณก็พูดเอาเท่ห์ว่า ไม่ใช่ของคุณ ชีวิตเป็นเรื่องชั่วคราว (แหม ไอ้เวร แต่อยู่นานซะเหลือเกิน)

21.3

ผมเอง (ไอ้สารเลวใจทมิฬ) ซึ่งคงถูก ‘ฟัตวา’ ด้วยแนวคิดแบบจืดๆของไอ้พวกพุทโธเลี่ยนเข้าสักวัน
ผมเอง (ไอ้สารเลวใจทมิฬ) ซึ่งคงถูก ‘ปัพพาชนียกรรม’ ด้วยแนวคิดแบบจืดๆของไอ้พวกคริสเตียนเข้าสักวัน

21.4

คุณยังล้อเลียนตัวเองอีกด้วยว่า เสียงที่แผดต่ำแหบเครือและยากจะคาดเดาว่าสุขหรือทุกข์นั้น แท้ที่จริงแล้ว เป็นเพราะตัวคุณกำลังจะแตกเป็นเสี่ยงๆ
คุณว่า ไม่เคยมีผู้ชายคนไหนตั้งคำถามแบบนี้กับคุณมาก่อนเลย ละลาบละล้วง แต่ก็สุภาพเสียจนเจ็บปวดแสบร้อนจนแทบเจียนตาย
“ ตอนแรก มันก็ตลกดีนะ “

“ แต่ตอนนี้ชักไม่แล้ว “

22.

ผู้ชาย
พวกมันจะเสาะหาคุณจนเจอ
ทำความเข้าใจ
และตาย

23.

อีกครั้งหนึ่งแล้ว อีกครั้งหนึ่งแล้ว
ตื่นขึ้นในเมืองที่ไม่มีใครรู้จัก
หลับตาลงบนเตียงที่ไม่คุ้นเคย
ความสัมพันธ์ไร้ชื่อเรียกและความปรารถนาที่ไร้เธอ
จะมีความหมายอะไร
อีกครั้งหนึ่งแล้ว อีกครั้งหนึ่งแล้ว
กอดคนแปลกหน้าผ่านความเดียวดายชนิดหนึ่ง
ทอดทิ้งกันด้วยความเดียวดายอีกชนิดหนึ่ง
ปลอมแปลงตัวเองเข้าหากันและกัน
เป็นตัวปลอมของตัวจริง ทั้งที่ยังไม่รู้จักตัวตนของตัวเอง
ความอ้างว้างชนิดไหนกันที่ทำร้ายคนได้อย่างลึกซึ้งถึงเพียงนี้
ปลอมตัวเข้าหากันและกัน
เป็นตัวปลอมของตัวจริง
ทั้งที่ยังไม่รู้จักตัวตนของตัวเอง
ความอ้างว้างชนิดไหนกันที่ทำร้ายคนได้อย่างลึกซึ้งถึงเพียงนี้
อีกครั้งหนึ่งแล้ว อีกครั้งหนึ่งแล้ว
หลับตาลงบนเตียงของคนที่คุ้นเคย
ตื่นขึ้นในเมืองที่เติบโตขึ้นมาพร้อมๆกับภายในของคุณ
ความสัมพันธ์ที่ไร้ทางออกและความปรารถนาที่จะถือสิทธิในตัวเธอ
จะมีความหมายอะไร
อีกครั้งหนึ่งแล้ว อีกครั้งหนึ่งแล้ว
ความรู้สึกที่ถูกปกป้องแม้ว่าจะผิดถูกอย่างไร มันเป็นเช่นนี้นี่เอง
ความรู้สึกที่เธอต่อต้านโลกทั้งใบเพื่อตัวฉันเอง มันเป็นเช่นนี้

25.

จูบที่มีรสชาติเศร้าสร้อยเช่นนี้ มีใครเคยสัมผัสมันมาก่อนบ้างหรือไม่

26.

ตอนที่เริ่มต้นรู้จักคุณอย่างจริงจังก็ยังไม่เข้าใจความรัก
ส่วนตอนที่สูญเสียเธอไปก็ยังไม่เข้าใจเหตุผลของโชคชะตา

เมื่อไร
เรื่องๆหนึ่งซึ่งหนักหนาที่สุด
จะกลายกลับเป็นเรื่องขี้ปะติ๋วอย่างที่เธอว่าไว้เสียที

27.

ได้โปรดอย่าลืมว่า คุณคือส่วนหนึ่งของการติดต่อในทางลับๆจากโลกแห่งแสงสว่างที่มืดมิดและศรัทธาที่มีต่อพระองค์คือเสี้ยวแสงเดียวซึ่งริบหรี่รำไรและใกล้จะมอดดับลงทุกที

28.

เธอบอกว่า เธอใช้เวลาอยู่นานทีเดียวกว่าที่จะเข้าใจว่าขาทั้งสองข้างของเธอมิได้มีเพียงหน้าที่เดียว อย่างที่มันควรจะเป็น

29.

แน่นอน เธอพูด ไม่ใช่ความโกรธแบบที่เกิดขึ้นในทันที
แต่เหมือนจูบที่ทำให้มึนเมา
กว่าจะเข้าใจ
ก็ผ่านไปหลายปีจนเกือบที่จะลืม

หากส่วนหนึ่งของการละเมิด
ที่ทำให้คนเราไม่สามารถเคารพตัวเอง
คือส่วนหนึ่งของเหตุผลหนักแน่นซึ่งเธอใช้บอกกับตัวเอง
ฉันขอ
ไม่ยกโทษให้เธอ
เหมือนที่เคยพลาดผิดไป

แน่นอน เธอพูด ไม่ใช่ความโกรธแบบที่เกิดขึ้นในทันที
แต่เหมือนจูบที่ทำให้มึนเมา
กว่าจะเข้าใจ
ก็ผ่านไปหลายปีจนเกือบที่จะลืม

30.

มันต้องมีสักจุดหนึ่งที่รสจูบได้สูญเสียรสชาติเดิมของมันไป
และหัวใจที่เคยเต้นแรงจนผิดปกติ แต่ทว่า ในตอนนี้ มันเริ่มกลับมาเป็นปกติแล้ว
ชาในถ้วยที่เริ่มเย็นชืดลงไปแล้วนั้น เกิดขึ้นในชั่วยามที่ระหว่างเรา ใครสักคน ลืมสบตากับตัวเอง
เมื่อไรกัน ที่หมากฝรั่ง ซึ่งให้รสชาติในรูปแบบที่คุณไม่สามารถหามันได้จากที่อื่นใดอีก ได้สูญเสียรสชาติเดิมของมันไป
อาจเป็นโมงยามที่ระหว่างเรา ใครสักคน เลือกที่จะรักษาความสัมพันธ์ไว้ แม้ว่ามันจะไม่ถูกต้องอีกต่อไปแล้วก็ตาม
ใครสักคน ระหว่างเรา สักคน ระหว่างทาง ระหว่างเรา
แม้ว่ามันจะไม่ถูกต้องอีกต่อไปแล้วก็ตาม

31.

