ใบหน้าด้านข้างของคุณที่เงียบขรึม(1)

คำอุทิศ...แด่เชือกเส้นหนึ่ง ซึ่งในเวลาต่อมา ล้มเหลวที่จะกลายเป็นความสัมพันธ์

.

คุณเองมิใช่หรือที่เคยกล่าวว่า “ เมื่อกระหาย จงดื่มมันขณะที่กำลังร้อน “
และฉันเองที่จ้องตาเขม็งและย้อนถามกลับไปว่า “ เธอกำลังหมายถึง “
คุณตอบ “ ชีวิต “

.

ไม่มีใครเคยบอกคุณเลยหรือว่า ความรักความแค้นคือส่วนขยายของนวนิยายเล่มหนึ่ง ที่คุณเคยเข้าใจผิดคิดว่า มันได้จบลงไปแล้วอย่างสมบูรณ์แบบ ตลอดกาล และ ตลอดไป

.

ในครึ่งแรกของความทรงจำ ล้วนแล้วแต่เป็น เรื่องราวที่ต่อเนื่องเรียบง่าย
ไร้บาดแผล และความเห็นแก่ตัว

.

เธอจะเป็นผู้ค้นพบคำตอบเมื่อย้อนกลับไปอ่านวรรคตอนที่เธออาจข้ามผ่านมาโดยไม่ตั้งใจ

.

พิพิธภัณฑ์ความทรงจำ
ฟอสซิลของคุณเป็นเพียงผลลัพธ์จากการจ้องมอง
ไม่มีภาคปฏิบัติการ

.

มันคือประโยคที่ต่อเนื่องมาจากหนังสือเล่มที่แล้ว
ประโยคที่ยังเขียนไม่จบ
และยังไม่ถูกเขียน
ไวยากรณ์
และวิศวกรรมของข้อตกลง
การอ่านที่ทำให้คุณรู้สึกโง่ มีหนามขึ้นอยู่รอบๆหัว
พลิกตัวกลับไปกลับมา ทบทวนเรื่องราวมากมายของพวกเราตลอดช่วงฤดูร้อน
แววตาที่ทั้งเปราะบางและเย้ยหยันไยไพเหล่านั้น คืออะไรกันแน่
ไม่มีเหตุผลที่จะรัก แต่ผมกลับกอดคุณไว้อย่างละเอียดอ่อน
ลูกสน
พบตัวเองใต้ต้นสน
ผมพบตัวเอง
ข้างๆคุณ
คุณที่เปียกชื้นบนแผ่นแก้มนั้นละเอียดอ่อน
ความเงียบอำมหิตแบบเดียวกับที่มันหยาบคาย
มันคือประโยคที่ต่อเนื่องมาจากหนังสือเล่มที่แล้ว
ประโยคที่ยังเขียนไม่จบ
และยังไม่ถูกเขียน
ก่อนที่จะล้นออกมา
เสียงตะโกน
ซึ่งสะสมพลังอยู่ข้างใน
หน้าอกเล็กๆของคุณ

.

น้ำเสียงแบบที่แสดงถึงความเคารพและภาคภูมิใจในตัวเองอย่างยิ่งนั้น
ดูช่างเจรจา
เมื่อเราอยู่ใกล้กัน
อะไรคือความสูงส่ง
ห่างเหิน
หลุดลอยจากความธรรมดาสามัญดาษดื่นเท่าที่โลกใบเล็กๆ ใบนี้เคยมี
ถ้าไม่ใช่คุณ
ก่อนที่เราจะรู้จักกัน
ลักษณะเบ็ดเสร็จเด็ดขาดแบบที่คุณเคยมี
ความเงียบแบบที่ไม่มีใครสามารถอธิบายได้ของคุณ
เกียรติยศในรูปแบบเล็กๆ น้อยๆ ซึ่งคุณเลือกที่จะหยิบยื่นมันให้กับตัวเองในบางครั้งบางครา
คุณคือเรื่องราวแบบที่มีน้ำเสียงภาคภูมิใจในตัวเอง
อะไรคือความสูงส่ง
ห่างเหิน
หลุดลอยจากความธรรมดาสามัญดาษดื่นเท่าที่โลกใบเล็กๆ ใบนี้เคยมี
ถ้าไม่ใช่คุณ
ก่อนที่เราจะรู้จักกัน

.

ผมรู้สึกว่า
ผมอาจจะชอบคุณ
และนั่น อาจเป็นเหตุผลที่
ทำให้
ผมไม่ชอบตัวเอง

.

ผมชอบคุณ ประโยคที่พลุ่งพล่านและการเขียนขึ้นในคราวเดียวโดยไม่ย้อนกลับไปแก้ไขมันอีก
ถูกแล้ว เหมือนกับวิธีที่ผมมองโลก เหมือนกับแววตาของคนที่ต้องเผชิญหน้ากับความเปลี่ยนแปลงแบบฉับพลันทันใด
มุมมองของผมที่มีต่ออนาคตซึ่งวูบไหวไปมาในแววตาของคุณนั้น ก็ยังมั่นคงไม่เปลี่ยนแปลง
ถูกแล้ว ไม่มีอะไรจะเปลี่ยนแปลงข้อเท็จจริงเหล่านี้ได้
ไม่สำคัญหรอกว่า ผมจะต้องล้มลงอีกกี่ครั้ง บาดแผลเหล่านั้น จะไม่หยุดผมไว้กับความไม่แน่ใจ
ประโยคที่พลุ่งพล่านและการเขียนขึ้นในคราวเดียวโดยไม่ย้อนกลับไปแก้ไขมันอีก ผมชอบคุณ

.

ผมคิดว่า
ผมสมควรตาย
การจูบที่ต่อเนื่อง
จำเป็นต้องหายใจด้วยเหงือก

.

เธอขอให้ฉันทำในสิ่งที่น่าละอาย ขอให้ละเว้นจากความรู้สึกถูกผิดดีชั่ว
ไม่อยากให้ฉันรู้สึกจริงๆหรือว่า คุณมีอยู่จริง
ไม่อยากให้ฉันรู้สึกจริงๆหรือว่า คุณไม่ใช่นามธรรม
เรี่ยวแรงซึ่งกำลังผลักดันคุณอยู่นี้ คือสิ่งที่เรียกว่า "ความดื้อดึง

.

และไม่ว่าจะรู้ตัวหรือไม่ก็ตาม
เธอได้ทำให้
ทุกครั้งที่แหงนหน้าขึ้นมอง
ต้องยอมบ้าคลั่ง เพื่อให้เข้าถึงตัวตนที่ 2 ของเธอ
ต้องยอมลุกไหม้ เพื่อให้รู้ว่า
คำบอกลา แท้แล้ว
ทำร้ายฉันได้อย่างลึกซึ้งและถาวรมากกว่าใคร
เธอคงไม่รู้ว่า
จักรวาลได้ทำให้ปัญหาทั้งหมดของเธอ
เล็กลง
และเกือบจะไร้ความหมายใดๆอย่างสิ้นเชิง
และอย่างสิ้นเชิง
ดวงดาวที่สมบูรณ์แบบ
คือแสงแห่งความตายที่ดับลงแล้วในที่อันห่างไกล

.

นั่นคือสิ่งที่ฉันถนัดจริงๆ
บทบาทของคนโง่ที่ทำให้เธออ่อนแอลงทีละน้อย

.

ไม่อาจหยุดยั้งที่ปลดปล่อยตัวเองไปกับความบ้าคลั่ง
เมื่อมีเธอแล้ว
ความรู้สึกกลับไม่ต้องการอะไรอีก

.

ผมมาที่นี่
เพราะเรื่องๆเดียว
ตะโกนผ่านปากของคุณ

การกัดแทะที่สมบูรณ์แบบ

.

เป็นที่ชัดเจนว่าเธอติดใจในรสชาติของฉัน ถึงแม้ว่าฉันจะยังไม่ได้ร่วมรักกับเธอ

.

กำลังแตกออกเป็นเสี่ยงๆ ไม่ถูกหรอกหรือ ที่ร้องขอให้คุณจูบ
แต่มิได้ร้องขอให้คุณรัก
ยิ่งวิงวอนเท่าไร
ก็ยิ่งเปียกชื้น
จะลืมตาก็เจ็บ
จะหลับตาก็กลัว

.

เห็นได้ชัดว่า
มันหลงใหลในตัวคุณ
และแสดงออกด้วยแง่มุมหนึ่ง
ซึ่งคุณอาจไม่เข้าใจ
ผิวขาว
และนิ้วบอบบาง
ระเบียบวิธี
ซึ่งคุณกำลังจัดการกับ
มวยผมซึ่งหนาและหนักของคุณ

.

เสียงคุณเหมือนนางในวรรณคดี
ขนตาปลอมดูเข้ากันดีกับตลับแป้ง
ลูกสนแห้งคงเพราะแดดหนาว
แตกกวางสีหวานแต่มีรสเปรี้ยว
คุณชอบดูดวงอาทิตย์
ดวงอาทิตย์ก็ชอบดูคุณ

.

เห็นได้ชัดว่าเธอหลงใหลในตัวเอง

และความรักที่เธอตกเป็นฝ่ายตั้งรับเป็นอย่างเดียว
ได้สร้างความพึงพอใจในคุณค่าบางอย่างที่เธอไม่อาจสร้างมันขึ้นมาด้วยตัวเองโดยลำพัง

เห็นได้ชัดว่าเธอโหยหาความพึงพอใจ
ยินดีสำหรับทุกอย่างที่จะกลายเป็นบทพิสูจน์ว่าเธอนั้นสำคัญมากเพียงพอ

.

คุณถามผมว่าทำอะไรได้บ้าง
ผมบอก
จูบปากที่ตะโกนของคุณ

.

การร่วมรักเป็นส่วนขยายของการจูบ นี่เธอไม่รู้จริงๆน่ะหรือ

.

*การปลดกระดุมอีกเม็ดไม่ใช่เรื่องยาก
แต่กับการที่ฉันคงค้างการกระทำเหล่านั้นไว้ครึ่งหนึ่ง
กลับเป็นเรื่องราวที่สร้างความวุ่นวายหนักใจให้กับเธอ
มากกว่าที่เธอจะคาดไปถึงเสียอีก

.

เชื่อเถอะว่า จะต้องเป็นคุณ
รู้สึกเจ็บ แต่ไม่ได้เจ็บจากการล่วงล้ำเข้ามาของคุณเลยแม้แต่นิดเดียว
เชื่อเถอะ
หลังการแก้แค้นและต่อต้านโลกทั้งใบ
คุณก็ยังโดดเดี่ยวเหมือนเดิมอยู่ดี
ไม่มีสิ่งใดเปลี่ยนไป
ไม่มีสิ่งใดไถ่ถอนตัวคุณ
บรรดาสิ่งที่ติดค้างเหล่านั้น
คงมีอย่างเดียวที่ฉันอยากได้กลับคืน

.

แน่นอน
 แม้จะพูดไม่ได้ว่า
ส่วนที่ก้ำกึ่งก้ำกลางระหว่างความรู้สึกที่ว้าวุ่นใจเหล่านั้นคืออะไรกันแน่

แต่ฉันก็อยากเข้าใจ

.

เป็นไปได้ว่า ภาพลวงตาเหล่านั้น มีลักษณะที่สมจริง ส่วนเธอเองถูกทำให้เชื่อในราคาที่ต้องจ่ายออกไป
เป็นไปได้อีกด้วยว่า ตัวตนในอีกรูปแบบหนึ่ง ซึ่งกำลังสวมทับเธออยู่นั้น ไม่สามารถทำให้เธอรู้สึกแปลกปลอม
ระหว่างเงาร่างที่แท้จริงของเธอ กับภาพวาดอันสูงส่งของผู้ที่เทิดทูนรักไว้เหนือสิ่งอื่นใด

.

ผมแค่อยากได้ยินเสียงตอบที่ดังมาจากสัญชาตญาณของคุณ
ไม่ใช่เหตุผลที่ทบทวนไตร่ตรอง
ซ้ำแล้วซ้ำเล่า
ภายใต้วันเวลา
ที่มีดวงอาทิตย์ก็ย่อมมีพระจันทร์

คุณทำลายผมไม่ได้หรอก
นอกเสียจาก คุณปรารถนาที่จะทำร้ายหัวใจตัวเอง
เสียงที่คุณถามว่า ฉันไปเอาความมั่นใจแบบนั้นมาจากไหน ยังดังก้องอยู่ข้างในหัวใจที่เปราะบาง
แม้ว่าไม่มีคุณ
แต่ก็ยังมี ดวงอาทิตย์และพระจันทร์ดวงเดิม

ผมแค่อยากได้ยินเสียงตอบที่ดังมาจากสัญชาตญาณของคุณ
ที่ๆมีดวงอาทิตย์และพระจันทร์
ที่ๆมีความมืดมิดและสว่างไสว
อบอุ่นและเหน็บหนาว
ช่วงเวลาที่ความคิดซึ่งเพ้อฝันเกี่ยวกับตัวคุณ
คือความพยายามที่สูญเปล่าของการอธิบายที่ไร้ค่าครั้งหนึ่ง
ทำความเข้าใจผ่านการลูบไล้เปะปะไปบนเนื้อหนัง
ที่คุณยังไม่เข้าใจมันดีมากพอเลยด้วยซ้ำไป

ผมแค่อยากได้ยินเสียงตอบที่ดังมาจากสัญชาตญาณของคุณ
ที่ๆมีดวงอาทิตย์และพระจันทร์
ที่ๆมีความมืดมิดและสว่างไสว
อบอุ่นและเหน็บหนาว
ช่วงเวลาที่ความคิดซึ่งเพ้อฝันเกี่ยวกับตัวคุณ
คือความพยายามที่สูญเปล่าของการอธิบายที่ไร้ค่าครั้งหนึ่ง

ตีพิมพ์ครั้งแรก : Kitchengun Library 14 กรกฎาคม 2020

.

ทั้งที่รู้ว่าความอ่อนโยนเป็นแค่เพทุบายของฉัน
เธอก็ยังติดกับฉันจนได้*

.


ที่เธอพูดออกมา คงเป็นเพราะความสับสน 
การแตกตัวที่กระจัดกระจาย
 การเรียงตัวของสิ่งซึ่งพยายามย้อนกลับเข้าสู่สภาวะหนึ่ง แต่มิอาจย้อนกลับเข้าสู่สภาวะใดๆ
 ประตูกำลังปิดลง 
กำแพงที่เธอตัดสินใจข้ามมา
 ใบหน้าซึ่งคุณไม่รู้จักมันแม้แต่นิดเดียว

.

เธอบอกว่า
การระเบิดออกที่สุดจะต้านทาน 
ได้ทำให้
คุณเป็นอิสระจากความเปลี่ยวเหงาชนิดหนึ่ง 
ก่อนที่จะกลายเป็นความเปลี่ยวเหงาอีกชนิดหนึ่ง
ซึ่งทั้งหมดนั้น 
จะว่าไปแล้ว
ก็วกวนซ้ำไปซ้ำมา

.

อีกครั้งหนึ่งแล้ว อีกครั้งหนึ่งแล้ว
ตื่นขึ้นในเมืองที่ไม่มีใครรู้จัก
หลับตาลงบนเตียงที่ไม่คุ้นเคย
ความสัมพันธ์ไร้ชื่อเรียกและความปรารถนาที่ไร้เธอ
จะมีความหมายอะไร
อีกครั้งหนึ่งแล้ว อีกครั้งหนึ่งแล้ว
กอดคนแปลกหน้าผ่านความเดียวดายชนิดหนึ่ง
ทอดทิ้งกันด้วยความเดียวดายอีกชนิดหนึ่ง
ปลอมแปลงตัวเองเข้าหากันและกัน
เป็นตัวปลอมของตัวจริง ทั้งที่ยังไม่รู้จักตัวตนของตัวเอง
ความอ้างว้างชนิดไหนกันที่ทำร้ายคนได้อย่างลึกซึ้งถึงเพียงนี้
ปลอมตัวเข้าหากันและกัน
เป็นตัวปลอมของตัวจริง
ทั้งที่ยังไม่รู้จักตัวตนของตัวเอง
ความอ้างว้างชนิดไหนกันที่ทำร้ายคนได้อย่างลึกซึ้งถึงเพียงนี้
อีกครั้งหนึ่งแล้ว อีกครั้งหนึ่งแล้ว
หลับตาลงบนเตียงของคนที่คุ้นเคย
ตื่นขึ้นในเมืองที่เติบโตขึ้นมาพร้อมๆกับภายในของคุณ
ความสัมพันธ์ที่ไร้ทางออกและความปรารถนาที่จะถือสิทธิในตัวเธอ
จะมีความหมายอะไร
อีกครั้งหนึ่งแล้ว อีกครั้งหนึ่งแล้ว
ความรู้สึกที่ถูกปกป้องแม้ว่าจะผิดถูกอย่างไร มันเป็นเช่นนี้นี่เอง
ความรู้สึกที่เธอต่อต้านโลกทั้งใบเพื่อตัวฉันเอง มันเป็นเช่นนี้

.