แน่นอน
 แม้จะพูดไม่ได้ว่า
ส่วนที่ก้ำกึ่งก้ำกลางระหว่างความรู้สึกที่ว้าวุ่นใจเหล่านั้นคืออะไรกันแน่

แต่ฉันก็อยากเข้าใจ

32.

เป็นไปได้ว่า ภาพลวงตาเหล่านั้น มีลักษณะที่สมจริง ส่วนเธอเองถูกทำให้เชื่อในราคาที่ต้องจ่ายออกไป
เป็นไปได้อีกด้วยว่า ตัวตนในอีกรูปแบบหนึ่ง ซึ่งกำลังสวมทับเธออยู่นั้น ไม่สามารถทำให้เธอรู้สึกแปลกปลอม
ระหว่างเงาร่างที่แท้จริงของเธอ กับภาพวาดอันสูงส่งของผู้ที่เทิดทูนรักไว้เหนือสิ่งอื่นใด

33.

และหนึ่งในความปรารถนาที่ตื้นเขินเหล่านั้น ยังรวมไปถึง รูปแบบที่เป็นนามธรรมอย่างยิ่งของความฝัน ที่แม้แต่ตัวของหล่อนเองก็ยังไม่รู้ว่ามันคืออะไร และมีความหมายอย่างไรต่อตัวของหล่อนเองหรือไม่*

34.

อะไรคือสิ่งที่ทำให้คุณได้ก้าวเข้าไปสู่จุดที่ไร้เหตุผลในตัวเอง

35.

บัดนี้
ผ่านคลื่นคนที่ไร้ชีวิตชีวาเหล่านั้น
อีกฟากถนนที่เธอเคยข้ามกลับมาหาฉัน
ยังคงว่างเปล่าเหมือนเดิม

36.

เธอถามฉันว่า มีอะไรที่คุณมองเห็นและฉันมองข้ามไปหรือไม่
ฉันตอบว่า สัดส่วนที่ไร้รอยตำหนิของคุณ
มันมากเกินไป
และยากที่จะเชื่อว่า
ทุกอย่างที่ประกอบขึ้นจนกลายเป็นคุณ
มิใช่ขบวนการสมรู้ร่วมคิดของพระเจ้าองค์ใด

37.

ต่อหน้า ความรัก ใครเลยจะกล้าโกหกกับตัวตนที่กำลังถูกปลดเปลื้องออกมา

38.

ชีวิตที่เต็มไปด้วยเหตุผลส่วนตัวที่ซับซ้อนมากมาย
ทำอย่างไรเธอก็ไม่สามารถรักตัวเองได้สักที

39.

ในเมื่อคุณเองก็ผ่านโลกมามากขนาดนี้ 
คงแยกแยะได้อยู่หรอกว่า 
คำพูดซึ่งปฎิเสธน้ำใจและไมตรีอย่างสิ้นเชิงนั้น
แตกต่างกับรหัสลี้ลับซึ่งซ่อนตัวอยู่อย่างแนบเนียน
ภายใต้คำว่า ไม่ และ ใช่ อย่างไร

40.

คุณบอกว่า
วิธีแต้มริมฝีปากแบบนั้น
วิธีมองแบบนั้น
วิธียิ้มแบบนั้น
มันทำให้คุณอยากรู้
หล่อนถามว่าอยากรู้อะไร
คุณตอบว่า
วิธีจูบของคุณ

41.

รสจูบที่ไม่ขออนุญาต
แฝงตัวเป็น
สีของผลสตอร์เบอรี่บนแผ่นแก้มของเธอ

42.

ไม่ทันระวัง
จูบที่ดื้อดึง
กลับกลายเป็นการตอบสนองที่ทำให้เธอเข้าใจในตัวฉันแบบผิดๆตลอดไป
ที่จริงแล้ว เธอย้ำ
ฉันคงคิดมากเกินไป
เพียงเพราะหัวใจไม่เคยเต้นแรงแบบนี้มาก่อน
ไม่อาจทำให้ความรักปรากฏตัวเป็นจริงขึ้นมาได้
สูญเสียทั้งการควบคุมและการตอบสนองที่ทำให้เด็กหนุ่มคนหนึ่งเข้าใจผิดๆเกี่ยวกับตัวเธอตลอดไป

42.2

ความรักคือการหลับตาข้างหนึ่ง และลืมตาอีกข้างขึ้นเพื่อเผชิญหน้ากับโลก
กลางวันและกลางคืนในมุมมองเดียวกันแบบนี้
ผมไม่เคยเห็นมันมาก่อน

43.

เส้นผมที่มีกลิ่นของบ้านซึ่งคนเร่ร่อนอย่างฉันไม่มีวันเข้าใจ

44.

" พรุ่งนี้ คุณจะคิดถึงกันบ้างหรือไม่ " ตรงนี้เธอโกหก ที่เธอต้องการจะถาม คือใครจะคิดถึงกันก่อนมากกว่า
" พรุ่งนี้ คุณจะคิดถึงกันบ้างหรือไม่ " ผิดถนัด ที่เธอต้องการคือคำสัญญา

45.

เหมือนบาดแผลที่มันหายดีแล้วแต่คุณก็ยังเลือกที่จะปกปิดมันไว้ด้วยแผ่นพลาสเตอร์
และถึงแม้ว่าคุณจะลุ่มลึกเกินกว่า
สวมบทบาทโง่ๆ
แบบนี้ ตลอดไป
คุณก็ยังขอบคุณชีวิต
และการเติบโต
หลายปีให้หลัง ผมเดาว่า
คุณยังคงซาบซึ้งไปกับ
ความเหงาที่มีรูปร่างเหมือนกับ
เงาเงียบๆในกระจกเงาบานนั้น
อยู่เช่นเดิม

ไม่มีอะไรที่ฉันรู้ได้อย่างแน่ใจว่า
ตรงไหนของความสัมพันธ์ที่เราควรจะหยุด
และไม่ไปต่อ
และคุณต้องรับผิดชอบคนเดียว
หลังจากนั้น
ต่อสิ่งที่คุณเป็น
หรือกลายเป็น
ช่วงเวลาที่คุณเสียสตื อ่อนล้า และผิดเพี้ยน
หลายปีให้หลัง
ที่คุณยังแบกมันไว้
ราวกับ
เป็นส่วนหนึ่งของร่างกาย
มากกว่า
ที่จะด่วนยอมรับว่า มันคือส่วนขยายของอาการอักเสบและอกหักของประโยคที่เป็นพิษต่อตัวเอง

46.

หยิบเศษเสี้ยวที่แตกกระจายและแหลมคมเหล่านั้นขึ้นมา
ครั้งหนึ่งมันเคยเป็นคุณ
จะตกหลุมรักอีกครั้งต้องทำอย่างไร
จะตกหลุมรักคุณอีกครั้งต้องทำอย่างไร
ผมอึดอัด ผมหายใจไม่ออก
ความรู้สึกอ่อนล้าที่คุณไม่ได้เชื้อเชิญ ช่างละม้ายคล้ายคลึงกับความอ่อนแอของผมไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง จนถึงวันนี้ ใบหน้าด้านข้างที่เงียบขรึมของคุณ ไม่ใช่มุมมองของผมคนเดียวอีกต่อไปแล้ว
คุณก็รู้ว่ามันไม่ง่าย แต่ผมก็ยังพยายามอยู่ พยายามที่จะอยู่ต่อไปโดยไม่มีคุณ ผมอึดอัด ผมหายใจไม่ออก
ความรู้สึกอ่อนล้าที่คุณไม่ได้เชื้อเชิญ ช่างละม้ายคล้ายคลึงกับความอ่อนแอของผมไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง

47.

ใบหน้าที่แดงระเรื่อนั้น ไม่แน่ว่า จะเป็นด้วยความโกรธหรือว่าความอับอายกันแน่
คุณสูญเสียสมดุลเล็กน้อยและพูดว่า
ใครจะไปลืมผู้หญิงผมสั้นและขี้เมาเล็กน้อยแบบนั้นได้ลงคอ

48.

คนที่เอาแต่แกว่งแขนไปมาอยู่บนสันเขื่อนริมทะเลสาปแห่งนั้น
ตอนนี้อยู่ที่ไหนแล้ว

49.

ฉันเชื่อที่คุณบอกฉัน ทำการบ้าน เข้านอนตอนหกโมงเช้า

50.

นี่เธอเป็นเธออีกคนให้เราได้ไหม
ยังไง
ถ้ามีเธอสองคนบนโลกนี้ อีกคนต้องเป็นของเราไงล่ะ

51.

ใครกันจะไม่สามารถคาดเดารอยยิ้มแบบนั้นได้บ้างล่ะ
การมองตาแว่บเดียวแบบที่รู้กันเช่นนี้
ไม่ใช่กับใครทุกคน(ก็ได้)

52.

ท่าทางคลุมเครือของเธอ ที่แสดงออกอย่างชัดเจนอยู่บ่อยครั้ง เช่นกันกับคุณ ที่แสดงออกอย่างชัดเจน แต่ทว่าคลุมเคลืออยู่มากครั้งไม่น้อยเช่นกัน

ด้วยเพราะ องค์ประกอบยังไม่ครบถ้วน ประโยคยังคงค้นหาคุณ ที่วิ่งตามหามันอย่างไม่หยุดหย่อน
เหมือนม้าหมุนในสวนสนุก

54.

พูดว่าลาก่อน พูดว่าลาก่อน
เห็นเธอเสแสร้งโอบกอดความว่างเปล่าด้วยความเย็นชา
เรื่องเล็กน้อยทำนองนี้ ก็ทำให้หัวใจแตกสลายได้เหมือนกัน
พูดว่าลาก่อน พูดว่าลาก่อน
บางที เส้นด้ายแห่งความผูกพันที่ผูกมัดพวกเราเข้าไว้ด้วยกันนั้น
อาจจะเหนียวแน่นเกินไป
ไม่ก็เปราะบางเกินไป
การตัดสินใจในความมืดมนนั้น
ยังไม่ทันได้เอ่ยปากขอบคุณ
บางสิ่งก็พลันแปรเปลี่ยนไม่อาจหวนย้อนกลับคืน
พูดว่าลาก่อน พูดว่าลาก่อน
เห็นเธอเสแสร้งโอบกอดความว่างเปล่าด้วยความเย็นชา
เรื่องเล็กน้อยทำนองนี้ ก็ทำให้หัวใจแตกสลายได้เหมือนกัน
พูดว่าลาก่อน พูดว่าลาก่อน
ความสัมพันธ์ที่ไม่มีชื่อ
กับสาเหตุที่เรา
ไม่เจอกันอีกเลย
พูดว่าลาก่อน พูดว่าลาก่อน
พูดว่าลาก่อน พูดว่าลาก่อน
แท้จริงแล้ว ที่จริงแล้ว ที่สุดแล้ว ปราศจากความหมายใดๆที่แท้จริงต่อกัน
แท้จริงแล้ว ที่จริงแล้ว
เราคงคลาดกันที่ถนนสายหนึ่ง
อ่านหนังสือเล่มเดียวกัน
แต่คนละปริบท
เป็นสรรพนามเช่นเดียวกัน
แต่อยู่คนละบรรทัด
เป็นนามธรรมเช่นเดียวกัน
แต่ไม่มีความหมายใดๆต่อกัน
เป็นจริงเช่นเดียวกัน
แต่ไม่มีความหมายใดๆที่แท้จริงต่อกัน
แท้จริงแล้ว ที่จริงแล้ว เราคงคลาดกันที่ถนนสายหนึ่ง
นั่งรถไฟคนละขบวน
ไม่ก็ตู้โดยสารเดียวกัน
แต่กลับติดค้างอยู่ในภวังค์เหม่อลอยของตัวเอง
พูดว่าลาก่อน พูดว่าลาก่อน
เห็นเธอเสแสร้งโอบกอดความว่างเปล่าด้วยความเย็นชา
เรื่องเล็กน้อยทำนองนี้ ก็ทำให้หัวใจแตกสลายได้เหมือนกัน

55.

ชีวิตที่ทำทุกอย่างเพียงเพราะคิดว่าเธอคงเฝ้าดูฉันอยู่ที่ไหนสักแห่งหนึ่ง
ไม่อยู่บนพื้นฐานความเป็นจริง
ไม่อาจแก้ไขเปลี่ยนแปลงอะไรได้ทันเวลา
แววตาที่ปราศจากพลังแบบนั้น
คือผลลัพธ์ของความปรารถนาที่ไม่เคยบรรลุในจุดประสงค์ของตัวมันเองใช่หรือไม่
เธอว่า บนโลกใบนี้ ประกอบไปด้วยคนสองจำพวก
หนึ่ง-คนที่แสร้งว่ายังมีชีวิตอยู่
และ
สอง-คนที่เสแสร้งว่าไร้ชีวิต
อะไรคือการโกหกอย่างมีหลักการต่อข้อเท็จจริงที่ว่า
วัยเยาว์ที่กำลังดิ้นรนและค้นหาอาณาจักรสุดท้ายและยุคสุดท้ายของมัน
กำลังจบสิ้นลง

56.

คุณสูงขึ้นสามนิ้วในหนึ่งปี
สิวเขรอะ
และเริ่มรู้จักความรุนแรง
เธอเรียกมันว่าร่างแรกของสัตว์ประหลาด
ที่ต่อมา
แม้แต่ตัวคุณเอง
ก็ยังรู้สึกไม่ค่อยสบายใจ
การปฎิเสธ เริ่มกลายเป็นหนทางหนึ่ง
ในการเรียกร้องตัวตนที่ตัวคุณเองก็ยังไม่รู้แน่ชัดว่าคือสิ่งใด

57.