รสชาติเฉพาะของบุหรี่ที่เธอสูบ
ยังติดอยู่ริมฝีปาก

หวังว่าสักวันหนึ่ง จะลืมเลือนมันไป

ลายมือที่ดูเหมือนไม่ตั้งใจนั้น
ถูกทับไว้ด้วย ใบสนเล็กๆที่ใครสักคน
ตั้งใจเก็บมันมา

ลายมือขยุกขยิกที่เธอเขียนอุทิศมันให้กับคนบ้าๆบอๆสองคน

ความพยายามที่จะอ่านหนังสือให้จบ
ยากเย็นเท่าๆกับที่จะไม่อ่านมันอีกเลย

.

จูบที่มีรสชาติเศร้าสร้อยเช่นนี้ มีใครเคยสัมผัสมันมาก่อนบ้างหรือไม่

.

คุณหยุดยืนอยู่ท่ามกลางความเหน็บหนาว ทว่ากลับหลงลืมฤดูกาล

อยากเอ่ยคำลา
แต่คล้ายไม่เข้าใจ

บางที เส้นด้ายแห่งความผูกพันที่ผูกมัดพวกเราเข้าไว้ด้วยกันนั้น
อาจจะเหนียวแน่นเกินไป
ไม่ก็เปราะบางเกินไป
การตัดสินใจในความมืดมนนั้น
ยังไม่ทันได้เอ่ยปากขอบคุณ
บางสิ่งก็พลันแปรเปลี่ยนไม่อาจหวนย้อนกลับคืน

.

บางที เรื่องราวบางขณะ
หากหยุดไว้ในช่วงตอนที่ดีที่สุด
ชีวิตคนเราคงไม่มีเรื่องผิดหวังใดๆ

.

หยิบเศษเสี้ยวที่แตกกระจายและแหลมคมเหล่านั้นขึ้นมา
ครั้งหนึ่งมันเคยเป็นคุณ
จะตกหลุมรักอีกครั้งต้องทำอย่างไร
จะตกหลุมรักคุณอีกครั้งต้องทำอย่างไร
ผมอึดอัด ผมหายใจไม่ออก
ความรู้สึกอ่อนล้าที่คุณไม่ได้เชื้อเชิญ ช่างละม้ายคล้ายคลึงกับความอ่อนแอของผมไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง จนถึงวันนี้ ใบหน้าด้านข้างที่เงียบขรึมของคุณ ไม่ใช่มุมมองของผมคนเดียวอีกต่อไปแล้ว
คุณก็รู้ว่ามันไม่ง่าย แต่ผมก็ยังพยายามอยู่ พยายามที่จะอยู่ต่อไปโดยไม่มีคุณ ผมอึดอัด ผมหายใจไม่ออก
ความรู้สึกอ่อนล้าที่คุณไม่ได้เชื้อเชิญ ช่างละม้ายคล้ายคลึงกับความอ่อนแอของผมไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง

.

ตอนที่เริ่มต้นรู้จักคุณอย่างจริงจังก็ยังไม่เข้าใจความรัก
ส่วนตอนที่สูญเสียเธอไปก็ยังไม่เข้าใจเหตุผลของโชคชะตา

เมื่อไร
เรื่องๆหนึ่งซึ่งหนักหนาที่สุด
จะกลายกลับเป็นเรื่องขี้ปะติ๋วอย่างที่เธอว่าไว้เสียที

.

ได้โปรดอย่าลืมว่า คุณคือส่วนหนึ่งของการติดต่อในทางลับๆจากโลกแห่งแสงสว่างที่มืดมิดและศรัทธาที่มีต่อพระองค์คือเสี้ยวแสงเดียวซึ่งริบหรี่รำไรและใกล้จะมอดดับลงทุกที

โคมไฟจากย่านขวักไขว่ใจกลางเมือง
ยามเช้าที่แม้แต่ดวงตาที่มืดบอดที่สุดยังสามารถมองเห็นมัน

.

แน่นอน เธอพูด ไม่ใช่ความโกรธแบบที่เกิดขึ้นในทันที
แต่เหมือนจูบที่ทำให้มึนเมา
กว่าจะเข้าใจ
ก็ผ่านไปหลายปีจนเกือบที่จะลืม

หากส่วนหนึ่งของการละเมิด
ที่ทำให้คนเราไม่สามารถเคารพตัวเอง
คือส่วนหนึ่งของเหตุผลหนักแน่นซึ่งเธอใช้บอกกับตัวเอง
ฉันขอ
ไม่ยกโทษให้เธอ
เหมือนที่เคยพลาดผิดไป

แน่นอน เธอพูด ไม่ใช่ความโกรธแบบที่เกิดขึ้นในทันที
แต่เหมือนจูบที่ทำให้มึนเมา
กว่าจะเข้าใจ
ก็ผ่านไปหลายปีจนเกือบที่จะลืม

.

มันต้องมีสักจุดหนึ่งที่รสจูบได้สูญเสียรสชาติเดิมของมันไป
และหัวใจที่เคยเต้นแรงจนผิดปกติ แต่ทว่า ในตอนนี้ มันเริ่มกลับมาเป็นปกติแล้ว
ชาในถ้วยที่เริ่มเย็นชืดลงไปแล้วนั้น เกิดขึ้นในชั่วยามที่ระหว่างเรา ใครสักคน ลืมสบตากับตัวเอง
เมื่อไรกัน ที่หมากฝรั่ง ซึ่งให้รสชาติในรูปแบบที่คุณไม่สามารถหามันได้จากที่อื่นใดอีก ได้สูญเสียรสชาติเดิมของมันไป
อาจเป็นโมงยามที่ระหว่างเรา ใครสักคน เลือกที่จะรักษาความสัมพันธ์ไว้ แม้ว่ามันจะไม่ถูกต้องอีกต่อไปแล้วก็ตาม
ใครสักคน ระหว่างเรา สักคน ระหว่างทาง ระหว่างเรา
แม้ว่ามันจะไม่ถูกต้องอีกต่อไปแล้วก็ตาม

.

เธอบอกว่า เธอใช้เวลาอยู่นานทีเดียวกว่าที่จะเข้าใจว่าขาทั้งสองข้างของเธอมิได้มีเพียงหน้าที่เดียว อย่างที่มันควรจะเป็น

.

และเพื่อบดขยี้ความภาคภูมิใจที่ยโสโอหังของเธอ
และเพื่อเห็นใบหน้าอันเฉียบขาดคมคายซึ่งตัดสินใจทำในเรื่องที่
วิปลาสและไร้ยางอาย
เธอว่า เธอยังมองเห็นเด็กผู้ชายคนหนึ่ง
ซึ่งยังไม่โตเต็มที่นัก
ยืนหลบอยู่เบื้องหลัง
บานหน้าต่างดวงตาที่ปิดสนิทของคุณ

ตัวตนมากมาย
ก่อเกิดไม่หยุดหย่อน
อะไรคือเส้นทางเร้นลับที่หน่วงเหนี่ยวคุณไว้กับโลก
ลิปสติกซึ่งให้รสจูบที่หนาหนืด
หรือว่า
ต่างหูที่ขับเน้นใบหน้าด้านข้างที่สะอาดสะอ้านของคุณ

และเพื่อบดขยี้ความภาคภูมิใจที่ยโสโอหังของเธอ
ยินยอมพังทลายเพื่อกลายก่อรูปขึ้นใหม่ภายใต้ความไม่แน่นอนที่แปรปรวนและอันตรายเหล่านั้นอีกได้หรือไม่

ความอยากรู้อยากเห็นที่ไม่สามารถต้านทานได้นี้เอง
เสียงที่หลุดพ้นจากการควบคุม
เรือนร่างที่ตัดขวางและอาการดิ้นรนทุรนทุรายราวกับถูกขวานจาม
การกินทั้งเปลือกที่เกือบจะกลายเป็นส่วนหนึ่งของแก่นแท้ของมันเอง

.

และหนึ่งในความปรารถนาที่ตื้นเขินเหล่านั้น ยังรวมไปถึง รูปแบบที่เป็นนามธรรมอย่างยิ่งของความฝัน ที่แม้แต่ตัวของหล่อนเองก็ยังไม่รู้ว่ามันคืออะไร และมีความหมายอย่างไรต่อตัวของหล่อนเองหรือไม่*

.

อาจเป็น
รอยยิ้มที่เปิ่นเล็กน้อยของคุณ

อาจเป็น
ความเป็นคนพูดน้อยของคุณ

วิธีที่คุณประดับประดา
และตกแต่ง
เพื่อตัวเอง
ทำไมช่างแตกต่างกันได้ถึงเพียงนี้

เธอที่เขาเยาะหยันว่าจืดชืดและไร้รสชาติสิ้นดี
ท่าทียียวนกวนโทโส
เมื่อเปรียบเทียบกับ
รอยยิ้มซึ่งสงบงามอย่างถึงที่สุดของคุณ

เพราะเหตุใด ความรู้สึกว่ารักกลับกลายเป็นเชือกเส้นหนึ่งที่ถูกดึงรั้งโดยคุณและใครอีกคน
เพราะเหตุใด ความรู้สึกว่ารัก
กลับถูก
ดึงดูดโดยเสน่ห์ที่แสนพิเศษแห่งเธอ

ความรู้สึกผิดชอบดีชั่วที่ไม่ชัดเจน บางสิ่งซึ่งสับสนและไม่ชัดเจน

.

แม้จะรู้ดีว่า เป็นโลกอีกใบหนึ่ง ซึ่งมีลักษณะครึ่งจริงครึ่งฝัน
และซ้อนทับอยู่กับโลกใบเดิม
แต่ก็อดเคลิ้บเคลิ้มไปกับความรู้สึกที่ทั้งสุขและทุกข์ทรมานเช่นนี้ไม่ได้

.

หวังว่า สิ่งที่สัมผัสไม่ได้ในรูปแบบที่ไม่อาจคาดเดาเหล่านี้

จะเกิดขึ้นอีกครั้งนึง

หวังว่า จะเป็นคุณ

หวังว่า จะมิใช่ความผิดหวังซึ่งห่อกระดาษที่มีสีสันสวยงาม

คลื่นเล็กๆของสิ่งที่ทั้งสูงส่งและต่ำช้าในความเป็นคนของเรา

.

อะไรคือสิ่งที่ทำให้คุณได้ก้าวเข้าไปสู่จุดที่ไร้เหตุผลในตัวเอง

.

บัดนี้
ผ่านคลื่นคนที่ไร้ชีวิตชีวาเหล่านั้น
อีกฟากถนนที่เธอเคยข้ามกลับมาหาฉัน
ยังคงว่างเปล่าเหมือนเดิม

.

เธอถามฉันว่า มีอะไรที่คุณมองเห็นและฉันมองข้ามไปหรือไม่
ฉันตอบว่า สัดส่วนที่ไร้รอยตำหนิของคุณ
มันมากเกินไป
และยากที่จะเชื่อว่า
ทุกอย่างที่ประกอบขึ้นจนกลายเป็นคุณ
มิใช่ขบวนการสมรู้ร่วมคิดของพระเจ้าองค์ใด

.

ต่อหน้า ความรัก ใครเลยจะกล้าโกหกกับตัวตนที่กำลังถูกปลดเปลื้องออกมา

.

ชีวิตที่เต็มไปด้วยเหตุผลส่วนตัวที่ซับซ้อนมากมาย
ทำอย่างไรเธอก็ไม่สามารถรักตัวเองได้สักที

.

ในเมื่อคุณเองก็ผ่านโลกมามากขนาดนี้ 
คงแยกแยะได้อยู่หรอกว่า 
คำพูดซึ่งปฎิเสธน้ำใจและไมตรีอย่างสิ้นเชิงนั้น
แตกต่างกับรหัสลี้ลับซึ่งซ่อนตัวอยู่อย่างแนบเนียน
ภายใต้คำว่า ไม่ และ ใช่ อย่างไร

.

คุณบอกว่า
วิธีแต้มริมฝีปากแบบนั้น
วิธีมองแบบนั้น
วิธียิ้มแบบนั้น
มันทำให้คุณอยากรู้
หล่อนถามว่าอยากรู้อะไร
คุณตอบว่า
วิธีจูบของคุณ

.

รสจูบที่ไม่ขออนุญาต
แฝงตัวเป็น
สีของผลสตอร์เบอรี่บนแผ่นแก้มของเธอ

.

(ในภายหลัง)
เธอค่อยๆเรียกแนวโน้มที่เกิดขึ้นจากการพังทลายตัวเองลงไปทีละเล็กทีละน้อยของเธอว่า
’ การแก้ไขเพื่อการเปลี่ยนแปลง ‘
เธอค่อยๆปรับเปลี่ยนมุมมองที่มีต่อความรักไปทีละเล็กทีละน้อยจนคลาดเคลื่อนไปจากจุดที่สมดุล
เธอปรารถนาที่จะเข้าใจ
มากเสียยิ่งกว่า
ความปรารถนาที่จะเป็นส่วนหนึ่งของมันเอง

.

ความเปลี่ยนแปลงบนโลกนี้

ส่วนใหญ่แล้ว
มักไม่มีหนทางย้อนกลับ

แม้ว่าจะพยายามมากน้อยแค่ไหนก็ตาม

.

ความรู้สึกโศกเศร้าและโกรธเกลียดตัวเองที่สลับซับซ้อนเช่นนี้

ใบหน้าที่แดงระเรื่อนั้น ไม่แน่ว่า จะเป็นด้วยความโกรธหรือว่าความอับอาย

คุณสูญเสียสมดุลเล็กน้อยและพูดว่า
ใครจะไปลืมผู้หญิงผมสั้นและขี้เมาเล็กน้อยแบบนั้นได้ลงคอ

ความไม่ประสีประสาในรูปแบบที่คุณกระทำลงไปนั้น
จะอย่างไร
ก็ไม่สมควรให้อภัย

คุณยิ้มเยาะและพูดต่อไปอีกว่า
ใครจะไปลืมหัวนมแท้บนขนาดปลอม

ยังไม่ทันจะได้เรียนรู้อะไร
คืนวันที่คุ้นเคย
ก็กลายกลับเป็นอดีตที่แปลกปลอมต่อความรู้สึกของตัวเองเสียได้

ความรู้สึกโศกเศร้าและโกรธเกลียดตัวเองที่สลับซับซ้อนเช่นนี้

.

คนที่เอาแต่แกว่งแขนไปมาอยู่บนสันเขื่อนริมทะเลสาปแห่งนั้น
ตอนนี้อยู่ที่ไหนแล้ว

เป็นไปได้อย่างไรที่คุณไม่รู้ว่ารอยยิ้มของคุณสำคัญ
เป็นไปได้อย่างไรที่คุณไม่เคยตระหนักว่าตัวคุณเองก็สำคัญ

.

ฉันเชื่อที่คุณบอกฉัน ทำการบ้าน เข้านอนตอนหกโมงเช้า

.

นี่เธอเป็นเธออีกคนให้เราได้ไหม
ยังไง
ถ้ามีเธอสองคนบนโลกนี้ อีกคนต้องเป็นของเราไงล่ะ

.

แน่นอนที่ว่า
รายละเอียดเล็กๆน้อยๆเหล่านั้น
ย่อมเปลี่ยนแปลงไปตามมุมที่คุณมองเห็นมัน
ที่พวกเขาว่ากันว่า
รอยยิ้มนั้นดีต่อสุขภาพ
รอยยิ้มของคุณก็ดีสำหรับฉันด้วยเช่นกัน

.

ใครกันจะไม่สามารถคาดเดารอยยิ้มแบบนั้นได้บ้างล่ะ
การมองตาแว่บเดียวแบบที่รู้กันเช่นนี้
ไม่ใช่กับใครทุกคน(ก็ได้)

.

ท่าทางคลุมเครือของเธอ ที่แสดงออกอย่างชัดเจนอยู่บ่อยครั้ง เช่นกันกับคุณ ที่แสดงออกอย่างชัดเจน แต่ทว่าคลุมเคลืออยู่มากครั้งไม่น้อยเช่นกัน

.

เมื่อมีสิ่งใดไม่สอดคล้องกับทัศนคติของเธอ
เธอก็มองว่ามันฉาบฉวย
ทั้งที่ตรรกะซึ่งใช้ในการตัดสินถูกผิดดีชั่วของเธอเองก็มีปัญหา
อันที่จริง ลึกๆแล้ว แม้จะอย่างไม่เปิดเผย
ความเป็นคนที่เย่อหยิ่งถือดีที่มีอยู่ในตัวของเธอนั้น
ก็ประสมประเสอยู่กับธาตุแท้ในด้านอื่นๆที่เธอมีและอาจไม่ต้องการ

.