คุณวาดใจกลางมหาสมุทร
ด้วยจุดเล็กๆจุดหนึ่งที่เป็นคุณ
สร้างเส้นปะที่มีแรงต่อเนื่องขนาดมหึมา
คุณเขียนส่วนที่ใกล้ชิดกันที่สุด
ของฟ้ากับท้องทะเล
มหาสมุทร
และใจกลาง แก่นกลางของมันและความแปรปรวน
สาดซัดที่ไม่อาจยับยั้งชั่งใจ
คุณว่ายข้ามไป
ว่ายไปตลอดเวลา
ข้างหน้าที่ไม่เคยเห็นฝั่ง
คุณพยายามฝ่าข้ามไป
ความมืดปรากฏร่องรอยของมัน
ความกลัวปรากฏร่องรอยของมัน
ความสว่างปรากฏร่องรอยของมัน
ความกล้าและทิศทางปรากฏร่องรอยของมัน
แต่คุณไม่เคยไปถึงไหนเลย
ไม่เคยไปถึงไหนเลย
เช้าที่คุณรู้ว่ามันไม่จริง
และค่ำคืนที่คุณรู้ว่ายังไม่ถึงเช้า
มีแต่คุณ คุณที่รู้ว่ามันจริง
มีแต่คุณ คุณที่รู้ว่ามันไม่จริง
ทุกหน ทุกแห่ง
อันตรายแห่งปะการัง
ลึกสุดหยั่งที่เย้ายวน

คุณวาดใจกลางมหาสมุทร
ด้วยจุดเล็กๆจุดหนึ่งที่เป็นคุณ
สร้างเส้นปะที่มีแรงต่อเนื่องขนาดมหึมา

คุณว่ายไปข้างหน้าพร้อมด้วยส่วนเกินจากการมีอยู่ของคุณอีกคน
ชิ้นส่วนแห่งความชำรุดที่ไม่เคยต้องการ

ลึกเข้าไป
ลึกเข้าไป
ลึกเข้าไป
ลึกเข้าไป
ลึกเข้าไป
ลึกเข้าไปในความตื้นเขินที่คุณไม่อาจเข้าใจตัวเอง
ลึกเข้าไปในตัวเองที่ความตื้นเขินไม่อาจเข้าใจคุณ
ความตื้นเขินที่คุณไม่อาจเข้าใจตัวเอง
ตัวคุณเองที่ความตื้นเขินไม่อาจเข้าใจ
เส้นขอบฟ้ายังคงตั้งอยู่ที่เดิม
ระยะทางยังคงห่างไกลเท่าเดิม
มีแต่คุณที่รู้ว่ามันไม่จริง
มีแต่คุณที่รู้ว่าทำไม

58.

หลังจากโอนเงินแล้ว
ความสัมพันธ์ระหว่างผู้ให้บริการและพระเจ้าก็จะสิ้นสุดลงถูกมั้ยครับ
ช่างเป็นความสัมพันธ์ที่เปราะบางอะไรเช่นนี้

59.

มนุษย์ง่วงแล้วค่ะ เพราะพระเจ้าสร้างกลางวันแลกลางคืนไว้แท้ๆเลย

ผมตอบ ผมสับสน เพราะตอนนั้น ถ้ารู้ว่าจะได้คุยกับคุณบ้าง กลางวันจะไม่มีกลางคืนตลอดไป

60.

ผมเริ่มหายใจอีกครั้ง
ด้วยเหงือก ในคราวแรก ผมถึงกับทึ่ง วิวัฒนาการของชีวิตหลังความตาย ในคราวต่อมา ทัศนียภาพจากมุมมองของปะการัง ฉลามและวาฬ ไม่สู้จะสนใจผมเท่าใดนัก
ไม่ใช่เพราะผมตัวเล็กจิ๋ว
แต่ข้อเท็จจริงก็คือ บาดแผลของผมไร้เลือด
ถูกอีก
ผมเริ่มหายใจด้วยเหงือก
เวลาที่ต้องจูบกับเด็กผู้หญิงพวกนั้น เศษผักที่ติดระหว่างฟันซี่เล็กๆของพวกหล่อน
รบกวนจิตใจผู้ชายอย่างพวกเราเสมอ

61.

คุณค่าของความจงรักภักดีซึ่งจัดแสดงตัวเองอยู่ในดวงตาคู่หนึ่งที่คุณพยายามหลบหนีหรือหลีกเร้นตลอดมา

62.

และถ้าหากความพยายามนั้น
มากไปกว่านี้อีกสักหน่อย
ก็จะดูคล้ายกับว่า หล่อนกำลังสูญเสียความไว้วางใจที่มีต่อตัวเอง ความเคารพตัวเอง แบบที่คนแบบหล่อนสมควรจะต้องมี

63.

และหล่อนก็ฉลาดพอ
ที่จะทำให้ระยะห่างนั้นอยู่ในระดับที่ควบคุมได้ตลอดไป

64.

ตั้งแต่เมื่อวานนี้แล้ว ที่แดดเฉียงอยู่อย่างนี้
เขายืนอยู่ที่นี่ ไม่รู้เดือนและฤดู

65.

ยามเช้าเช่นนี้ กราบพระพุทธเจ้า ทั้ง 4 ทิศแล้ว จงก้มลงกราบผู้ให้ชีวิตเจ้าด้วย จงก้มลงกราบการละเมิดที่ทำให้ชีวิตบังเกิดขึ้นด้วย บ่อน้ำแห่งทุกข์ บึงแห่งทุกขเวทนา ที่เจ้าอาบและตักดื่ม ชำระกายโสมม จนเจ้ายึดติด รูปโฉมอันไม่เที่ยงก็ทางหนึ่ง ดื่มกินจนกลายเป็นตัวตนแห่งทุกข์ที่เติบใหญ่ขึ้นทุกวันก็อีกทางหนึ่ง
ยามเช้าเช่นนี้ กราบพระพุทธเจ้า ทั้ง 4 ทิศแล้ว จงก้มลงกราบผู้ให้ชีวิตเจ้าด้วย วัฏฏะสงสารที่เจ้ามิอาจหยุดเวียนว่าย ก็เป็นดุจเดียวกับนกที่ไม่อาจหยุดบินในทางหนึ่ง เมื่อละความมุ่งหวังแล้ว ก็ปราศจากภาพลวงตาอีกทางหนึ่ง เมื่อละหนทางแห่งพุทธ ก็เท่ากับเจ้าค้นพบเส้นทางโดยปราศจากการแสวงหาเส้นทาง อันเป็นบันไดเวียนมุ่งตรงเข้าสู่โลกภายในอีกทางหนึ่ง
กราบพระพุทธเจ้า ทั้ง 4 ทิศแล้ว จงก้มลงกราบผู้ให้ชีวิตเจ้าด้วย จงก้มลงกราบการละเมิดที่ทำให้ชีวิตบังเกิดขึ้นด้วย

67.

กาลเวลาที่ไหลเวียนอยู่รอบๆตัวเธอ
มีความสลับซับซ้อนมากกว่าที่อื่นใด
และอย่างที่ผู้คนพูดกันว่า
สิ่งที่ใช้ชีวิตแลกเปลี่ยนไม่ได้
ย่อมไม่มีใครต้องการ
วิญญาณจึงถูก
สับเปลี่ยนกับชีวิต
แต่ไม่อาจหลอมรวม

68.