ขณะที่ยังสับสนว่าความรักของตัวคุณเองเป็นอย่างไรกันแน่
ทำไมการพูดถึงเธอจึงกลับกลายเป็นเรื่องที่น่าละอายเสียได้
คุณคือเปลือกทุกส่วนที่ถูกแกะออกไป
ข้างใน
จึงไม่มีคุณ
ทำไมการพูดถึงคุณจึงเป็นเรื่องน่าละอายนัก
อนาคตที่ปราศจากแรงผลักดันจากเธอในวันนี้จะไปมีความหมายอันใด

คำพูดที่เคยพูดว่า จะต้องรู้ให้ได้ จะต้องรู้ให้แน่ว่า
ชีวิตที่เหลือจะมีความหมายต่อเธออย่างไรกันแน่
สุดท้าย
ก็เป็นเพียงกลุ่มคำจอมปลอมชนิดหนึ่งในความเปล่าเปลือง

อนาคตที่ปราศจากแรงผลักดันจากเธอในวันนี้จะไปมีความหมายอันใด
อะไรคือคือการเยียวยาที่ทำให้คุณโกรธเกลียดตัวเอง

.

นั่นอย่างไร ดวงตาเฉยเมยที่ไร้แวว
ความผิดหวังที่ทำให้คุณมิอาจแยกแยะผิดถูกดีชั่วได้เด็ดขาดจากกัน
นั่นอย่างไร เธอเองที่บอกกับคุณว่า
และถ้าหาก ไม่มีใครสักคนที่สนับสนุนคุณเลย นั่นก็แปลความหมายได้ว่า ไม่มีฉันอยู่อีกต่อไป

.

สาเหตุใด 
จึงติดค้างอยู่ในความทรงจำที่เหนียวหนืดเช่นนี้ 
จักรวาลแห่งนี้ทำไมจึงมืดมนเหลือเกิน

.

ชาแนลอาลัว เบอร์ 38
 บ่อยครั้งไป ฉันเผลอเรียกคนอื่นเป็นชื่อเธอ

.

ทำเรื่องบ้าๆด้วยกัน รักกัน ทรยศซึ่งกันและกัน 
ทำเรื่องบ้าๆด้วยกัน รักกัน และกลายเป็นคนไม่รู้จักกัน
และอย่างสิ้นเชิง 
เย็นชา ไม่หยี่ระ จองหอง เย่อหยิ่ง หรือกระทั่งถือตัว

.

จำไม่ได้แล้วว่า ชีวิตที่ตื่นขึ้นด้วยความฝันอันไม่มีวันสิ้นสุดคือแบบไหนกัน

.

นึกถึงช่วงเวลาที่เราตกหลุมรักในบทสนทนาที่คลุมเครือของกันและกัน

.

คุณถามผมว่า
ทำไมเราจึงมาอยู่ที่นี่
ปีนั้น กับปีนี้ ย่อมไม่ใช่ปีเดียวกัน แม้จะอยู่บนเส้นตรงเดียวกันก็ตาม
ข้อเท็จจริงเหล่านี้
แม้ไม่เอ่ยปากเฉลยกับเธอ ก็เป็นที่รู้โดยทั่วกัน

เธอถาม(ผม)ว่า ทำไมเวลากลางคืนคนเราถึงได้กลายเป็นสัตว์ร้าย
ดวงตาที่ขุ่นขวางไร้แวว
ต้องใช้เวลานานเท่าใด
กว่าที่คุณจะได้มาซึ่งเหล่าสิ่งนี้

ทำไมต้องตื่นขึ้นมาในวันเวลาเก่าๆที่วนเวียนซ้ำไปซ้ำมา

โอบกอดจูบรักบ้าคลั่งไปกับเธอ
จะต้องรู้ให้ได้ว่าตัวเองเคยเป็นใคร
จะต้องรู้ให้ได้ว่าใครคือเธอ

อะไรคือที่มาของคำว่าความสัมพันธ์
ซึ่งต่อมา
กลายกลับเป็นเรื่องราวของช่วงตอนหนึ่ง
ในบ่ายวันเสาร์ที่ไม่เคยเหมือนเดิมอีกตลอดไป

ทำไมคำตอบจึงต้องอธิบายถึงตัวคุณ
ทำไมการอธิบายจึงไม่เริ่มต้นด้วยคำว่าเรา

เธอถามผมว่าผมเป็นใคร ผมถามเธอว่าคุณเป็นใคร ความรู้สึกมุทะลุ ไม่กลัวเจ็บกลัวปวด ที่ต้องการคืบเคลื่อนไปข้างหน้าแต่เพียงอย่างเดียว คงทำให้เธอต้องยอมรับว่า ข้อเท็จจริงที่คลาดเคลื่อน บางที อาจทำให้ ใครบางคนเคลื่อนเข้าใกล้ ได้มากกว่าเดิม

.

และมันก็เป็นเช่นดั่งที่คุณพูด ความเจ็บปวดทำลายซ้ำใครอีกคนและสร้างคุณขึ้นมา
คุณไม่ดีไปกว่าคนที่แย่ที่สุดที่คุณมี
หรือว่าถ้าหากไม่ คุณก็คงยักไหล่ และไม่อาจฝืนใจตัวเองที่จะปฏิบัติในสิ่งที่ไม่อยากปฏิบัติเหมือนเช่นเคย

.

ด้วยเกรงว่าคุณจะระมัดระวังตัวมากขึ้นและเปิดเผยแต่ด้านที่ดีงาม
ฉันจะรักษาระยะห่างเหล่านั้นเอาไว้อย่างไร

เธอพูดแก้เก้อว่า ขอเข้าไปทำธุระในห้องน้ำสักประเดี๋ยวหนึ่ง
บางทีคนเราก็ชอบเล่นละครเป็นเด็กไร้เดียงสาไม่เข้าใจความหมายของการอยู่ด้วยกันโดยลำพัง

.

ไม่มีใครเคยเข้าใกล้คุณได้มากกว่านี้เลย เธอว่า
คนที่ลึกๆแล้ว โดดเดี่ยวที่สุด เปลี่ยวเหงาที่สุด
กลับเป็นคนที่มีอัธยาศัยใจคอดีอย่างร้ายกาจ จนเธอเกือบจะไม่สามารถเข้าใจ

ฉันว่า เพราะลึกๆแล้ว ฉันรู้ดีว่า ฉันเป็นคนที่น่ารังเกียจ
และไม่สามารถจะรักได้ด้วยเหตุผลที่หนักแน่นข้อใดอย่างสิ้นเชิง
และว่า เมื่อทำให้การทรยศ
ดูสูงส่งขึ้นด้วยคำว่า ‘ ความรัก ‘
ก็ยัง
ไม่เปลี่ยนแปลงข้อเท็จจริงใดๆที่ฉันมีต่อเธอ

.

เส้นผมที่มีกลิ่นของบ้านซึ่งคนเร่ร่อนอย่างฉันไม่มีวันเข้าใจ

.

" พรุ่งนี้ คุณจะคิดถึงกันบ้างหรือไม่ " ตรงนี้เธอโกหก ที่เธอต้องการจะถาม คือใครจะคิดถึงกันก่อนมากกว่า
" พรุ่งนี้ คุณจะคิดถึงกันบ้างหรือไม่ " ผิดถนัด ที่เธอต้องการคือคำสัญญา

.

เปล่าเลย คุณกำลังตื่นขึ้นในอีกวันถัดมาของฝันร้ายที่จะดำเนินต่อไปอย่างไร้จุดสิ้นสุด

.

ทั้งที่อยากจะพูดออกไปว่า เสียใจ แต่กลับบอกเธอไปว่า ขอบคุณ
เธอว่า เธออ่านฉันไม่ออก เพราะจิตใจคือความมืดดำชนิดหนึ่ง
เธอว่า อย่าพูดราวกับว่าคุณรู้จักฉันมาทั้งชีวิต
ทั้งที่เราเพียงแค่นอนด้วยกัน
“ ประตูสู่สวรรค์ “ และ “ ทางกลับ “
เชื่อเถอะ วันหนึ่งข้างหน้า
คุณจะคิดถึงฉันในฐานะข้อผิดพลาดชนิดหนึ่งที่คุณสร้างขึ้นในช่วงชีวิตที่ปราศจากสติของคุณเอง

ฉันว่า ฉันอ่านเธอไม่ออก เพราะจิตใจคือความมืดดำชนิดหนึ่ง
ทั้งที่อยากจะพูดออกไปว่า ขอบคุณ แต่กลับบอกเธอไปว่า เสียใจ

.

ถ้าฉันปล่อยให้น้ำตาไหลออกมา เกรงว่าหัวใจของฉันจะแตกสลายจริงๆ

.

เธอสอนให้ฉันรู้จักรักคนอื่น ทำไมไม่สอนให้ฉันรู้จักรักเธอ

.

ความเป็นจริงก่อรูปภายใต้รอยแต้ม ริมฝีปากยามคุณบอกรัก แยกออกเป็นสองส่วน

.

ครึ่งหนึ่งคุณยิ้ม อีกครึ่งหนึ่งบึ้งตึงอยู่ข้างใน
ไม่ต้องบอกก็รู้ว่า รอบๆตัวคุณนั้น
ไม่มีสักคนเดียวที่เข้าใจคุณ

.

เปล่า น้ำเสียงที่มีนัยของความก้าวร้าว
ไม่ การปฏิเสธที่ยังไม่แน่ว่า
จะมีความหมายอย่างที่เธอต้องการสื่อสารออกไปจริงๆไม่
ยังมีอะไรอีก
ยังมีอะไรอีกบ้าง
บางทีคนเราก็ชอบเล่นละครเป็นเด็กไร้เดียงสาไม่เข้าใจความหมายของการอยู่ด้วยกันโดยลำพัง

.

และไม่ว่าจะรู้ตัวหรือไม่ สิ่งที่เยียวยาความรู้สึกของเธอในความหมายที่แท้จริงกลับมิใช่ความรัก
หากแต่เป็นแผนการของจิตใต้สำนึกระดับพื้นฐานที่เธอไม่เข้าใจ

.

คุณเป็นฮาร์ดแวร์ในแบบแนวนอน
บรรจุ 2 ปุ่มกดไว
แต่ใช้ลิ้นจะดีกว่ามาก

.

ในตัวของฉัน กำลังแตกออกเป็นเสี่ยงๆ ไม่ถูกหรอกหรือ ที่ร้องขอให้คุณจูบ
แต่มิได้ร้องขอให้คุณรัก
ยิ่งวิงวอนเท่าไร
ก็ยิ่งเปียกชื้น
จะลืมตาก็เจ็บ
จะหลับตาก็กลัว

.

เธอใช้คำว่า “ หลังจากนั้น “
ราวกับว่า
ความรักเป็นสิ่งที่เปราะบางและไม่สามารถทานทนต่อเงื่อนไขที่ไม่อาจควบคุม
เธอใช้คำว่า “ ถ้า “
กับคำสัญญาที่หนักแน่น
ไม่สามารถเปลี่ยนไปเปลี่ยนมา

สำหรับเธอแล้ว
ความรักกับความรับผิดชอบ
มิใช่สิ่งเดียวกัน

สำหรับเธอแล้ว
คนที่เสพติดความเจ็บปวดซึ่งเกิดขึ้นจากความรู้สึกที่รักตัวเองมากจนเกินไป
ไม่ใช่สิ่งที่เกิดขึ้นจริง

.

ไม่มีสิ่งที่เห็น มีเพียงความเชื่อ
เชื่อว่า ที่เห็นคือตัวตนที่แท้จริงของเธอ

.

ทั้งที่เธอเองก็กำลังถูกรินเติมลงสู่ธารธาราที่มีแต่จอกแหน
แต่ก็มิอาจมองเห็น 'ต้นทาง' หรือ 'ที่มา'

จะมีอะไรที่สมจริงไปกว่านี้ได้อีก
จะมีอะไรหลุดพ้นไปจากแบบแผนของเกมที่ถูกทำให้เชื่อว่าเธอกำลังถูกรัก

.

คุณยิ้ม และพูดทีเล่นทีจริงว่า คุณเป็นผู้ชายที่สม่ำเสมอและเอาจริงเอาจังอย่างยิ่งกับความสัมพันธ์ที่ยั่งยืน

.

ชีวิตคุณเป็นวัสดุ
การทำงาน
เช่นกระดาษ
ใช้ดินสอผ่านน้ำหนักของการกด
มีความสุข
เมื่อผมตั้งต้นเทคุณออก

.

สาระที่ประกอบอยู่จนกลายเป็นรสชาติของเธอนั้น
คงคล้ายกลิ่นหอมจางๆที่ให้ความรู้สึกลื่นไหลและเฉื่อยชา

.

การแบ่งปันที่อาจหมายถึงการใช้หัวใจร่วมกัน
การให้ที่อาจหมายถึงการตัดเฉือนส่วนต่างที่เป็นส่วนหนึ่งของคุณเอง

.

ความหวาดกลัวยึดโยงขึ้นเป็นผนังและพังผืดของคุณ
สิ่งเล็กๆเช่นกระดุมที่กลัดไว้ใกล้ๆกับหน้าอกที่มียังมีหัวใจ

.

อดีตล่าถอยจากไปไม่หยุดหย่อน
แมลงชีปะขาวคงถูกกักขังไว้ในช่วงเวลาใดช่วงเวลาหนึ่งที่ยังมาไม่ถึงอยู่อย่างแน่นอน

อุทิศตนให้กับเรื่องที่หมดความสำคัญลงแล้ว
ความสัมพันธ์ที่จบลงแล้ว
ทางออกที่ยุติลงแล้ว
ผลักไสคนที่ค้นพบคุณด้วยการโบยตี

.

ทำไมคุณจึงจดจำสิ่งที่เป็นนามธรรมมากๆเกี่ยวกับตัวเธอได้อย่างแม่นยำ

ทำไมคุณจึงตอบไม่ได้ด้วยซ้ำไปว่า ใบหน้าที่เกือบจะไร้จุดสังเกตของเธอนั้น มีลักษณะอย่างไร

.

แท้จริงแล้ว เราคงคลาดกันที่ถนนสายหนึ่ง
นั่งรถไฟคนละขบวน
ไม่ก็ตู้โดยสารเดียวกัน
แต่กลับติดค้างอยู่ในภวังค์เหม่อลอยของตัวเอง

แท้จริงแล้ว เราคงคลาดกันที่ถนนสายหนึ่ง
อ่านหนังสือเล่มเดียวกัน
แต่คนละปริบท
เป็นสรรพนามเช่นเดียวกัน
แต่อยู่คนละบรรทัด
เป็นนามธรรมเช่นเดียวกัน
แต่ไม่มีความหมายใดๆ
เป็นจริงเช่นเดียวกัน
แต่ไม่มีความหมายที่แท้จริงใดๆต่อกัน

แท้จริงแล้ว ที่จริงแล้ว ที่สุดแล้ว ปราศจากความหมายใดๆต่อกัน
แท้จริงแล้ว ที่จริงแล้ว ที่สุดแล้ว อะไรที่เราต้องการจริงๆ อาจมิใช่สิ่งที่เราต้องการจริงๆก็ได้
ความสัมพันธ์ที่มีความหมายจริงๆอาจมิใช่ความสัมพันธ์ที่เราเคยต้องการก็ได้

.

มีดเล่มไหนจะคมพอตัดสายใยระหว่างเรา
อาการเจ็บปวดที่จุดเดิมๆ
ความหมายของมันคืออะไรกันแน่

บ่อยครั้งไป ฉันเผลอเรียกคนอื่นเป็นชื่อเธอ

.

คุณก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไม
การจากลา สำหรับคุณแล้ว จึงกลายเป็นเรื่องที่ยากเย็นมากขึ้นทุกที

.

ในเสียงกรีดร้องของคุณ
ไม่มีผมเลย
ฤดูหนาวสวยงาม
ผมเป็นเพียงส่วนเล็กๆของมัน

.

คำที่อยากได้ยิน เมื่อไม่อยู่ให้ได้ยินแล้ว
จะมีความหมายอะไร

ทุกครั้งที่มีความว้าวุ่นยากอธิบาย
คือเธอใช่ไหม
ที่มาทันเวลาทุกที

.

ความรู้สึกอาจเป็นเรื่องบริสุทธิ์ แต่ก็สามารถทำร้ายกันได้ง่ายๆ
โปรดอย่าแสดงความขอบคุณ

ที่ฉันยินยอมปล่อยมือจากเธอ

.

ชีวิตที่เปลือยเปล่าได้ถึงเพียงนั้น การจ้องมองที่แปลกประหลาดของเธอ
ระยะห่างที่แสนสั้น ทว่ารู้สึก 'ไกลแสนไกล'

.