ตลอดมา
มันอาจคือคุณ
ผู้เร่ร่อนเซซังไปในความเดียวดาย
ตลอดไป
มันอาจคือฉัน
คนกลุ่มจำพวกที่
ทึกทักเอาว่า
ตนเองนั้นจะไม่ถือโทษโกรธเคืองใดๆกับคุณได้อีก
เอาเข้าจริง ตัวฉันเอง ก็ไม่เคยลงร่องลงรอยกับความความจริงเท็จใดๆได้เลยสักอย่างเดียว
พูดให้ถูก
บางที ตัวฉันเองนั้น
ก็รู้สึกเหมือนกับว่า
ฉันไม่สามารถผลักดันตัวเองได้อีกต่อไป
หรือเป็นแสงเงาให้กับทุกๆด้านของชีวิตของตัวเอง
ชีวิตด้านนอกที่มีแต่มืดคล้ำลงทุกที
ฉันสูญเสียคุณค่าบางอย่างไปในนั้น
จากสิ่งที่ฉันเคยละเลย
หรือจงใจงดเว้นอย่างช่ำชอง
และชีวิตพร่ำบอกกับฉันว่า
ฉันไม่เคยฟังมัน
เสียงของคนนอกรีตที่ผลักดันความโกรธจากการสูญเสียจนกระทั่งไม่สามารถแตกร้าวได้อีกต่อไป
ฉันทำได้ก็เพียงแต่จดจ้องมองย้อนกลับเข้าไป
(ยืนนิ่งไม่ไหวติง หรือไม่อาจก้าวล้ำข้ามผ่าน)
(หรือไม่อาจหันหลังจากลา)
ในสิ่งที่ฉันทำได้ก็เพียงแต่ชื่นชม
และในบางครั้ง ฉันก็บอกกับตัวเองว่า ฉันควรจะพอใจแค่นั้นเอง
ฉันบอกกับตัวเองเสมอมาว่า
ชีวิตมักมีบางสิ่งที่ขาดไป
แต่เมื่อคุณได้มันมา
คุณก็พร้อมจะถูกผลักดันอย่างรุนแรงจากอะไรสักอย่างเพื่อย้อนกลับไปสู่ความสาปสูญและสูญเสียมันอีกครั้งและอีกครั้งนึง
และจะเป็นเช่นนั้นตลอดไป นั่นก็เพราะอาจเป็นความไม่แน่ใจลึกๆต่อภาพฝันที่สุขสมบูรณ์
หรือไม่ชีวิตก็อาจต้องการแยกฉันออกมา
หรือบางทีมันอาจไม่ต้องการให้ฉันปรากฏอยู่ตรงนั้นอีกต่อไป
ชีวิตที่มันรักฉัน เกลียดฉัน และฉันที่หลงรักมัน เกลียดมัน
เหมือนฉันที่รักคุณแต่ไม่เคยตกหลุมรักใคร

69.

ผมถามว่า หากได้ดื่มธัญพืชและองุ่นแปรรูป จะช่วยให้ร่างกายของผมจะอุ่นขึ้นอีกหน่อยนึงไหม
คุณพูดว่า มีอยู่สองหรือสามครั้ง ที่ผมใช้ประโยคซ้ำๆแบบนี้

แต่ไม่มีประโยคไหนที่สะท้อนความเข้าใจของผมที่มีต่อตัวเองได้ดีเท่านี้อีกแล้ว
ผมเหนื่อยเหลือเกิน

รู้จักกลางคืนมายี่สิบกว่าปี
แต่ไม่มีครั้งไหนที่ผมรู้สึกว่ามันดูเหงาเท่าในเวลานี้เลยสักครั้งเดียว

บางทีผมก็อยากทำให้คุณโกรธผมจริงๆขึ้นมาบ้างเหมือนกัน
โกรธและอยากขอบคุณผมในคราวเดียวกัน

ผมเหนื่อย ผมเหนื่อยเหลือเกิน
รู้สึกเหมือนถูกเฉดหัวไปจากสถานการณ์ที่ตัวเองเคยควบคุมมันได้ หรือเคยคิดว่ากำลังควบคุมมันอยู่

ไม่ใช่ว่าผมไม่พยายาม แต่อาจเป็นเพราะ ผมเหนื่อยมามากเกินไป จึงปล่อยมือจากทุกอย่าง
อย่างง่ายดาย
ไม่สมกับเป็นผม
ที่ครั้งหนึ่งเธอเคยไว้วางใจ

ผมเหนื่อยกับการขอโทษแล้วทำให้ตัวเองดูดีขึ้น
ผมเหนื่อยแล้วกับการขอโทษซึ่งตัวเองมักทำได้ดี

ผมแค่เหนื่อย
เหนื่อย และอ่อนล้า
กับการพยายามทำทุกอย่างไม่ให้กลายเป็นเรื่องส่วนตัว
เสแสร้งมากเกินไป
เรียกร้องเอากับตัวเองมากเกินไป

ผมแค่เหนื่อย
ทำให้ตัวเองดูดีขึ้นในทุกครั้ง (แล้วไง)

ผมอยากขอโทษคุณอย่างจริงใจ
แต่สภาพจิตใจกลับย่ำแย่ลงทุกที

ที่กล่าวมันออกไปแล้ว คือการขูดรีดเอาจินตนาการที่มีอยู่อย่างจำกัด
เพื่อนำมันออกมาใช้อย่างไร้ขีดจำกัด

ผมแค่เหนื่อย
เหนื่อย และอ่อนล้าเกินไป

70.

ในเมื่อ เข้าใกล้คุณไม่ได้
และการอยู่ตรงนี้
เฝ้ามองคุณจากมุมมองที่คุณไม่เคยรู้มาก่อน
อย่างน้อยก็ทำให้ผมได้รู้จัก
ตัวตนอีกด้านที่คุณเองก็อาจไม่แน่ใจ

ผมคงเศร้า ถ้าคุณไม่ยิ้ม (อย่างนี้อยู่ต่อไป)
ผมยังยิ้มอยู่ได้ แม้ว่าคุณจะดูเศร้าหมองลงไปมากแล้วก็ตาม

คุณอาจถามว่าเพราะอะไร
ผมมีคำตอบ แต่ขึ้นอยู่กับว่า คุณจะเข้าใจผมมากขึ้นหรือไม่
เท่านั้นเอง

การรอคอย แม้ต้องรอคอยต่อไปเรื่อยๆ ก็ไม่เห็นเป็นไร
ผมมีเวลามากพออยู่แล้ว
หากต้องทำให้ทั้งชีวิตเป็นเรื่องของคุณคนเดียว
ผมก็จะทำ

71.

ถ้าหากเวลา
ไม่เคยเปลี่ยนแปลงหน้าที่อันซื่อตรง
ของดวงอาทิตย์และพระจันทร์

และคุณมองออกมา จากบานหน้าต่างดวงตาคู่ที่คุณไม่คุ้นเคย
คุณจะพบกับ เขาและเธอ

คุณอาจถามเขาว่า ความหมายของอุปมาแบบนี้คือสิ่งใด (เขาและเธอ)

แต่เชื่อเถอะ ดวงอาทิตย์จะไม่ยอมตอบ
เช่นเดียวกับดวงจันทร์ (เรื่องของเขาและเธอ)

ถ้าหากเวลา
ไม่เคยเปลี่ยนแปลงหน้าที่อันซื่อตรง
ของผมและคุณ

ด้วยมุมมองนี้ คุณจะไม่หันกลับมาและสบตาเข้ากับผมอีก
ด้วยมุมมองนี้ ระยะที่ห่างมากพอ จะทำให้คุณ
รู้สึกปลอดภัย

ไม่เป็นไรเลย
เพราะความรักยังคงไม่ใช่เรื่องของผลต่างตอบแทน
อย่างที่มันเคยเป็นมาอยู่ดี

ไม่เป็นไรเลย
แม้คุณจะไม่รู้เลยก็ตาม
ถ้าเพียง
ถ้าเพียงเพราะพระจันทร์หลงใหลในแสงของตัวเองมากจนเกินไป
ถ้าเพียง
การหมุนไปรอบๆตัวคุณและโลกของคุณ
จะสามารถเติมเต็มส่วนที่เว้าแหว่งซึ่งเป็นเพียงส่วนเสี้ยวหนึ่งของภาพมายาที่คุณยังไม่เข้าใจมันได้ดีมากพอนักก็ตาม

จนกว่าคุณจะแน่ใจว่า ไม่เคยมีสิ่งใดหายไป
จนกว่าคุณจะเข้าใจว่า การเผาไหม้อย่างช้าๆ ของดวงอาทิตย์ จะค่อยๆทำลายตัวของมันเองไปทีละวัน

72.

กองไฟ

คุณบอกว่าไม่ใช่
แนวคิด
หรือประสบการณ์ที่ล้มเหลว
แต่เป็นการจุดเผา
การโจมตี การปลุกระดม
ระเบิดขวด เลือดที่สาด
และกระสุนที่น่าขยะแขยง
ทำให้คุณเหมือน
ความรู้สึก
และคำที่เชื่อมๆกันไว้
เหมือนประสบการณ์แห่งความผุพัง
เหมือนการรายงาน
ที่ขาดความสมจริง
หรือลัทธิที่คำว่าประชาชนเป็นใหญ่
และภาษาเล่นเกม
ไขสือ
เพื่อส่งไปรอบๆ
กองไฟ
และระบอบประชาธิปไตย
ที่สร้างขึ้นเพื่อ
ประสบการณ์ที่ไร้ความหมาย
และสำนึกต่อต้าน
การโกหก
หรือการสารภาพออกมาอย่างหมดเปลือก
ของคุกที่แข็งและการปกป้องที่อ่อน
ระหว่างรถถังที่ต่อต้านและการหมอบลง
เสื่อและผ้าถุง
คุณบอกไม่ใช่แนวคิด
หรือประสบการณ์ที่ล้มเหลว
แต่เป็นการเผา
การโจมตี การปลุกระดม
ระเบิดขวด เลือด
และกระสุนที่น่าขยะแขยงของทางการ
สะพานซึ่งผูกไว้กับปลายข้างหนึ่งซึ่งไร้ผู้รุกราน
การวิ่งเข้าหาที่ไร้จุดบรรจบ
การบิดผันที่หงิกงอ
เวลาที่เคยเป็นเส้นตรง
หรือทุกๆหนึ่งวันที่คดโค้ง
หรือทุกๆหนึ่งชั่วโมง
หรือทุกๆหนึ่งวินาที
ที่ซึ่งเข็มของมันวนซ้ำ
หมดจด
เหมือนการตั้งเวลาใหม่
ทำให้คุณเหมือนความรู้สึก
และคำที่เชื่อมๆกันไว้
ผ่านประสบการณ์แห่งความผุพัง
เสื่อและผ้าถุง
รถถังที่ต่อต้านและการหมอบลง

73.

มีบางด้านของความสัมพันธ์
ที่คงจะดีกว่า
หากคุณรีบๆหลบออกมา
ตั้งแต่คุณยังเป็นหนุ่มสาว
และยังคงหลงเหลืออารมณ์ขันมากพอ
แต่ก็ถูกอีก หากในบางด้านของความสัมพันธ์
คุณสามารถเริ่มต้นสงครามได้ด้วยระเบิดนิวเคลียร์
แต่เธอกลับยุติมันได้ด้วยมีดปอกผลไม้
ทัศนะแบบด่วนสรุปที่เราเพิ่งผ่านมันไปเมื่ิอสักครู่
ก็ดูเป็นเรื่องที่ดีงามและน่าเบื่อพอๆกัน
ดนตรีคลาสิค กับออสเตรีย บลูนาดูบ กับความสูงส่งของสถาปัตกรรม
ผมบอกว่า คุณคือความสง่างามสูงสุดที่ผมเคยได้เคียงข้าง
เธอตอบ ด้วยมุมมองจากบุคคลที่สาม
ถึงแม้ว่าพวกเขาจะผละจากกันแล้ว แต่เงาของคนทั้งคู่ ก็ยังโน้มเข้าหากัน
ด้วยแรงดึงดูดของความโดดเดี่ยว

74.

ผมว่า คนที่ชื่อสมศักดิ์ทุกคนเหมือนกันนิดหน่อย ตรงที่มีบางอย่างเชื่อมโยงพวกเขาเข้าไว้ด้วยกันได้ ยกเว้นไว้คนนึง คุณอาจถามว่าใคร ผมตอบ สมศักดิ์ เจียมธีรสกุล

75.

ตาลุกาโป ไม่ทำงาน ทั้งยังไม่แน่อีกด้วยว่า เขาเคยทำงานหรือไม่ หน้าที่ของตาลุกาโป คือการเป็น ‘ผัว’ ที่ ค่อนข้างจะ ‘เกียจคร้าน’ และค่อนข้างจะ ‘ไม่เอาไหน’ ของ ‘นาง’ เท่านั้นเอง วันนึง ตาลุกาโปขมีขมันลุกขึ้นปลูกถั่ว นั่นก็เพียงเพราะว่าเขาอยากได้ถั่ว วันนึง ตาลุกาโปขมีขมันวางข่าย นั่นก็เพียงเพราะว่าเขาต้องการปลา และถ้าเขาจะดักไก่ป่า นั่นก็เพียงเพราะว่าเขาไม่มีเนื้อกิน

ตาลุกาโป เชื่อมโยงความรู้ของเขาเข้ากับชีวิต แต่ไม่มีสักที่สักแห่งที่ เราจะได้ยินเขา เรียกมันว่า ความรู้
ความไม่รู้ของตาลุกาโปต่างหาก ที่มีชื่อเรียก
ความเกียจคร้านระดับตัวเป็นขนของเขาต่างหาก ที่มีฉายา

76.