ผมสัญญา ผมจะไม่ร้องไห้
เพราะการร้องไห้ มีแต่จะทำให้โลกที่ไม่มีคุณ หม่นมัวและพร่าเลือนลงทุกที

ผมสัญญา ผมจะไม่รอคุณอีก
เพราะการรอ มีแต่จะทำให้ ความแน่วแน่ในการก้าวเดินต่อไปบนหนทางข้างหน้าของคุณไม่ชัดเจน

.

ฉันไม่มีวันที่จะไปถึง
วันเวลาที่เหลืออยู่ทั้งหมดของชีวิตคุณ
ร่องรอยของคราบน้ำตาเหล่านั้น
บัดนี้ถูกปิดทับด้วยแป้งที่พอกหนาและรอยยิ้มซึ่งถูกประดิษฐ์ขึ้นจนเกินเลย
น่าเสียดาย มีเวลาตั้งมากมาย แต่ไม่สามารถใช้มันกับคุณ
คุณบอกว่าความรับผิดชอบทำให้คนเราไม่อาจเป็นตัวของตัวเอง

.

ไม่แน่ว่า รสชาติจากลิปสติกของคุณ จะเป็นแบบไหนกันแน่
แต่แน่ว่า วิธีเขียนคิ้วซึ่งเป็นไปอย่างเคร่งครัด จะเป็นส่วนหนึ่งของความเป็นเธอตลอดไป
ไม่ต้องการการเยียวยา ไม่ต้องรักษาให้หายขาด
แค่อยากให้มันเป็นเช่นนี้ตลอดไป
นี่ไง ความรักที่กระหายความเกลียดชัง โรคร้ายของความคิดถึงที่ทำให้ภูมิคุ้มกันของคุณบกพร่อง

.

ไม่อยากจะบอกเลยว่า
ความมุ่งมั่นและดื้อรั้นในแบบฉบับของคุณ
กำลังทำให้คุณรักใครไม่เป็น
ไม่อยากจะบอกเลยว่า
ความภาคภูมิใจลึกๆในตัวเอง
ที่ทำให้คุณเย่อหยิ่งและถือตัว
ประกอบขึ้นจากชิ้นส่วนที่แตกสลายของใครหลายๆคน

ไม่รู้จักตัวเอง ไม่รักใคร
มองเห็นทุกสิ่งทุกอย่างเป็นได้แค่เกมๆหนึ่งที่คุณกำลังควบคุม
เป็นกฎของคุณ
เป็นคุณในแง่มุมที่ฉันไม่เคยรู้จักมาก่อนเลย
เป็นคุณใช่ไหม ใช่คุณจริงๆหรือไม่
อะไรที่สามารถแปลงเปลี่ยนมุมมองที่มีต่อชีวิตของคนๆหนึ่งได้อย่างแท้จริง

.

กว่าจะรู้ว่าความรักมิใช่เรื่องของคนสองคนก็เกือบจะสายเกินไป

.

บางทีมันก็ปรากฏตัวอยู่ในรูปรอยของความเห็นแก่ตัวโง่ๆระหว่างเรา
บางทีมันก็ปรากฏอยู่ในรูปรอยของความคงเส้นคงวาที่มากเกินไปของสิ่งที่เรียกว่าความสุข

ตลอดฤดูร้อน ใครกัน ฝึกพูดคำหยาบคาย ตะโกนด่าท่อ และไว้ตัว

ยังเด็กเกินไป ยังเขลาเกินไป
ยังไม่แน่ใจด้วยซ้ำว่า ความสุขที่แท้คืออะไรกันแน่
ยังไม่แน่นอนเกินไป ยังไม่เข้าใจมากเกินไป ยังแก่แดดน้อยเกินไป ยังไร้เดียงสาเกินไป
แม้ว่าอาจจะเคยเสียใจ แต่ก็ยังไม่รู้อยู่ดีว่าความสุขที่แท้จริงคืออะไรกันแน่

.

สิ่งที่จะไม่เปลี่ยนแปลงตลอดไป
เธอตั้งใจไว้ว่าอย่างนั้น

ตุ๊กตาที่เธอชอบ
นักร้องคนโปรด
เฉดสีสำหรับกระโปรงในบ่ายวันอาทิตย์
คนที่เธอชอบไปเดินเล่นด้วย
จูบแรกซึ่งใช้เวลายาวนานสามสิบแปดวินาที

โรงเรียนปิดเทอมอีกแล้ว
กลายเป็นคนที่รู้จักกันจากรอยยิ้มแปลกหน้า
ไม่มีสิ่งใดเหมือนเดิมตลอดไป
แต่ยังมีสิ่งหนึ่งที่เธอตั้งใจว่าจะไม่เปลี่ยนแปลง

.

คุณก้มหน้าลงและพูดเบาๆ ถ้ามันทำให้หัวใจเต้นได้ ก็ไม่มีสิทธิ์ที่จะปฏิเสธเธอ
คำพูดที่ทั้งจองหองและมั่นใจในแบบที่เป็นคุณหนึ่งร้อยเปอร์เซนต์

.

ถ้าความทะเยอทะยานจะทำให้ตัวตนของเธอเล็กลงบ้าง
นั่นก็คงดีไม่น้อยเลยทีเดียว

.

อนาคตที่น่าเบื่ออย่างชัดเจนรออยู่ในหัวของเธอแล้วชั่วชีวิต-ชั่ว
ชีวิตของผู้มีพรสวรรค์อันพิเศษและแปลกประหลาดลึกซึ้งซึ่งฉันไม่เคยเข้าถึงมันมาก่อน

.

ประกายอันว่างเปล่า แต่บริสุทธิ์และสูงส่งเหล่านั้น

.

ใบหน้าสามัญธรรมดาใบหน้าหนึ่ง
ไม่พบทั้งร่องรอยพิรุธซึ่งอาจเป็นฝีมือของพระเจ้า
ไม่มีทั้งร่องรอยเก่าแก่ของจิตรกรคนใด
เป็นเส้นคิ้วที่ทะเยอทะยาน
เป็นหางตาที่ลู่เรียวและพาดชี้ขึ้นบน
ริมฝีปากและจมูก
บ่งชี้อย่างชัดเจนว่า
เป็นตัวของตัวเองอย่างแน่วแน่เพียงใด

.

ดูสิ สีแดงดื่มด่ำและล้ำค่า
ดูสิ สีของริมฝีปากคุณ
ฉันและเธอ จับมือกัน ไปตามถนนที่คุ้นเคย
ฉันและเธอ จับมือกัน ไป
โธ่เอ๋ย จำนวนวันในโลกที่กว้าง
โธ่เอ๋ย จำนวนคนในเวลาที่แคบ
เกรงว่าเธอ
จะไม่เคยตระหนักถึงมัน
และอย่างแท้จริง
โลกที่กว้าง บางทีก็กว้างเกินไปจนมองไม่เห็นกัน
โลกที่แคบ บางทีก็แคบจนเราใกล้ชิดกันเกินไป
10,000 วันสำหรับชีวิต
10,000 วันสำหรับคิดถึงเธอ
จับมือและปล่อยมือจากกัน
สวมกอดและโอบกอดตัวเอง (ยาวนานเหลือเกิน)

.

เสียกเรียกจากส่วนลึกที่
เธอรู้สึกไม่ไว้วางใจ
แต่ไม่อยากยอมแพ้

.

ฉันเคยเห็นความฝัน
ต้องคำสาป
เคยเห็นความปรารถนาที่ไร้สุ้มเสียง
เคยรู้จักความรัก
ทว่าไม่เคยรู้จักเธอ

คุณรู้จักการจูบ
แต่พูดไม่ได้ว่า
รู้จักความรัก
หากไม่รู้จัก
ซอกมุมเร้นลับแห่งเธอ

คุณมุ่งมั่นทำความเข้าใจกับอะไรสักอย่างหนึ่ง
แต่ไม่อาจถ่องแท้เท่ากับมัน
จึงไม่อาจลืมเลือน

ฉันวาดกำแพงไร้สี
ก่อสร้างเจดีย์ขึ้นจากทราย
แต่ไม่อาจเขียนเธอ

คุณมุ่งมั่นทำความเข้าใจกับอะไรสักอย่างหนึ่ง
แต่ไม่อาจถ่องแท้เท่ากับมัน
จึงไม่อาจลืมเลือน

ทำไมต้องเป็นฉันในฝันต้องคำสาป
มีความปรารถนาที่ไร้เสียง
รู้จักการจูบ
แต่ไม่อาจถ่องแท้เท่ากับมัน

ไม่อยากเข้าใจ
ไม่จำเป็น

ตีพิมพ์ครั้งแรก : Kitchengun Library 3 พฤศจิกายน 2020

.

เค้าโครงซึ่งยังไม่เสร็จสมบูรณ์ แต่ในภายหลัง
จะบ่งบอกถึงความเป็นตัวเองของคุณอย่างไม่น่าเชื่อ
ผมคิดอย่างนั้น คุณเองก็รับรอง
แววตาที่แน่วแน่และปราศจากความเคลือบแคลงสงสัยในตัวเอง ซึ่งได้เข้ามามีอิทธิพลต่อชีวิตคุณอย่างมากมายในภายหลัง
พูดให้ถูก จวบจนกระทั่งกระจ่างแจ้งต่อปริศนาที่ไม่อาจแก้ไขได้ในคราวเดียว
แล้วความฝันที่มีต่อตัวเธอ และต่อตัวเอง ก็แทรกซึมลงไปในทุกส่วนที่เป็นตัวคุณ

.

สมบูรณ์แบบ
เต้านมเล็กๆของคุณ
คิ้วที่บางมากๆของคุณ
รอยแยก

.

(หน้าคั่น) ผู้ชาย พวกมันจะเสาะหาคุณจนเจอ ทำความเข้าใจ และตาย

.

การเป็นคุณ
ไม่ได้มีความหมายเพียงแต่
คุณสมบัติที่อ่อนโยนและไร้เดียงสาเท่านั้นหรอก
(หาก)ยังหมายถึง
ความรู้สึกที่สับสนกับอะไรบางอย่างอยู่ตลอดเวลา(อีกด้วย)

หรือว่า ความไม่เข้าใจที่มีต่อตัวเธอนั้น คือรูปแบบหนึ่งของความเข้าใจ
ที่เป็นฉันเองต่างหาก
ซึ่งยังไม่ชัดเจนต่อตัวเองมากพอ

.

ติดค้างอยู่ภายใต้โพรงอกที่เปล่ากลวง
อะไรคือการทบทวนที่มีสีเทาปนเปื้อน

.

อะไรคือช่วงเวลาที่ทำให้คุณเข้าใกล้กฎเกณฑ์บางอย่างซึ่งไม่เคยมีใครเข้าถึงมาก่อน
โอ้ ผิวกายของเธอ หัวนมเล็กๆ บนฐานเล็กๆของมัน กระเปาะอันงดงามและการออกคำสั่ง
เหมือนกับความตาย เหมือนกับความฝัน
ฉันรู้แล้ว ชีวิตที่แท้จริง ไม่มีคำตอบ
มีเพียงกลิ่นน้ำหอม และการหมุนวนของสรวงสรรค์ที่ทำได้เพียงแต่แแหงนเงยขึ้นมอง
ฉันรู้แล้ว สิ่งใดที่เหมือนกับความตาย สิ่งใดที่เหมือนกับความฝัน ที่นี่เอง
ไม่ใช่มนุษย์ทุกคนที่เคยเข้าใกล้เส้นขอบฟ้าแบบนี้มาก่อน
พร่าเลือน
และโยกโยน
บกพร่องแต่เต็ม
แข็งแกร่งแต่เปล่ากลวง
เธอคือช่วงเวลาที่ฉันไม่เคยเข้าใจเลยสักนิดเดียว
ขณะที่หลงมัวเมาไปในความปรารถนาอันไม่มีวันสิ้นสุดของคนที่มีต่อเทพธิดา
เธอยังคงกลายเป็นคนอื่นอีกคนทั้งที่มีใบหน้าเดิม

.

แผนที่ ฉันมองไม่เห็น
ทุกอย่างย่อส่วน
เกลียดผู้ชายคนหนึ่งในนั้น

.

คุณเคยบอกว่า
ฉันเป็นตัวปลอมได้ดีกว่าที่เป็นตัวเองเสียอีก
คุณเคยบอกว่า
ฉันเป็นคุณ
ได้ดีกว่าที่คุณเป็น

คุณเคยบอก ถ้าไม่ใช่ฉันเสียแล้วใครก็ไม่สามารถยกโทษให้กับตัวคุณได้
คุณเคยบอก ถ้าไม่ใช่ฉันเสียแล้ว ละครชีวิตเรื่องหนึ่ง
ต้องมีจุดจบที่แตกต่างออกไป

.

แววตาคมกล้าของคุณหายไปไหนหมดแล้ว
คำพูดฉาดฉานและมาดมั่นของคุณด้วย
คุณที่บอกฉันเองว่า ผู้ชายที่มุ่งมั่น
คือผู้ชายที่เท่ห์ที่สุด
ขนาดหัวใจ
น้ำหนักที่คุณแบกทาน
โลกทั้งใบ
คุณว่า ทุกสิ่งจะไม่เป็นไร
คุณจะทำทุกอย่างเพื่อการเสียสละอันไม่มีสิ้นสุดเช่นนี้ตลอดไป

.

เธอบอกว่า นี่ไง ผู้ชายขี้ขลาดในอุดมคติที่ฉันเคยเดินควงด้วย เธอครางออกมาว่า ไม่น่าเลย

.

หากคุณถาม
ใครคือผู้หญิงที่สวยที่สุด
คำตอบจะยังคงเป็นเหมือนเช่นเดิม
แม้ในวันที่คุณ
ย้อนกลับมาถามเขาอีกครั้งหนึ่ง
ทำไมยังรักอย่างโง่ๆ
ทั้งๆที่โตพอจะเข้าใจแล้วว่า
เวลาซึ่งล่วงผ่านเลย
ไม่อาจหวนย้อนกลับมา
เหมือนเช่นใครบางคนที่เคยเดินจากไป

.

เรื่องบางเเรื่อง
อาจโกหกตัวเองได้มากกว่าหนึ่งครั้ง
แต่ก็หลอกตัวเองไม่ได้ตลอดไป
ที่ผ่านมา...
เคยบอกรักเธอ
ทำไมเอ่ยซ้ำไม่ได้อีก
อยากจะลืมดวงตาที่มากความรู้สึกคู่หนึ่ง
แต่ไม่อาจตื่นขึ้นจากความฝันที่ไม่มีเธอตลอดไป

.

ผีเสื้อบรรทุกสวนดอกไม้ไปด้วยทั้งที่ไม่รู้

.

คุณคงยังไม่ได้ตกหลุมรักใคร
แค่บูชาความรัก
และคุณเองก็คงเป็น
แค่มนุษย์ประเภทหนึ่งที่หลงใหลในเหตุผล
ซึ่งต่อมา(โดยตัวของมันเอง)
จะกลายเป็นรูปโฉมหนึ่งที่ถูกเรียกว่าความงดงามของความรัก
และคุณจะเข้าใจมันผิดตลอดไป

ตอนที่เริ่มเข้าใจว่า
จูบที่เศร้าและเงียบงัน
จากริมฝีปากคู่หนึ่ง (นั้น)
จะกลายเป็นเสียงสะท้อนแห่งความลังเล
คือช่วงตอนที่ฉัน
กำลังเช่ือมโยงตัวเองเข้ากับเธอ
และนิรันดร์

.

มันยากที่จะพูดว่า

สาเหตุใด
 กระเป๋าสะพายไหล่ที่วางไว้เคียงข้างกันเสมอ
[ ต้องมีของฉันกับเธอ ]

มันยากที่จะพูดว่า

ประตูห้องซ้อมดนตรีที่เธอมักโผล่หน้าออกมา

ต้องเป็นช่วงเวลาที่ฉันกำลังตั้งใจทุกที

.

ถ้าการเปิดใจต้องใช้เพียงความกล้าหาญที่ยึดโยงอยู่กับแง่มุมที่เรามองเห็นมัน

.

คุณกลัว
แต่ก็ปลุกปลอบตัวเองด้วยความกล้าหาญในแบบฉบับอันจอมปลอมซึ่งคุณเชื่อของคุณเองว่า
เป็นสิ่งอันควรค่าและสูงส่งสิ้นดี

.