ตาลุกาโปมิใช่ภาพตัวแทนของชนชั้นล่าง (และยิ่ง)ไม่ใช่ภาพตัวแทนของคนชั้นกลาง(ในความหมายที่สมบูรณ์แบบ) ตาลุกาโปเป็นกวี กวีที่มีจริตแบบคนชั้นกลางผู้มีรสนิยมอันวิไล (ซึ่งแม้แต่ความเกียจคร้านของเขายังถูกพลิกแพลงโดยผู้เขียน ให้กลายเป็นความโรแมนติกอย่างน่าเกลียดน่าชัง)

ตาลุกาโปผู้เป็นกวีเสียยิ่งกว่ากวี
ตาลุกาโปผู้เป็นชนชั้นกลางเสียยิ่งกว่าชนชั้นกลาง
ตาลุกาโปผู้เป็นชาวบ้านเสียยิ่งกว่าชาวบ้าน
ชาวบ้านผู้ถูกครอบงำโดยไลฟ์สไตล์ของคนชั้นกลางในเมือง - และไม่สามารถย้อนกลับไปเป็นชาวบ้านตามความหมายเดิมได้อีก

77.

ระหว่างทาง ผมถามคุณว่า มีใครที่เคยเป็นแรงบันดาลใจของคุณบ้าง คุณตอบว่า ทุกคนที่ประสบความล้มเหลวในชีวิต และทุกคนที่ประสบความล้มเหลวในเชิงหลักการ

แหงล่ะ ตอบแบบนี้ ใครจะไม่รักคุณ

ขอบคุณ เธอพูด ผมรู้ดีเกินกว่าที่จะขัด มีอะไรบางอย่างที่โอบล้อมคำว่าขอบคุณของเธอเอาไว้

หนามแหลมของดอกไม้

หลังจากขับรถเที่ยวกับคุณแล้ว ไม่ว่าอะไรที่อยู่ห่างออกไปอีก 200 เมตรข้างหน้า จะเป็นความตายหรือชีวิต ฉันไม่หวั่นอะไรอีก ไม่มีอะไรที่ฉันจะต้องกลัวอีกต่อไปแล้ว

เจอกัน
ผมอยากรู้ว่าคุณทำอะไร ตอนที่ผมไม่อยู่ โทรหาผมบ้าง
ตัวละครบางตัวโผล่มาและหายไป ซึ่งหากเป็นเฮมมิ่งเวย์แล้ว เขาจะไม่ทำ ยกเว้น
ยกเว้นอะไร
ผมสำลักและตอบเกือบจะพร้อมๆกันกับคุณ ไอ้พวกกวีชั้นต่ำ

78.

ผมถามถึง มือกลองที่พยายามใช้ภาษาแบบมือกลองของเขาตามจีบเธออยู่ตั้งสามสี่ปี ตั้งแต่ริมถนนแถวท่าพระจันทร์ถึงตึกคณะบัญชี
วันหนึ่ง หลังจากเขาได้เบอร์เธอมาโดยเหตุอันชอบกลบางอย่าง เขาก็ชักชวนเธออย่างที่เกือบจะเรียกว่า ตรงไปตรงมา เขาพูดขึ้นอย่างกระตือรือล้นว่า เพิ่งได้แผ่นใหม่ของ oasis มา มันเป็นแผ่นแบบเวิล์ดทัวร์ แและรวมถึงงานแบบ Britpop อีกสองสามแผ่น จะพอเป็นไปได้มั้ยที่…
ซึ่งเธอก็จำไม่ได้แล้วว่า มีลูกเล่นหรือกลเม็ดเล็กๆน้อยๆทางดนตรีใดบ้าง ที่น่าประทับใจ หรอพึงพิศวง นอกจาก ‘ภาษากลอง’ ของเขาที่ดูไม่น่าประทับใจนัก

มาถึงตรงนี้ เธอแสร้งถามเขาว่า คุณขับเกียร์ธรรมดาเป็นมั้ย หลังรับเธอขึ้นรถมาแล้ว โฟล์คสวาเกน คาร์มานน์ เกีย 1963 สีฟ้าอความาลีน
ก็ตอบข้อสงสัยนานาประการของหล่อนจนเกลี้ยง เจ้าหนุ่มมือกลอง ผู้ซึ่ง ว่ากันตามตรง ซื่อสัตย์ต่อความรู้สึกมากกว่าความสัมพันธ์ ตอบว่า เมื่อไปถึงห้องพักของเขาแล้วคุณและผมจะไม่กลับออกมาอีกหลังจากพวกเราอายุ 28 ปี

80.

ระหว่างทาง ผมถามคุณว่า มีใครที่เคยเป็นแรงบันดาลใจของคุณบ้าง คุณตอบว่า ทุกคนที่ประสบความล้มเหลวในชีวิต และทุกคนที่ประสบความล้มเหลวในเชิงหลักการ
แหงล่ะ ตอบแบบนี้ ใครจะไม่รักคุณ

ขอบคุณ เธอพูด ผมรู้ดีเกินกว่าที่จะขัด มีอะไรบางอย่างที่โอบล้อมคำว่าขอบคุณของเธอเอาไว้

หนามแหลมของดอกไม้

หลังจากขับรถเที่ยวกับคุณแล้ว ไม่ว่าอะไรที่อยู่ห่างออกไปอีก 200 เมตรข้างหน้า จะเป็นความตายหรือชีวิต ฉันไม่หวั่นอะไรอีก ไม่มีอะไรที่ฉันจะต้องกลัวอีกต่อไปแล้ว

เจอกัน
ผมอยากรู้ว่าคุณทำอะไร ตอนที่ผมไม่อยู่ โทรหาผมบ้าง
ตัวละครบางตัวโผล่มาและหายไป ซึ่งหากเป็นเฮมมิ่งเวย์แล้ว เขาจะไม่ทำ ยกเว้น
ยกเว้นอะไร
ผมสำลักและตอบเกือบจะพร้อมๆกันกับคุณ ไอ้พวกกวีชั้นต่ำ

81.

ความเปลี่ยนแปลงบนโลกนี้

ส่วนใหญ่แล้ว
มักไม่มีหนทางย้อนกลับ

แม้ว่าจะพยายามมากน้อยแค่ไหนก็ตาม

84.

เป็นไปได้อย่างไรที่คุณไม่รู้ว่ารอยยิ้มของคุณสำคัญ
เป็นไปได้อย่างไรที่คุณไม่เคยตระหนักว่าตัวคุณเองก็สำคัญ

87.

แน่นอนที่ว่า
รายละเอียดเล็กๆน้อยๆเหล่านั้น
ย่อมเปลี่ยนแปลงไปตามมุมที่คุณมองเห็นมัน
ที่พวกเขาว่ากันว่า
รอยยิ้มนั้นดีต่อสุขภาพ
รอยยิ้มของคุณก็ดีสำหรับฉันด้วยเช่นกัน

88.

ใครกันจะไม่สามารถคาดเดารอยยิ้มแบบนั้นได้บ้างล่ะ
การมองตาแว่บเดียวแบบที่รู้กันเช่นนี้
ไม่ใช่กับใครทุกคน(ก็ได้)

90.

เมื่อมีสิ่งใดไม่สอดคล้องกับทัศนคติของเธอ
เธอก็มองว่ามันฉาบฉวย
ทั้งที่ตรรกะซึ่งใช้ในการตัดสินถูกผิดดีชั่วของเธอเองก็มีปัญหา
อันที่จริง ลึกๆแล้ว แม้จะอย่างไม่เปิดเผย
ความเป็นคนที่เย่อหยิ่งถือดีที่มีอยู่ในตัวของเธอนั้น
ก็ประสมประเสอยู่กับธาตุแท้ในด้านอื่นๆที่เธอมีและอาจไม่ต้องการ

91.

ทำไมการพูดถึงคุณจึงเป็นเรื่องน่าละอายนัก
อนาคตที่ปราศจากแรงผลักดันจากเธอในวันนี้จะไปมีความหมายอันใด

คำพูดที่เคยพูดว่า จะต้องรู้ให้ได้ จะต้องรู้ให้แน่ว่า
ชีวิตที่เหลือจะมีความหมายต่อเธออย่างไรกันแน่
สุดท้าย
ก็เป็นเพียงกลุ่มคำจอมปลอมชนิดหนึ่งในความเปล่าเปลือง

อนาคตที่ปราศจากแรงผลักดันจากเธอในวันนี้จะไปมีความหมายอันใด
อะไรคือคือการเยียวยาที่ทำให้คุณโกรธเกลียดตัวเอง

92.

นั่นอย่างไร ดวงตาเฉยเมยที่ไร้แวว
ความผิดหวังที่ทำให้คุณมิอาจแยกแยะผิดถูกดีชั่วได้เด็ดขาดจากกัน
นั่นอย่างไร เธอเองที่บอกกับคุณว่า
และถ้าหาก ไม่มีใครสักคนที่สนับสนุนคุณเลย นั่นก็แปลความหมายได้ว่า ไม่มีฉันอยู่อีกต่อไป

93.

สาเหตุใด 
จึงติดค้างอยู่ในความทรงจำที่เหนียวหนืดเช่นนี้ 
จักรวาลแห่งนี้ทำไมจึงมืดมนเหลือเกิน

94.

ชาแนลอาลัว เบอร์ 38
 บ่อยครั้งไป ฉันเผลอเรียกคนอื่นเป็นชื่อเธอ

95.

ทำเรื่องบ้าๆด้วยกัน รักกัน ทรยศซึ่งกันและกัน 
ทำเรื่องบ้าๆด้วยกัน รักกัน และกลายเป็นคนไม่รู้จักกัน
และอย่างสิ้นเชิง 
เย็นชา ไม่หยี่ระ จองหอง เย่อหยิ่ง หรือกระทั่งถือตัว

96.

จำไม่ได้แล้วว่า ชีวิตที่ตื่นขึ้นด้วยความฝันอันไม่มีวันสิ้นสุดคือแบบไหนกัน

97.

นึกถึงช่วงเวลาที่เราตกหลุมรักในบทสนทนาที่คลุมเครือของกันและกัน

99.

ไม่มีใครเคยเข้าใกล้คุณได้มากกว่านี้เลย เธอว่า
คนที่ลึกๆแล้ว โดดเดี่ยวที่สุด เปลี่ยวเหงาที่สุด
กลับเป็นคนที่มีอัธยาศัยใจคอดีอย่างร้ายกาจ จนเธอเกือบจะไม่สามารถเข้าใจ

ฉันว่า เพราะลึกๆแล้ว ฉันรู้ดีว่า ฉันเป็นคนที่น่ารังเกียจ
และไม่สามารถจะรักได้ด้วยเหตุผลที่หนักแน่นข้อใดอย่างสิ้นเชิง
และว่า เมื่อทำให้การทรยศ
ดูสูงส่งขึ้นด้วยคำว่า ‘ ความรัก ‘
ก็ยัง
ไม่เปลี่ยนแปลงข้อเท็จจริงใดๆที่ฉันมีต่อเธอ

100

เส้นผมที่มีกลิ่นของบ้านซึ่งคนเร่ร่อนอย่างฉันไม่มีวันเข้าใจ

102.

เปล่าเลย คุณกำลังตื่นขึ้นในอีกวันถัดมาของฝันร้ายที่จะดำเนินต่อไปอย่างไร้จุดสิ้นสุด

103.

ถ้าฉันปล่อยให้น้ำตาไหลออกมา เกรงว่าหัวใจของฉันจะแตกสลายจริงๆ

104.

เธอสอนให้ฉันรู้จักรักคนอื่น ทำไมไม่สอนให้ฉันรู้จักรักเธอ

105.

เปล่า น้ำเสียงที่มีนัยของความก้าวร้าว
ไม่ การปฏิเสธที่ยังไม่แน่ว่า
จะมีความหมายอย่างที่เธอต้องการสื่อสารออกไปจริงๆไม่
ยังมีอะไรอีก
ยังมีอะไรอีกบ้าง
บางทีคนเราก็ชอบเล่นละครเป็นเด็กไร้เดียงสาไม่เข้าใจความหมายของการอยู่ด้วยกันโดยลำพัง

106.

และไม่ว่าจะรู้ตัวหรือไม่ สิ่งที่เยียวยาความรู้สึกของเธอในความหมายที่แท้จริงกลับมิใช่ความรัก
หากแต่เป็นแผนการของจิตใต้สำนึกระดับพื้นฐานที่เธอไม่เข้าใจ

107.

คุณเป็นฮาร์ดแวร์ในแบบแนวนอน
บรรจุ 2 ปุ่มกดไว
แต่ใช้ลิ้นจะดีกว่ามาก

108.

เพราะ ไม่คิด ฉันจึงหายไป และเพราะหมกมุ่นกับการคิดว่า เขาจะหายไป
ฉันจึงลืมคุณ
ที่ยังจดจำฉันได้ดี
คุณคิดว่า คุณจำเป็นต้องเรียนรู้เกี่ยวกับ ‘ที่มา’ ของความคิด
และเหตุผลที่ว่าทำไม ‘ฉัน’ จึงมีอยู่
คุณคิดว่าคุณกำลังอ่าน
แต่ที่จริงแล้ว ภาษาอ่านคุณ
คุณคิดว่าคุณกำลังเขียน
แต่ที่จริงแล้ว ภาษาเขียนคุณ

คุณคิดว่า คุณจำเป็นต้องเรียนรู้เกี่ยวกับ ‘ที่มา’ ของความคิด และเหตุผลที่ว่าทำไม ‘ฉัน’ จึงมีอยู่
คุณคิดว่า คุณเป็นคุณ แต่ที่จริงแล้วคุณคือความคิด และความคิดไม่ได้คิดว่ามันเป็นคุณ หรือคิดว่ามันเป็นอะไร มันเป็นเพียงสิ่งที่มันเป็น

109.

ระหว่างทาง ผมถามคุณว่า มีใครที่เคยเป็นแรงบันดาลใจของคุณบ้าง คุณตอบว่า ทุกคนที่ประสบความล้มเหลวในชีวิต และทุกคนที่ประสบความล้มเหลวในเชิงหลักการ

แหงล่ะ ตอบแบบนี้ ใครจะไม่รักคุณ

110.


You'll only receive email when they publish something new.

More from Nipon Intarit
All posts