มีอยู่วันหนึ่ง เธอบอกกับฉันว่าเธออยากให้จมูกของเธอ
โด่งขึ้นอีกสักนิดนึง เธอว่า “ นิดเดียวก็ยังดี “

เธอบอกว่า ในความฝัน
เธออยากเป็นคนสำคัญของใครสักคนหนึ่ง (เป็นคนสำคัญคนเดียวที่จะไม่มีใครอื่นอีกเลย เธอย้ำในครั้งต่อมาที่เจอกัน)

เธอว่า ใช่ไหม ฉันจะได้คอยดูแลและดึงจมูกที่ดื้อรั้นของเธอ

เธอถามฉันว่า โตขึ้นอยากเป็นอะไร
ฉันว่า ฉันอยากเป็นอันธพาล แต่มีข้อยกเว้นที่จะไม่
รังแกเธอ

เธอหัวเราะ เสียงหัวเราะกับรอยยิ้มของเธอ
คล้ายกัน

(ฉันรู้ เธอไม่เคยสนใจที่จะเป็นตัวเอง(หรอก)
เพราะตัวเธอเอง
แท้แล้ว
ยังไม่แน่นักว่ามีความหมายอย่างไร)

(เธอรู้ ฉันไม่เคยสนใจที่จะเป็นตัวเอง(หรอก)
เพราะตัวฉันเอง
ยังไม่แน่นักว่าจะมีความหมายอย่างไร)

มีอยู่วันหนึ่ง เธอบอกกับฉันว่า
อยากตัดข้ามเวลา สะพาน ทะเล และแม่น้ำไปจนสุดขอบโลก
แววตาเพ้อฝันและเต็มเปี่ยมไปด้วยอุดมคติที่ห่างไกลจากชีวิตจริงนั้น
ฉันหัวเราะและยิ้มให้กับมัน

เธอว่า หัวเราะก็ได้ แต่อย่าได้คิดบังอาจที่จะล้อเลียน

(แท้จริงแล้วในขณะนั้น)
อาจเป็นภาระของเส้นด้ายแห่งความผูกพันเส้นหนึ่งที่ผูกมัดเราเข้า
ไว้ด้วยกัน
แหวนปลอมๆสักวงหนึ่ง (ก็คงได้)
หรือไม่ก็เรื่องสมมุติที่เราคิดจริงจังเกินไป

มีอยู่วันหนึ่ง ฉันบอกกับเธอว่า
ไม่ใช่ความรักหรอกที่บังคับให้คนเราต้องมอบถ้อยคำโกหกให้แก่กันและกัน
ไม่ใช่เธอ ไม่ใช่ฉัน แต่เป็นเรา (ความสัมพันธ์ของเรา)

ทุกวันนี้ เธอเป็นอย่างไรบ้างนะ ฉันเองสบายดี

.

อะไรที่ทำให้คุณเชื่อว่า
เพียงเพื่อวัดระยะห่าง
ระหว่างส่วนที่บอบบางที่สุดของคุณ
กับโลกซึ่งเต็มไปด้วยประสบการณ์ที่ไม่ยุติธรรม
คือเรี่ยวแรงที่มากพอ
จะทำลายกำแพง
ซึ่งขวางกั้นระหว่างคุณ
กับอนาคตของเรา
กำปั้นโง่ๆ
ซึ่งไม่เคยทำให้
คุณรู้สึกติดค้างกับตัวเอง

.

คิดหรือว่า ฉันไม่เคยทบทวนถึงมันอีกเลย
คิดหรือว่า ฉันไม่ได้ใช้เวลาทุกวันเพื่อค้นหาคำตอบ
คิดหรือว่า ความสงสัย
แม้แต่เพียงเล็กน้อย
ซึ่งเพียงพอจะทำให้ฉันหยุดหายใจ
ก็ไม่สามารถยุติความสงสัยที่มีต่อคนอย่างนายได้อีกเลย
ไม่ง่ายเลยจริงๆ
เมื่อต้องทำใจกับความจริงที่ว่า
ครั้งหนึ่ง
เราจะกลับมาเจอกันอีกด้วยมุมมองที่เป็นผู้ใหญ่มากขึ้น
แม้ว่ามันจะช้ามากเกินไปแล้วก็ตาม

เหมือนกับว่า
ยังมีเรื่องราวที่ค้างคาอยู่ในบทสนทนา ตั้งแต่วันที่เรายังไม่รู้จักกัน
นายจึงมิใช่คนที่เงียบขรึมเก็บตัวเช่นเดียวกับที่คนอื่นรู้จัก

.

ยากเกินไปที่คนเราจะสามารถเข้าใจความรักได้อย่างถูกต้อง
หากเมฆหมอกยังหนาทึบเกินไป
แว่นที่เธอสวมใส่
ภาพที่พร่าเลือน
ความรักของเรา
ตกลงมา
เหมือนฝันร้าย
ฉันและเธอ
ร่วงหล่นลงไป

บางที ฉันอาจเสียเวลามากเกินไปกับการหัวเราะและร้องไห้
บางที เธออาจเสียเวลามากเกินไปกับเรื่องที่ยากเกินเข้าใจ

เมฆหมอกยังคงหนาทึบเกินไป
เรื่องราวที่เมื่อผ่านพ้นไปแล้วจึงเข้าใจได้ดีขึ้น

เหมือนการตื่นขึ้นในวันที่สายเกินไป
ฉันยังอยากกุมมือเธอ
แต่ไม่เคยต้องการ
สูญเสียสิทธิ์ในตัวคุณ

เช่นเดียวกับเพื่อนคนหนึ่ง
เช่นเดียวกับความฝันหนึ่ง
มีเราร่วมกัน
ร้องเพลงร่วมกัน
ร้องไห้ร่วมกัน

เพลงที่ร้องเป็นดุจดั่งความสัมพันธ์ของพวกเรา

เวลาเช่นนี้ เมื่อเป็นเช่นนี้
คำพูดช่างดูเหมือนเส้นทางที่ดูสับสน
ไม่อาจควบคุม
ฉันจะทำเช่นไร

เมฆหมอกยังคงหนาทึบเกินไป
เรื่องราวที่เมื่อผ่านพ้นไปแล้วจึงเข้าใจได้ดีขึ้น

เป็นเช่นเดียวกับเพื่อนคนหนึ่ง
เป็นเช่นเดียวกับความฝันหนึ่ง
เรามีร่วมกัน
เพลงที่ร้องร่วมกัน
น้ำตาที่ใช้ร่วมกัน

ถูกแล้ว ถ้าหากคุณจะพูดว่า
ที่สุดแล้ว วันหนึ่ง คนเราจะสามารถเข้าใจมันได้อย่างถูกต้อง
ถูกแล้ว ถ้าหากคุณจะพูดว่า
ที่สุดแล้ว วันหนึ่ง คนเราจะสามารถเข้าใจความรักได้อย่างถูกต้อง

ไม่เคยต้องการสูญเสียในตัวคุณ
ยังอยากกุมมือคุณ
แต่บางที คนเราก็มัวแต่ไขว่คว้า
บางสิ่งที่ยากเกินเข้าใจ

เป็นธรรมดาอยู่เองที่วันหนึ่งจะกลายเป็นอีกวัน
เป็นธรรมดาอยู่เองที่วันนี้จะถูกลืมเลือนไปในที่สุด

ถูกแล้ว ถ้าหากคุณจะพูดว่า
ที่สุดแล้ว วันหนึ่ง คนเราจะสามารถเข้าใจมันได้อย่างถูกต้อง
ถูกแล้ว ถ้าหากคุณจะพูดว่า
ที่สุดแล้ว วันหนึ่ง คนเราจะสามารถเข้าใจความรักได้อย่างถูกต้อง
บางทีอาจเป็นฉันเองที่ตื่นขึ้นมาในวันที่สายเกินไป
ฉันตื่นขึ้นมาในวันที่สายเกินไป
ฉันกำลังมองคุณอย่างตั้งใจ
คุณกำลังมองฉันอย่างตั้งใจ

.

คุณรู้สึกอย่างไรบ้าง
ฉันยังถามตัวเอง

แม้ว่าเรื่องของเราจะผ่านมาเนิ่นนานแล้วก็ตาม

คุณเป็นอย่างไรบ้าง

โดดเดี่ยวเดียวดาย ในทะเลและผู้คน
ที่นั่น ใบเรือและทิศทางของคุณ
ยังคงมุ่งไปข้างหน้าหรือเปล่า

การเดินทางครั้งต่อไปล่ะ
ในเป้และสมุดบันทึกการเดินทางจะเขียนถึงใคร

คนที่เดินโดดเดี่ยวเดียวดายในเมฆหมอกและเงาฝนไม่สมควรเป็นเธอ

ฉันเป็นเพียงคนเดียวใช่ไหมที่รู้ดีว่า
ความรู้สึกเขินอายซึ่งเกิดขึ้นจากการเปลี่ยนแปลงเชิงกายภาพแบบกระทันหันนั้น
สร้างผลกระทบเพียงใดกับเธอ

ฉันเป็นเพียงคนเดียวใช่ไหมที่รู้ดีว่า
ดวงหน้าอันอ่อนเยาว์นั้น
ยังเป็นเค้าโครงหน้าที่ไม่สมบูรณ์แบบ

ฉันเป็นเพียงคนเดียวใช่ไหมในสถานที่เดิมของเรา
ซากปรักหักพังของความหลังที่เธอไม่เคยย้อนกลับมาดูแล

ฉันเป็นเพียงคนเดียวใช่ไหมที่รู้ดีว่า
ความปรารถนาของคนที่ยังไม่เคยรู้จักความรัก
ย่อมไม่มีที่ว่างให้แก่สิ่งใด

คุณเป็นอย่างไร
คุณรู้สึกอย่างไรบ้าง

ฉันยังถามตัวเอง

แม้ว่าเรื่องของเราจะผ่านมาเนิ่นนานแล้วก็ตาม

.

การปฎิเสธเริ่มกลายเป็นหนทางหนึ่งในการเรียกร้องตัวตนที่ตัวคุณเองก็ยังไม่รู้แน่ชัดว่าคือสิ่งใด

.

ปรารถนาจะเข้าใจในรสชาติของมะม่วง แต่ไม่รู้จักการรอคอย

.

เมื่อได้รับแต่โอกาส
สิ่งต่างๆจึงดูเหมือนไร้ค่า
เธอจึงไม่จำเป็นต้องอดทนต่อสิ่งใด
กรีดร้องอย่างง่ายๆ
ตระหนกอย่างง่ายๆ
ยอมเป็นลูกนกกระปลกกระเปลี้ยของชายหนุ่มผู้มีจิตใจอ่อนไหวแต่ตื้นเขินสักคนหนึ่ง
ใช้เล่ห์กลแห่งจริตมารยาสักส่วนเสี้ยวหนึ่ง
รำคาญก็แต่ผู้คนมากมาย
เฝ้ามาคุกเข่าอ้อนวอนขอร้องเธอ

ไม่ยาก
เธอก็ตระหนักซึ้งในความจริงข้อนี้
แดดในฤดูหนาวดูอุ่นกว่าความเป็นจริงเสมอ
ความเหงาทำให้คนเราเข้าใจความปรารถนาผิดๆว่าเป็นความรัก
แต่นั่นก็ด้วยว่าเธอ
ยังไม่เคยตระหนักต่อสิ่งจริงแท้จริงๆเลยสักสิ่ง

น่าเสียดาย
เมื่อได้รับแต่โอกาสมากไป
เธอก็คอยแต่จะปฎิเสธมัน
การพูดว่าไม่
ได้กลายเป็นชัยชนะส่วนตัวเล็กๆน้อยๆ
ที่ทำให้เธอเข้าใจตัวเองมากกว่าที่จะพยายามเข้าใจใคร
โลกอาจกว้าง แต่เธอกลับเห็นทุกสิ่งอย่างง่ายดายเหมือนแค่พลิกฝ่ามือ

.

ถูกแล้ว ในที่สุดเราก็มาถึง
ตอนนี้ เวลานี้
อุโมงค์แห่งกาลเวลาอันแสนไกล
ไม่น่าเชื่อ เราจะผ่านพ้น
พื้นผิวแห่งกาลเวลาอันขรุขระและหยาบระคายเหล่านั้นมาได้
อนาคตซึ่งเคยเป็นสถานที่อันห่างไกล
กลับมาอยู่บนฝีเท้าที่กำลังมุ่งไปข้างหน้าในขณะนี้ได้เสียที

.

ผู้ชายของคุณควรภาคภูมิใจกับวิธีที่คุณปฏิเสธทุกคำร้องขอและเว้าวอนซึ่งมีต่อคุณตลอดมา
คุณมีวิธีรับมือกับปัญหาแบบนี้อย่างไร
อะไรที่ทำให้ดวงตาคู่หนึ่งแน่วแน่ตรงไปข้างหน้าโดยที่ไม่มีสิ่งใดสามารถเปลี่ยนแปลงมันได้

.

เท่าที่ฉันเข้าใจ
อาชญากรรมสีขาว
กับการโกหกเล็กๆน้อยๆ
เป็นเรื่องที่เหมาะสมแล้ว สำหรับคนที่โตเต็มวัย
เป็นเรื่องที่เหมาะสมแล้ว สำหรับคนที่รู้จักพลิกแพลงความไร้เดียงสาเพื่อปกปิดความผิดได้อย่างแนบเนียน
ส่วนเธอจะยึดถือความสัตย์ซื่อจริงใจอยู่อย่างเหนียวแน่นนั้น
มันก็เรื่องของเธอ

.

เธอไม่รู้ว่า ความเฉยเมย อาจแทนคำว่าขอบคุณ
เธอไม่รู้
และยิ่งไม่รู้ว่า
อ้อมกอดที่ไม่สามารถทำให้หัวใจเต้นแรง
อาจคือ
คำมั่นสัญญาที่เต็มไปด้วยความไว้วางใจ

.

ปลอมตัวเข้าหากันและกัน เป็นตัวปลอมของตัวจริงทั้งที่ยังไม่รู้จักตัวตนของตัวเอง

.

เกรงว่าคุณจะติดค้างอยู่ในวันเวลาเหล่านั้นจนไม่อาจถอนตัว เกรงว่าเธอจะตามหาหัวใจตัวเองไม่เจอ

.

ในทางเป็นจริง
'อันนา คาเรนินา' ฉบับปกแข็งที่คุณเที่ยวถือไปที่นั่นที่นี่
คงไม่มีอยู่อีกต่อไปแล้วจริงๆ
เช่นเดียวกับจูบที่มีรสขมของบุหรีที่คุณเคยสูบ

จดหมายที่ปราศจากรักฉบับนี้ จะยังคงเป็นจดหมายที่คู่ควรกับการอ่านของคุณอยู่หรือเปล่านะ
ความรักที่ปราศจากคุณเล่า จะยังถือว่าเป็นความรักอยู่หรือไม่
ที่รัก
รู้ใช่ไหม..
ลายมือของฉัน
ผูกพันกับการอ่านของคุณ

.

เหมือนประภาคารที่เลื่อนลอยของท่าเทียบเรือ
เหมือนฝูงปลาของเสียงตะโกนโหวกเหวกที่พัดมากับลม
เหมือนธงที่ซ่อนรสเค็มของเกลือเอาไว้
เหมือนหาดทรายที่ทบทวนบังกะโลซอมซ่ออยู่ในความคิดคำนึง

.

เธอว่า
มีคนมาจีบ
แต่ไม่มีใครฉลาดเท่าเธอ
แบบเธอ
อาจเป็นเหตุผลที่ยากแก่การเข้าใจ
แต่ก็เป็นธรรมดาอยู่เอง
หากโชคชะตา
จะไร้ซึ่งแผนการ

เธอว่า
เป็นเพราะกันไรกันนะ
เพียงแค่มองหน้าคุณ
ก็รู้สึกเจ็บ
เจ็บทั้งที่ไม่เคยรู้จักกันมาก่อน
เป็นเพราะอะไร
เป็นเพราะอะไร

.

กระโปรงสีฟ้า
การเปลี่ยนแปลงอย่างถึงรากซึ่งจะกัดกินคุณจากด้านใน

.

เขียนถึงความลังเลที่จะยิ้มอย่างเขินอายของเธอ
เขียนถึงคิ้วที่คมคายและกินความหมายอย่างลึกซึ้ง
เขียนถึงจูบแรกอันดื่มด่ำที่รสชาติของมันไม่มีวันถูกจับผิดได้

.

อาจเป็น
อ้อมกอดที่มีรสชาติเฉพาะแบบหนึ่ง
รสขมของความผิดหวัง
อาจเป็น
เส้นคิ้วที่ผยองหยิ่งไว้ตัว
เรือนผมที่ติดกลิ่นชื้นของหญ้าแห้งหลังฝนหมาด
อาจเป็นที่ไหนสักแห่งหนึ่ง
จูบที่ไม่มีเธอ กลับกลายเป็นเพียงการตอบสนองที่ตื้นเขินของร่างกาย

.

คุณคือทั้งหมด และแยกออกจากตัวคุณเองมิได้
ผมคือทั้งหมด และแยกออกจากตัวเองไม่ได้
ผมรู้จักปะการัง แต่ไม่รู้จักมหาสมุทรที่ดำดิ่งลงไป
จูบของคุณ ซึ่งกำหนดขอบเขตว่าอะไร ที่ผมเรียนรู้ได้บ้าง และอะไร ที่ผมไม่สามารถเรียนรู้ได้
ความรักของผม ซึ่งกำลังแสดงออกถึง ขอบเขตของความขาดแคลน ภาษา ที่จะกลายเป็นข้อจำกัดในตัวเอง
เมื่อต้องอธิบาย คุณก็จะรู้ว่า มันไม่จำเป็น
คุณคือทั้งหมด และแยกออกจากตัวคุณเองมิได้
ผมคือทั้งหมด และแยกออกจากตัวเองไม่ได้
ผมรู้จักปะการัง แต่ไม่รู้จักมหาสมุทรที่ดำดิ่งลงไป

.

บ้างก็ว่ากันว่า เพียงแค่เอ่ยชื่อของฉัน คุณก็ยิ้มขึ้นมาได้อย่างไร้สาเหตุ

.

เหน็บหนาวเหลือเกิน น้ำตาไม่มีที่ว่างให้กับมหาสมุทรใดๆอีกต่อไป
ผมควรอนุญาตให้ตัวเองเชื่อต่อไปดีไหมว่า
ทำไม
ภายใต้ความสัมพันธ์
จึงยังรู้สึกโดดเดี่ยว
แม้ว่าจะได้อยู่ร่วมกัน
ยังมีอะไรอีก
ที่เป็นเหตุผล ให้เราใช้ชีวิตด้วยกันต่อไป

เหน็บหนาวเหลือเกิน น้ำตาไม่มีที่ว่างให้กับมหาสมุทรใดๆอีกต่อไป
ไปต่อด้วยกัน
โดยไม่รู้อีกแล้วว่าตัวเองเป็นใคร
ทำไมเราจึงต้องสูญเสียตัวเองไปภายใต้วันเวลาที่ไม่สามารถพูดได้ว่าไร้ความหมายเหล่านี้
ไปต่อด้วยกัน โดยไม่รู้อีกแล้วว่า ใครคือเธอ
ความสัมพันธ์ของเรา
คุณว่า คุณไม่เคยอนุญาตให้จูบ
ผมลังเล และถามว่า ถ้าแบบนั้น...
จะสามารถเรียกมันได้ว่า 'จุมพิต' แล้วแบบไหนกันแน่ ที่เรียกได้ว่า
ความรักของเรา
เหน็บหนาวเหลือเกิน เหน็บหนาว เหน็บหนาว เหน็บหนาว
เหน็บหนาวเหลือเกิน น้ำตาไม่มีที่ว่างให้กับมหาสมุทรใดๆอีกต่อไป

ทำไมจึงยังรู้สึกโดดเดี่ยว ถึงแม้ว่าเราจะอยู่ด้วยกัน
ใช่ไหม ทำไม จะต้องพบกันโดยเหตุบังเอิญทุกครั้งไป
อะไรที่ทำให้ กำแพงแห่งความเป็นไปได้เหล่านั้น พังทลายและพร่าเลือน
ท่ามกลางสายฝนที่ปรากฎขึ้นตรงหน้า
โชคชะตาของคุณ กับผม
ซึ่งกลายเป็นแรงกระตุ้นด้านมืดที่เราต่างก็
ไม่อาจปฏิเสธมัน
เหน็บหนาวเหลือเกิน เหน็บหนาว เหน็บหนาว เหน็บหนาว
เหน็บหนาวเหลือเกิน เหน็บหนาว เหน็บหนาว เหน็บหนาว
เหน็บหนาวเหลือเกิน เหน็บหนาว เหน็บหนาว เหน็บหนาว

.

คุณใช้อารมณ์สิ้นเปลืองเกินไป
คุณใช้ความรู้สึกสิ้นเปลืองเกินไป
คุณรู้สึกมากเกินไปทั้งที่ความรักบางรูปแบบไม่คู่ควรกับคุณ
คุณเจ้าอารมณ์มากเกินไป
ทั้งที่ความหยาบคายบางรูปแบบไม่คู่ควรกับอุปนิสัยของคุณ

.

เธอว่า
แค่อยากจะหลีกให้พ้นไป
จากความคิดแบบนี้
สายตาแบบนี้
แม้ว่าจะต้องแสดงออกอีกแบบหนึ่งก็ตาม

เธอว่า
ไม่มีอะไรสักอย่าง
ที่โดดเด่นจนทำให้
ต้องจดจำคุณได้
ตั้งแต่ในคราวแรก
ขอโทษด้วยจริงๆ
ความรู้สึกเจ็บ
ทั้งที่ไม่เคยรู้จักกันมาก่อน
คงใช้ไม่ได้กับคุณ

เธอว่า
มีคนมาจีบ
แต่ไม่มีใครฉลาดเท่าเธอ
แบบเธอ
อาจเป็นเหตุผลที่ยากแก่การเข้าใจ
แต่ก็เป็นธรรมดาอยู่เอง
หากโชคชะตา
จะไร้ซึ่งแผนการ

เธอว่า
เป็นเพราะกันไรกันนะ
เพียงแค่มองหน้าคุณ
ก็รู้สึกเจ็บ
เจ็บทั้งที่ไม่เคยรู้จักกันมาก่อน
เป็นเพราะอะไร
เป็นเพราะอะไร

ผมตอบ บาดแผลที่ไม่เคยรู้ว่ามีมาก่อน

.

ภาพเสมือนของหญิงสาวที่ตระกองกอดกระเป๋าหนังสือสีดำไว้แนบอกด้วยท่าทีกึ่งกล้ากึ่งกลัว
ยังคงสะท้อนอยู่ในกระจกบานเดิมอย่างไม่เคยเปลี่ยนแปลง
แม้ว่ามันจะผ่านมาแล้วกี่ปีก็ตาม

.

เอาเถอะ พูดในสิ่งที่คุณเชื่อ ยิ้มและหัวเราะเพราะรู้สึกอย่างลึกซึ้งเท่านั้นก็พอ

.

ถ้าการมองโลกในแง่ดี คือการหลีกเลี่ยงที่จะเผชิญหน้ากับความจริง
คงเป็นไปไม่ได้อีกต่อไป
ที่จะอธิบายถึงคุณ โดยไม่อธิบายถึงเธอ

.

ความน่าจะเป็นที่ไม่อาจยืนยันได้นี้
ลำดับของข้อเท็จจริงที่เปลี่ยนแปลงไปตามเงื่อนไขที่ถูกเพิ่มเติมเข้าไปโดยไม่มีใครตั้งใจทั้งสิ้น

.

บ้างก็ว่ากันว่า การเป็นคนอีกคนในเมืองใหญ่
เป็นเรื่องที่เข้าท่าอยู่ไม่น้อยเลยทีเดียว
อย่างน้อยก็สำหรับเธอ (หรือเขาในมุมมองของคุณ)

บ้างก็ว่ากันว่า คุณกำลังไปได้ดี ในเมืองใหญ่
ความสุภาพที่แสนจะป่าเถื่อน
ได้กลายเป็นคราบไคลหนึ่ง
ซึ่งผนึกแน่นกับธาตุแท้
ซึ่งอ่อนโยน ก็แต่โดยรูปแบบ ของคุณได้เป็นอย่างดี

.

อนาคตที่น่าเบื่ออย่างชัดเจนรออยู่ในหัวของเธอแล้วชั่วชีวิต-ชั่ว
ชีวิตของผู้มีพรสวรรค์อันพิเศษและแปลกประหลาดลึกซึ้งซึ่งฉันไม่เคยเข้าถึงมันมาก่อน

.

ยังคงค้นหาเธอ
เธออีกคนที่อยู่ลึกลงไปและยังไม่ผลิบาน

ในความมืดที่ลึกและชื้น
เธอกำลังสะสมกำลังเพื่อที่จะแทรกตัวเองขึ้นมา
เปลือกที่แข็งและหนาเหล่านั้นจะหงายขึ้นหรือคว่ำลงกันแน่นะ
พังผืดและกรงเล็บเหล่านั้นจะผายออกหรือว่ากอบกำอย่างเดียวดาย

.

เหมือนขนสีดำ บนผิวกายสีขาวของคุณ
นกกระสาตัวหนึ่ง
ไม่อาจเข้าใจว่าเป็นเพราะเหตุใด

เหมือนจักรวาลเคว้งคว้างแหว่งวิ่น
ด้วยร่องรอยกัดแทะของแมลงตัวเล็กๆที่ผลแตงโม

เหมือนเธอกับฉัน
หลังความเมามาย
ความเป็นจริงกลับกลายเป็นสิ่งที่ไม่อาจเผชิญ

ดวงดาวสุกสว่างกว่าเมืองทั้งเมือง
เป็นไปได้อย่างไร

ความเห็นแก่ตัวชนิดไหนกันที่จะกลายเป็นความเสียสละที่มีคุณค่าต่อคุณได้

เวลานานเท่าใด
จึงมากเพียงพอสำหรับเหตุผลที่จะลืม

ใครกันยอมตายเพื่อความหลงใหลแม้เพียงเล็กน้อยที่มีต่อคุณ

อยากเดินไปจนสุดถนนที่วุ่นวายแห่งนี้
เอียงๆ แถๆ
คล้ายแกนที่เอนทำมุมกับโลก

คืนนี้ อุณหภูมิเกือบติดลบในหัวใจ คล้ายปิศาจที่โผล่ขึ้นจากหลุมที่ถูกลืม

เหมือนขนสีดำ บนผิวกายสีขาวของคุณ
นกกระสาตัวหนึ่ง
ไม่อาจเข้าใจว่าเป็นเพราะเหตุใด

อยากเดินไปจนสุดถนนที่วุ่นวายแห่งนี้

ความเห็นแก่ตัวชนิดไหนกันที่จะกลายเป็นความเสียสละที่มีคุณค่าต่อคุณได้
ใครกันยอมตายเพื่อความหลงใหลแม้เพียงเล็กน้อยที่มีต่อคุณ

.

เธอบอกว่า ไม่มีใครไม่เคยพลาดพลั้ง
ขอบคุณที่ปกป้อง ความฝันของเธอตลอดมา
เธอว่า ความหวัง รวมทั้งความปรารถนาที่คุณเคยแบกมันเอาไว้
จากนี้
คงไม่จำเป็น
จะต้องไปให้ถึงจนสุดทาง
ฉันว่า เธอคงดูไม่ออก
ทั้งยังต้องแสร้งทำสุดชีวิตว่าสบายดี
ที่เธอเคยบอกว่ารู้จักฉัน
บัดนี้
ไม่ใช่ข้อเท็จจริงอีกต่อไป

.

อยากรวบเธอกลับเข้ามาอยู่ในอ้อมกอดที่เธอเคยเชื่อมั่นอีกครั้งหนึ่ง
อยากทำความเข้าใจ
ส่วนที่ซับซ้อนที่สุดซึ่งซุกซ่อนอยู่ภายในแววตาที่มีประกายหม่นหมองของเธอ

เริ่มทำความเข้าใจเธอจากด้านที่มืดมนที่สุด
ค่อยๆรักเธอจากแง่มุมที่กระด้างและหยาบระคาย

.

ใบมีดคมกริบ
บาดแสงกระเจิง
ที่ปลายขอบแหลมคม

.

บทกวีที่ดี คือการปฏิเสธตัวเอง ถ้ามันเป็นแนวคิด มันก็เป็นแนวคิดที่ หมกมุ่นอยู่กับการทำให้ความสามารถอันโดดเด่นของตัวเอง เป็นเรื่องที่ไม่สำคัญ
ถ้ามันเป็นความเชื่อ มันก็เป็นความเชื่อที่ เรียกร้องต้องการมากเสียยิ่งกว่า สิ่งที่มันได้แสดงออกไป
บทกวีที่ดี คือการปฏิเสธ ถ้ามันอยากเล่า เรื่องเล่าในจังหวะจะโคนของมัน จะกลายเป็นอมตะ
แต่ความเป็นอมตะ ไม่รู้จักความล้มเหลว
ฉะนั้นคุณค่าของคำถามที่มีต่อความสมบูรณ์แบบ
จึงไร้จุดบกพร่อง
(แต่ก็อย่างที่บอก สิ่งที่ผมเอ่ยกับคุณ ไม่ได้หมายความตามที่พูด เช่นกัน บทกวี ก็ไม่ได้หมายความตามที่เขียน)
บทกวีที่ดี คือการปฏิเสธ ทุกสิ่งที่มีมาแล้วก่อนหน้า
แต่ถ้ามันนึกสนุก อารมณ์ขันแบบที่มันมี จะเปิดเผยโลกอีกใบหนึ่ง ซึ่งความขรึมเคร่งจริงจัง
ไม่เคยเข้าถึงมันมาก่อน
บทกวีที่ดี คือการปฏิเสธตัวเอง ถ้ามันบอกเล่า มันจะบอกเล่าด้วยประโยคปฏิเสธ
ถ้ามันตั้งคำถาม มันจะเป็นคำถามของขบท
บทกวีที่ดี คือการปฏิเสธรูปแบบเดิมๆ ถ้ามันบอกเล่า มันจะบอกเล่าด้วยประโยคที่ไม่เป็นรูปประโยค
ถ้ามันตั้งคำถาม เราจะผิดหวังที่ แม้แต่อุดมคติสูงสุดของมัน ยังตกอยู่ในห้วงอันตราย

.

บรรทัดที่มองเห็นปีนกำแพงกลับเข้าไป
เป็นพลซุ่มยิง

.

อุปมาคือกายกรรมของคุณศัพท์
หล่นลงจากบาร์สูงอย่างไร้ฝีมือ
ผมคือนักยิมนาสติกไร้เหรียญ

.

ไส้ดินสอ

ผมรู้
มีไร่นาและฟักทองที่ยังไม่ได้เขียน

.

คือดวงอาทิตย์ ที่ถูกยิงตกลงมาด้วยฝีมือของนายพรานผู้มีเจตนาล่านก คืออาหารที่ย่อยจากปากทศกัณฑ์สิบเศียร ที่มีเพียงลำคอเดียว กระเพาะเดียว ทวารเดียว คืออำนาจและความลับ ที่ถูกเก็บงำไว้ในไส้ดินสอแท่งใดแท่งหนึ่ง ซึ่งวางอยู่บนโต๊ะ ในห้องอ่านหนังสือ ของนักเขียนผู้เกียจคร้าน คือเวลากลางวันที่ไม่อาจบรรยายบรรยากาศของเวลากลางคืน ด้วยแสงสว่างของเวลากลางวัน คือการพูดถึงสิ่งหนึ่งซึ่งสำคัญ โดยทำเสมือนหนึ่งว่าไม่พูด

.

ลองจินตนาการถึงภูเขาน้ำแข็ง ที่ดูปลอมอย่างยิ่ง และเฉิดฉายอย่างยิ่งดูสิ
ลองจินตนาการถึงภูเขาน้ำแข็ง ที่ครึ่งหนึ่งของมันดูสมจริงอย่างยิ่ง และอีกครึ่งหนึ่งของมันดูปลอมอย่างยิ่งดูสิ
ภูเขาน้ำแข็งที่กลายเป็นเพียงภาพถ่าย
และต่อมากลายเป็นภาพขาวดำ
หรือครึ่งขาวดำและครึ่งสี
ภูเขาน้ำแข็งที่กลายเป็นภาพวาด
ภาพวาดที่บังคับผ่านคำบรรยายให้อ่านจากขวาไปซ้ายแบบเดียวกับมังงะ
ภาพวาดที่บังคับผ่านบทพรรณนาให้อ่านจากบนลงล่างแบบเดียวกับมันฮวา
ภูเขาน้ำแข็งกลางป่าดิบชื้นของความทรงจำ
ภูเขาน้ำแข็งในสุสานของความฝันอันชวนหลอกหลอน
ที่ซึ่งเส้นสายของมันพร่าเลือน
และที่ซึ่ง รูปทรงของมัน สูญเสียความเป็นไปได้ที่จะด่วนสรุปว่า มันไม่ใช่ และมันไม่เคยเป็น
ภูเขาน้ำแข็งที่เรียกตัวเองว่าภูเขาน้ำแข็งไม่ได้อีกต่อไป
ภูเขาน้ำแข็งในแบบที่ทำให้เราค่อยๆสูญเสียความสุขและความสุขุมแบบง่ายๆของผู้ใหญ่ไป
ภูเขาน้ำแข็งในประโยคที่สั้นกระชับของเฮมมิ่งเวย์
ภูเขาน้ำแข็งที่คอยแต่จะล้นเกินของมูราคามิ
ภูเขาน้ำแข็งในแบบที่นิยามของมัน ไม่สอดคล้องกันกับ ภาพพจน์ของมันที่ปรากฎอีกต่อไปแล้วจริงๆ

รำลึก A Clean, Well-Lighted Place และ Cat in the Rain , เออร์เนสต์ เฮมิงเวย์ ( 1899-1961 )

.

เธอบอกว่า ไม่มีใครไม่เคยพลาดพลั้ง
ขอบคุณที่ปกป้อง ความฝันของเธอตลอดมา
เธอว่า ความหวัง รวมทั้งความปรารถนาที่คุณเคยแบกมันเอาไว้
จากนี้
คงไม่จำเป็น
จะต้องไปให้ถึงจนสุดทาง
ฉันว่า เธอคงดูไม่ออก
ทั้งยังต้องแสร้งทำสุดชีวิตว่าสบายดี
ที่เธอเคยบอกว่ารู้จักฉัน
บัดนี้
ไม่ใช่ข้อเท็จจริงอีกต่อไป

.

ความหดหู่แปลกๆที่พัดมาทิ่มแทงอยู่ตลอดเวลา ร่องรอยของความสุขอันเป็นแก่นแท้เดียวที่จะสามารถปรากฎขึ้นได้ในชีวิตของเธอ อยู่ที่ใด

.

มาหลบอยู่ที่นี่นี่เอง

คำว่า ‘โชคดี’ เล็กๆน้อยๆ
ที่เธอรอคอยตลอดมา

ไม่ใช่เพราะเคยเป็นคนที่รู้จักกันอย่างลึกซึ้งมาก่อนหรือ
ไม่ใช่ฉันหรอกหรือที่เชื่อมั่นในตัวคุณอย่างลึกซึ้งตลอดมา

เพราะเหตุใดความเป็นมนุษย์ที่ซับซ้อนในรูปแบบที่เธอเคยเป็นจึงถูกปฏิเสธตลอดมา
เพราะเหตุใดความรู้สึกเข้าใจอย่างลึกซึ้งที่คุณไม่เคยได้รับมาก่อนจึงมีค่ากับคุณยิ่งกว่าสิ่งใด

.

ต้องใช้เวลานานเท่าไรกว่าที่ความรู้สึกซึ่งเชื่อมั่นในตัวเองอย่างลึกซึ้งของเธอ
จะค้นพบอีกแง่มุมซึ่งอ่อนแอและเปราะบางของตัวมันเอง

.

(ด้วย)เกรงว่าความเกลียดชังจะไปขวางกั้นคุณไว้ระหว่างสิ่งที่สมควรทุกข์ใจที่สุดกับสิ่งที่ทำให้คุณยิ้มกว้างจนสุดขอบโลก

.

ไม่มีใครถามว่าคุณเหนื่อยไหม มีแต่คำสั่งที่ว่า “ รีบทำให้มันเร็วๆ หน่อย “
ไม่มีคำพูดว่ารักคุณ มีเพียงแต่คำว่า 'ขอบคุณ' ซ้ำไปซ้ำมา

ความเคารพ เมื่อมันไม่ใช่ความรัก
จะอย่างไร คุณก็เป็นแค่คนที่น่าสงสารคนหนึ่งเท่านั้นเอง

แน่นอน แม้ว่า ในภายหลัง
คุณอาจบอกกับตัวเองว่า ความไม่เข้าใจที่ไร้สาระ และความหมกหมุ่นไร้ค่าในครึ่งแรกของชีวิตคุณ
ล้วนเกี่ยวข้องกันอย่างแยกไม่ออก
กับช่วงเวลาถัดมา

เมื่อสามารถยอมรับการเข้ามาและจากไปของทุกคน
ในไม่ช้า คุณก็จะชาชินไปเอง

.

ไม่มีคำถามสำคัญที่ยังต้องการคำตอบ
ไม่มีความปรารถนาที่จำเป็นต้องบรรลุ
ไม่มีสิ่งที่ยืนอยู่ตรงข้ามกับจุดยืนที่คุณเชื่อมั่นตลอดมาอีกต่อไป

.

ฉันคิดว่า
ฉันค้นพบวิธีการที่มีค่า
มีคำสั่งซ่อนอยู่
ในวิธีการที่จะ
เป็นคน

.

คุณที่บอกกับฉันเองว่า ผู้ชายที่มุ่งมั่น
คือผู้ชายที่เท่ห์ที่สุด
ขนาดหัวใจ
น้ำหนักที่คุณแบกทาน
โลกทั้งใบ
คุณว่า ทุกสิ่งจะไม่เป็นไร
คุณจะทำทุกอย่างเพื่อการเสียสละอันไม่มีสิ้นสุดเช่นนี้ตลอดไป

.

ขอให้ฉันได้เกาะกุมมือที่มุ่งมั่นของคุณ
หัวใจที่กล้าหาญอย่างบริสุทธิ์ใจนั้น
ไม่ใช่สิ่งของหาง่ายในโลก
ฉันจะเรียนรู้วิธีใช้มัน เหมือนที่คุณเรียนรู้วิธีที่จะพูดมันออกมา

.

ในเมื่อคุณเองก็ผ่านโลกมามากขนาดนี้
คงแยกแยะได้อยู่หรอกว่า
คำพูดซึ่งปฎิเสธน้ำใจและไมตรีอย่างสิ้นเชิงนั้น
แตกต่างกับรหัสลี้ลับซึ่งซ่อนตัวอยู่อย่างแนบเนียนภายใต้คำว่า ไม่ และ ใช่
อย่างไร
หรือว่าความรักสามารถทำให้ผู้ชายกลายเป็นเด็กหนุ่มที่สิ้นคิดได้ทุกคน

.

ท่าทีกร้านโลกเสียเต็มประดา
แท้ที่จริงก็เป็นแค่
ปาหี่ลวงโลก
ซึ่งเราต่างก็เบื่อหน่ายเต็มทน
ไม่ตายไปจากความดีงาม
ก็เกิดขึ้นใหม่ในร่างเดิม
ทำไมจึงต้องผิดหวังและเก็บซ่อนน้ำตาไว้
ภายใต้ความรู้สึกที่ยากจะทานทน

.

ครั้งสุดท้ายคือเมื่อไร เธอถาม
ครั้งสุดท้ายที่หน้าแดงและใบหูชา
พูดอะไรออกไป
ก็ไม่ได้ยิน

ไม่ทันระวัง เธอว่า
ช่องว่างที่เว้นห่างไว้
ระหว่างฉันกับเธอ
กลับกลายเป็นสิ่งตื้นเขินไร้ค่า

ไม่ทันระวัง
จูบที่ดื้อดึง
กลับกลายเป็นการตอบสนองที่ทำให้เธอเข้าใจในตัวฉันแบบผิดๆตลอดไป

ที่จริงแล้ว เธอย้ำ
ฉันคงคิดมากเกินไป
เพียงเพราะหัวใจไม่เคยเต้นแรงแบบนี้มาก่อน

ไม่อาจทำให้ความรักปรากฏตัวเป็นจริงขึ้นมาได้
สูญเสียทั้งการควบคุมและการตอบสนองที่ทำให้เด็กหนุ่มคนหนึ่งเข้าใจผิดๆเกี่ยวกับตัวเธอตลอดไป

หัวใจเต้นแรงใช่ไหม เธอถาม
หน้าแดงและใบหูชา
โดยเฉพาะตอนที่แนะนำฉันกับเพื่อนๆของเธอ

ครั้งแรกที่บ้าคลั่งเพราะความรักคือเมื่อไร
ครั้งสุดท้ายที่หน้าแดงและใบหูชา
พูดอะไรออกไป
ก็ไม่ได้ยิน

.

หัวใจที่สูบฉีดเอาความภาคภูมิใจแบบเทียมๆขึ้นมาหล่อเลี้ยงอีกซีกด้านของมันเองที่ทั้งตายด้านและจอมปลอม
รอยยิ้มที่ไร้ริ้วรอยยับย่น
ใบหน้าที่อ่อนกว่าวัยและแสดงความรู้สึกไม่ได้ของเธอ

.

ในที่สุดเธอก็ค้นพบว่า การรักษาระยะห่าง เพื่อทำให้ตัวเอง อยู่ในจุดที่ได้เปรียบนั้น เป็นสิ่งที่เกือบจะไม่ต้องใช้ความพยายาม
ในที่สุดเธอก็ค้นพบว่า แต่กับการรักษาระยะห่าง ซึ่งมากพอจะไม่ทำให้เธอต้องเจ็บปวดอีกต่อไป (หรือกระทั่งสูญเสียความสามารถในการควบคุมตัวเอง)
ว่ากันที่จริง เป็นสิ่งที่เธอไม่เคยคาดคิดมาก่อนเลยด้วยซ้ำไป

.

เป็นไปได้ด้วยว่า บาดแผลสำหรับเธอในเวลานั้น คงมีความหมายเป็นแค่เพียง เครื่องประดับอย่างหนึ่งสำหรับคนที่ไร้ประสบการณ์

.

อะไรคือคุณค่าที่คุณยึดถือซึ่งถูกหล่อหลอมขึ้นภายใต้ทัศนคติที่เต็มไปด้วยความเกลียดชัง

.

แม้จะรู้ดีว่า เป็นโลกอีกใบหนึ่งซึ่งมีลักษณะครึ่งจริงครึ่งฝัน
และซ้อนทับอยู่กับโลกใบเดิม
แต่ก็อดเคลิ้บเคลิ้มไปกับความรู้สึกที่ทั้งสุขและทุกข์ทรมานเช่นนี้ไม่ได้

.

ใครจะไม่สามารถคาดเดารอยยิ้มแบบนั้นได้บ้างล่ะ

การมองตาแว่บเดียวแบบที่รู้กันเช่นนี้
ไม่ใช่กับใครทุกคนก็ได้

อย่ามั่นใจไปนักเลย
เธอกล่าวราวกับไม่ได้ยินเสียงคุณ

.

อารมณ์ลุ่มหลงที่ละเอียดอ่อนเช่นนี้ คงมีแต่เธอเพียงผู้เดียวที่แสดงออกได้อย่างถูกต้อง

.

ต้องไม่ลืมว่า
การมองเห็นตัวเองได้ชัดเจนกว่า
เป็นคุณสมบัติที่ดีของอดีต
ซึ่งแสดงผลลัพธ์อยู่ในปัจจุบัน
ที่ยังไม่รู้จักอนาคตของตัวมันเอง
การพรรณาอันสมบูรณ์แบบของรายละเอียดที่ชัดเจนบนโครงสร้างที่ยังไม่แน่นักว่าคืออะไรกันแน่
ย่อมมิใช่ความผิดของใครสักคน

ใครบ้างที่ไม่อยากรู้จัก ‘เธอ’
(แม้ว่า ‘เธอ’ จะเป็นตัวละครที่ลึกลับซับซ้อนและมีเสน่ห์มากกว่าที่จะเป็นคนจริงๆซึ่งตื้นเขินและน่าเบื่อหน่ายอยู่มากก็ตามที)
เหยียบย่ำเข้าไปในโลกเชิงซ้อนของความฝันที่โดดเดี่ยวและโหดร้ายของกลีบกุหลาบซึ่งยังไม่รู้จักหยาดฝนสักหยดเดียว
ที่นั่น ที่ตรงนั้น ที่นั่น ที่ตรงนั้น
ความเศร้าสร้อยที่ยังมีความโรแมนติกปะปนอยู่มาก
เหยียบย่ำเข้าไปในโลกเชิงซ้อนของความฝันที่โดดเดี่ยวและโหดร้ายของทุ่งร้างและหนามไหน่ซึ่งยังไม่รู้จักหยดเลือดสักหยดเดียวของชายชาตรี
ที่นั่น ที่ตรงนั้น ที่นั่น ที่ตรงนั้น

ความโดดเดี่ยวของเธอที่ยังมีความเพ้อฝันและความทะเยอทะยานปะปนอยู่ค่อนข้างมาก
พยับหมอกบนความสูญสลายของดวงแดดอันเป็นเต้ยแห่งจักรวาลอันลี้ลับซึ่งกำลังเปิดเผยตัวตนของเธอออกมาในทิศทางที่แม้แต่ตัวมันเองก็ไม่ยังเข้าใจ

ต้องไม่ลืมว่า การมองเห็นตัวเองได้ชัดเจนกว่า
เป็นคุณสมบัติที่ดีของอดีต
ซึ่งแสดงผลลัพธ์อยู่ในปัจจุบัน
ที่ยังไม่รู้จักอนาคตของตัวมันเอง
การพรรณาอันสมบูรณ์แบบของรายละเอียดที่ชัดเจนบนโครงสร้างที่ยังไม่แน่นักว่าคืออะไรกันแน่
ย่อมมิใช่ความผิดของใครสักคน

.

ทำไมฉันจะไม่รู้ล่ะว่า คบเพลิงที่เธอถือไว้ ขณะเดินฝ่าอุโมงค์มืดมิดยาวนาน มีความหมายต่อเธออย่างไร

.

เป็นไปได้อย่างไร
คุณยิ้มและพึงพอใจให้กับความพ่ายแพ้ของตัวเอง
มีอย่างที่ไหนกัน
คุณเป็น ‘พวกแพ้ไม่เป็น ‘ และเป็น ‘จอมยืนหยัด 100 %

.

ชีวิตที่ทำทุกอย่างเพียงเพราะคิดว่าเธอคงเฝ้าดูฉันอยู่ที่ไหนสักแห่งหนึ่ง
ไม่อยู่บนพื้นฐานความเป็นจริง
ไม่อาจแก้ไขเปลี่ยนแปลงอะไรได้ทันเวลา

แววตาที่ปราศจากพลังแบบนั้น
คือผลลัพธ์ของความปรารถนาที่ไม่เคยบรรลุในจุดประสงค์ของตัวมันเองใช่หรือไม่
เธอว่า บนโลกใบนี้ ประกอบไปด้วยคนสองจำพวก
หนึ่ง-คนที่แสร้งว่ายังมีชีวิตอยู่
และ
สอง-คนที่เสแสร้งว่าไร้ชีวิต

อะไรคือการโกหกอย่างมีหลักการต่อข้อเท็จจริงที่ว่า
วัยเยาว์ที่กำลังดิ้นรนและค้นหาอาณาจักรสุดท้ายและยุคสุดท้ายของมัน
กำลังจบสิ้นลง

.

สาเหตุใด ความฝันที่สำคัญที่สุด
จึงไม่ใช่เรื่องของตัวเอง
จึงไม่ใช่ความปรารถนาที่จะต้องบรรลุ
จึงไม่ใช่สิ่งที่จะต้องปฏิบัติให้ได้ในทันที

พูดให้เฉพาะเจาะจง 
คุณหมกมุ่นอยู่กับชัยชนะที่คุณไม่ได้ต้องการมันอย่างแท้จริง

.

ความกล้าหาญที่ตายไปแล้วของเธอ
ความฝันและปรารถนาที่เหี่ยวเฉาลงพร้อมๆความเป็นคนยิ้มยากที่ครอบครองเธออยู่อย่างเงียบๆและไม่ยอมเปลี่ยนแปลง
หัวใจที่เต้นช้าลงไปทุกที
จะทันหรือไม่
การเยียวยา
ที่เวลาไม่ช่วยอะไร

.

เยือกเย็นขึ้น
กระทั่งใกล้เคียงกับจิตใจที่เย็นชา
เลือดร้อนขึ้น
กระทั่งใกล้เคียงกับจิตใจที่อำมหิตไร้ความปราณี
ไม่ใช่เธอใช่ไหม ต้องไม่ใช่คนๆหนึ่งที่ฉันเคยรู้จักอย่างแน่นอน

.

คุณได้สูญเสียความหลงใหลชนิดหนึ่ง ซึ่งคุณเคยมีต่อเกม
ที่สามารถบีบคั้นคุณอย่างถึงที่สุดไปเสียแล้ว
น่าหวาดหวั่นใจอะไรเช่นนี้
ไม่มีอีกต่อไปแล้ว
ความกล้าที่โง่เขลา
ไม่มีอีกต่อไปแล้ว
ความขลาดเขลาซึ่งเป็นที่ประจักษ์ชัดว่า
ครั้งหนึ่งเคยตกค้างอยู่บนกิ่งก้านของวันเวลาเก่าๆที่ผ่านมาเนิ่นนานแล้ว

.

วันนี้
คุณได้ถอดหน้ากากที่คุณสวมใส่ไว้เพียงเพื่อปกปิดความอ่อนแอ
ที่คุณไม่ต้องการให้ใครได้รับรู้ถึงเหตุผลของมันแล้ว
แม้ว่าจะเกิดจากความไม่ตั้งใจก็ตาม
น่าเสียดาย
ที่คำพูดขอบคุณยังคงเป็นของคนขี้ขลาดซึ่งครั้งนึงคุณเคยครางออกมาว่า
ไม่น่าเลย

ภาพของหญิงสาวที่กำลังเดินผ่านทัศนียภาพไม่รู้จบบนโลกใบนี้ คือคุณในวัยสิบแปดปีที่ยังคงมองเห็นภาพของตัวเองได้ไม่ชัดเจน

.

น้ำเสียงแบบที่แสดงถึงความเคารพและภาคภูมิใจในตัวเองอย่างยิ่งนั้น
ดูช่างเจรจา
เมื่อเราอยู่ใกล้กัน
อะไรคือความสูงส่ง
ห่างเหิน
หลุดลอยจากความธรรมดาสามัญดาษดื่นเท่าที่โลกใบเล็กๆใบนี้เคยมี
ถ้าไม่ใช่คุณ
ก่อนที่เราจะรู้จักกัน
ลักษณะเบ็ดเสร็จเด็ดขาดแบบที่คุณเคยมี
ความเงียบแบบที่ไม่มีใครสามารถอธิบายได้ของคุณ
เกียรติยศในรูปแบบเล็กๆน้อยๆซึ่งคุณเลือกที่จะหยิบยื่นมันให้กับตัวเองในบางครั้งบางครา
คุณคือเรื่องราวแบบที่มีน้ำเสียงภาคภูมิใจในตัวเอง
อะไรคือความสูงส่ง
ห่างเหิน
หลุดลอยจากความธรรมดาสามัญดาษดื่นเท่าที่โลกใบเล็กๆใบนี้เคยมี
ถ้าไม่ใช่คุณ
ก่อนที่เราจะรู้จักกัน

.

หากสิ่งที่ทำให้ข้าอ่อนแอคือความรัก หากสิ่งที่ทำให้ข้าขลาดเขลาคือความศรัทธา ปล่อยให้ข้าหลงใหลต่อรูปกายหยาบที่มีเวลาจำกัดเหล่านั้นเถิด ปล่อยให้ข้าเชื่อมั่นต่อความเป็นไปไม่ได้ทั้งหมดทั้งมวลภายใต้ขีดจำกัดที่พระองค์มอบให้ หากข้าคือตัวแทนของความรักและความอ่อนแอของพระองค์

.

ในฐานะผู้สร้าง พระองค์เคยสงสัยต่อสิ่งที่พระองค์เคยสร้างขึ้นหรือไม่
เป็นไปได้หรือไม่
ที่ปัญญาญาณ
และการหยั่งรู้ของพระองค์
จะเป็นปฏิปักษ์ต่อตัวมันเองและการควบคุม
เฉกเข่นที่ดวงวิญญาณอันศักดิ์สิทธิ์
เป็นปฏิปักษ์ต่อเจตจำนงค์
หรือเจตจำนงค์
ซึ่งทรยศต่อแบบแผนแห่งโชคชะตา

.

พระเจ้า ถ้าความสงสัยเคลือบแคลงในพระองค์คือบาป ก็ขอให้พระองค์รับรู้ไว้เถิดว่า บาปนี้คือเลือดของข้า และเลือดของข้า ไหลเวียนอยู่ในพระประสงค์อันสูงส่งของพระองค์

.

ข้าภาคภูมิใจในความต่ำช้าของตัวเอง เย่อหยิ่งในความขาดพร่อง โอหังแม้ขาดซึ่งพลัง
ไม่มี
ไม่เหมือน
ไม่อาจเปรียบได้
ทั้งหมด ทั้งมวล เหล่านี้...

.

จะไม่เสียใจ แม้ว่า ในท้ายที่สุด การเสียสละที่แลดูไร้เหตุผล (ตามความเห็นของคุณ) จะกลายเป็นความเห็นแก่ตัวชนิดที่คุณไม่มีวันเข้าใจได้ตลอดไปก็ตาม

.

คนที่รู้จักละทิ้งความฝันเพื่อคนอื่น หากพูดว่าเป็นความกล้าหาญอย่างหนึ่ง ก็คงไม่ผิด

.

ถ้าความทะเยอทะยานจะทำให้ตัวตนของเธอเล็กลงบ้าง
นั่นก็คงดีไม่น้อยเลยทีเดียว

.

เมื่อเลิกกันแล้ว มันอาจไม่มีตอนจบ
เพราะเคยชินกับการถูกรักโดยคุณ

.

เด็ดกลีบดอกไม้ แล้วนำมาประกอบใหม่ไม่ได้

.

ความมั่นคงทางอารมณ์แบบที่เธอมี หล่อหลอมขึ้นจากสิ่งใด

.

สิ่งที่ยากที่สุด คงเป็น การเติบโตขึ้นจากอดีตที่เรามิได้เป็นเจ้าของมัน
แต่ไม่รู้ว่า
ความผูกพันและคำสัญญา
คือศัตรูของความเปลี่ยนแปลง

.

เธอว่า ท่าที และความรู้สึกที่บริสุทธิ์เป็นสิ่งที่...
ไม่ว่าผ่านไปนานแค่ไหน ก็ยังเป็นสิ่งที่มากเกินไปสำหรับเธอ

.

ความผิดหวัง เมื่อมองจากจุดซึ่งมีระยะห่างที่มากพอ
ความรัก เมื่อไม่สามารถแยกแยะ
ระหว่างความพึงใจซึ่งสมปรารถนา
กับความผิดหวัง
ที่ยังคงรักษาความรู้สึกซึ่งขาดพร่องเอาไว้ได้เป็นอย่างดี

.

ผู้ใดสามารถต้านทานความเปลี่ยนแปลงอันเป็นนิรันดร์นี้
เพียงแต่ว่าในขณะนั้น (ซึ่งจะว่าไปแล้่ว โดยตัวของมันเอง) ความไม่รู้ ยังคงเป็นปริศนาอย่างหนึ่ง
ของคืนเริ่มต้นฤดูร้อนซึ่งฉันไม่เคยเสียใจ

.

รสหวานซื่อๆของวุ้นไม้ไผ่
เพียงรู้จักรับประทาน
ไม่เท่า รู้จักเวลา

.

เหมือนครั้งหนึ่งที่ปล่อยมือจากปากกา และไม่ยอมลบคำผิดที่เกิดจากความเข้าใจผิดใดๆ
ปรารถนาถอนตัวจากโลก
แต่ยังกำหมัดแน่นไว้ไม่ยอมเปลี่ยนแปลง

.

จะต้องเป็นคุณ เธอย้ำอีกครั้งหนี่ง
รอยยิ้มของคนแปลกหน้า
ซึ่งแตกสลายมาจากข้างใน
จะต้องเป็นคุณอย่างแน่นอน
พลัดหลงเข้าไปในตัวเอง
พลัดหลงกับตัวเอง
พลัดพรากจากกัน

.

ยอมเป็นคนอื่นที่ใครต่างก็รู้จัก
แต่ไม่รู้จักตัวเองแม้สักวินาทีเดียว
โลกที่กว้างใหญ่ใบนี้
ไม่เคยเหมือนตัวเองแม้สักวัน

ฝืนยิ้ม ทั้งที่ยังไม่รู้จักความเบิกบานที่แท้จริง
เลือกรักษาความสัมพันธ์บางอย่างเอาไว้
แม้ว่ามันจะไม่ถูกต้องก็ตาม

ศรัทธาที่ไร้เหตุผลในตัวเอง กำลังทำให้
ความยุ่งยากในการค้นหา
เหตุผลของการมีชีวิตอยู่ต่อไป
ไม่ใช่เรื่องที่ยุ่งยากวุ่นวายมากจนเกินไป

.

หรือแค่รู้สึกไปเอง
หรือแค่อาการเดินเดินหยุดหยุดของความกังวลที่ไม่ทันได้เตรียมตัว

.

แสงพลบค่ำซึ่งเคยปกคลุมคำถามที่แลดูไร้ค่าเอาไว้
บัดนี้
ชีวิตต้องออกเดินทางอีกครั้งหนึ่ง
แม้ว่าการเริ่มต้น
จะไม่สามารถตีความได้ว่า
เป็นการเรียนรู้และเติบโตขึ้นได้เสมอไป

.

ความทรงจำ
เมื่อไม่อาจหลีกหนีไปได้
ความรักความแค้น
แม้ไม่อาจปล่อยวาง
อาการเสแสร้งลืมเลือนมันไป โดยทำเหมือนว่า ไม่มีสิ่งใดเกิดขึ้น
ก็ยังไม่สามารถ
เปลี่ยนแปลงฉากตอน
ที่เคยมีแค่ฉันกับคุณ

รอยยิ้มเช่นนั้น หากแม้ลืมเลือนไม่ได้ ก็ต้องปล่อยไปตามโชคชะตา

.

ตอนที่สารภาพว่าฉันเป็นซ้าย
ฉันควรจะข่มขืนเธอด้วยจิตวิทยาแบบพวกขวาจัด
ซึ่งจะว่าไปแล้ว
ฉันเชี่ยวชาญและช่ำชองเป็นอย่างดี

.

คุณวาดใจกลางมหาสมุทร
ด้วยจุดเล็กๆจุดหนึ่งที่เป็นคุณ
สร้างเส้นปะที่มีแรงต่อเนื่องขนาดมหึมาคุณเขียนส่วนที่ใกล้ชิดกันที่สุด
ของฟ้ากับท้องทะเล
มหาสมุทร
และใจกลาง แก่นกลางของมันและความแปรปรวน
สาดซัดที่ไม่อาจยับยั้งชั่งใจ

คณว่ายข้ามไป
ว่ายไปตลอดเวลา
ข้างหน้าที่ไม่เคยเห็นฝั่ง
คุณพยายามฝ่าข้ามไป

ความมืดปรากฏร่องรอยของมัน
ความกลัวปรากฏร่องรอยของมัน
ความสว่างปรากฏร่องรอยของมัน
ความกล้าและทิศทางปรากฏร่องรอยของมัน

แต่คุณไม่เคยไปถึงไหนเลย
ไม่เคยไปถึงไหนเลย
เช้าที่คุณรู้ว่ามันไม่จริง
และค่ำคืนที่คุณรู้ว่ายังไม่ถึงเช้า

มีแต่คุณ คุณที่รู้ว่ามันจริง
มีแต่คุณ คุณที่รู้ว่ามันไม่จริง
ทุกหน ทุกแห่ง
อันตรายแห่งปะการัง
ลึกสุดหยั่งที่เย้ายวน

คุณวาดใจกลางมหาสมุทร
ด้วยจุดเล็กๆจุดหนึ่งที่เป็นคุณ
สร้างเส้นปะที่มีแรงต่อเนื่องขนาดมหึมา

คุณว่ายไปข้างหน้าพร้อมด้วยส่วนเกินจากการมีอยู่ของคุณอีกคน
ชิ้นส่วนแห่งความชำรุดที่ไม่เคยต้องการ

ลึกเข้าไป
ลึกเข้าไป
ลึกเข้าไป
ลึกเข้าไป
ลึกเข้าไป

ลึกเข้าไปในความตื้นเขินที่คุณไม่อาจเข้าใจตัวเอง
ลึกเข้าไปในตัวเองที่ความตื้นเขินไม่อาจเข้าใจคุณ
ความตื้นเขินที่คุณไม่อาจเข้าใจตัวเอง
ตัวคุณเองที่ความตื้นเขินไม่อาจเข้าใจ
เส้นขอบฟ้ายังคงตั้งอยู่ที่เดิม
ระยะทางยังคงห่างไกลเท่าเดิม

มีแต่คุณที่รู้ว่ามันไม่จริง
มีแต่คุณที่รู้ว่าทำไม

ตีพิมพ์ : Vice Versa vol.2 2017

.

เสียกเรียกจากส่วนลึกที่เธอรู้สึกไม่ไว้วางใจ แต่ไม่อยากยอมแพ้

.

ที่ยื่นมือออกมาอาจไม่ใช่คุณ

อุดมคติสูงส่งต่างล้วนเป็นเรื่องเกินพอสำหรับชีวิตที่เหลือในช่วงต่อมา

ถูกแล้วที่ฉันตัดสินใจบอกคุณ

.

ที่โลกใบนี้ยังสวยงามอยู่ได้ก็เพราะคุณไม่จำเป็นและไม่เคยมีความจำเป็นที่จะต้องแตกหักกับตัวเอง
คุณบอกว่าความรับผิดชอบทำให้คนเราไม่อาจเป็นตัวของตัวเอง

.

น่าเสียดายที่ฉันไม่รู้จักตัวเองมากพอ

.

แท้จริงแล้วครั้งหนึ่งเราเคยใกล้ชิดกันขนาดนั้น

.

จูบที่ค่อยๆกลายเป็นกิจวัตรประจำวันจะยังคงสร้างความกระวนกระวายหนักใจให้กับเธอได้หรือไม่

.

ก็ถูกแล้ว
ในแง่หนึ่ง
ก็คงเป็นเพราะ
เมื่อมีปัญหากับการนิยาม
หรือไม่ก็
สูญเสียความสามารถในการแยกแยะความแตกต่างระหว่าง
ความสามารถในการปรับตัว
เมื่อเปรียบเทียบกันกับ
การปลอมตัว
ซึ่งในท้ายที่สุดแล้ว ก็ไม่แน่นักว่า...
คุณพูด แล้วก็หยุดไป

หรือเป็นผมนั่นเอง
หรือว่าเป็นผมนั่นเอง
ที่ช่วงชิงกล่าวหาและโจมตี

นั่นคือช่วงเวลาเดียวกันกับที่
คุณกำลังเสาะแสวงหาเปลือกที่สัมพันธ์กับเนื้อแท้ด้านใน
แสงที่สัมพันธ์กับเงา

เลือดเนื้อภายใต้
ผิวสัมผัสที่บริสุทธิ์และหมดจดงดงาม

ผมคงต้องขอโทษคุณด้วยจริงๆ
ผมคงต้องขอโทษคุณด้วยจริงๆ

.

ตลอดมา
มันอาจคือคุณ
ผู้เร่ร่อนเซซังไปในความเดียวดาย
ตลอดไป
มันอาจคือฉัน
คนกลุ่มจำพวกที่
ทึกทักเอาว่า
ตนเองนั้นจะไม่ถือโทษโกรธเคืองใดๆกับคุณได้อีก
เอาเข้าจริง ตัวฉันเอง ก็ไม่เคยลงร่องลงรอยกับความความจริงเท็จใดๆได้เลยสักอย่างเดียว
พูดให้ถูก
บางที ตัวฉันเองนั้น
ก็รู้สึกเหมือนกับว่า
ฉันไม่สามารถผลักดันตัวเองได้อีกต่อไป
หรือเป็นแสงเงาให้กับทุกๆด้านของชีวิตของตัวเอง
ชีวิตด้านนอกที่มีแต่มืดคล้ำลงทุกที
ฉันสูญเสียคุณค่าบางอย่างไปในนั้น
จากสิ่งที่ฉันเคยละเลย
หรือจงใจงดเว้นอย่างช่ำชอง
และชีวิตพร่ำบอกกับฉันว่า
ฉันไม่เคยฟังมัน
เสียงของคนนอกรีตที่ผลักดันความโกรธจากการสูญเสียจนกระทั่งไม่สามารถแตกร้าวได้อีกต่อไป
ฉันทำได้ก็เพียงแต่จดจ้องมองย้อนกลับเข้าไป
(ยืนนิ่งไม่ไหวติง หรือไม่อาจก้าวล้ำข้ามผ่าน)
(หรือไม่อาจหันหลังจากลา)
ในสิ่งที่ฉันทำได้ก็เพียงแต่ชื่นชม
และในบางครั้ง ฉันก็บอกกับตัวเองว่า ฉันควรจะพอใจแค่นั้นเอง
ฉันบอกกับตัวเองเสมอมาว่า
ชีวิตมักมีบางสิ่งที่ขาดไป
แต่เมื่อคุณได้มันมา
คุณก็พร้อมจะถูกผลักดันอย่างรุนแรงจากอะไรสักอย่างเพื่อย้อนกลับไปสู่ความสาปสูญและสูญเสียมันอีกครั้งและอีกครั้งนึง
และจะเป็นเช่นนั้นตลอดไป นั่นก็เพราะอาจเป็นความไม่แน่ใจลึกๆต่อภาพฝันที่สุขสมบูรณ์
หรือไม่ชีวิตก็อาจต้องการแยกฉันออกมา
หรือบางทีมันอาจไม่ต้องการให้ฉันปรากฏอยู่ตรงนั้นอีกต่อไป
ชีวิตที่มันรักฉัน เกลียดฉัน และฉันที่หลงรักมัน เกลียดมัน
เหมือนฉันที่รักคุณแต่ไม่เคยตกหลุมรักใคร

.

แน่นอน ผมพูดไม่ได้ว่า ผมรู้จักคุณดีกว่าลิ้นที่มีชีวิตเป็นตัวของมันเอง
หว่างขาซึ่งในบางครั้งพับเก็บบาดแผลรูปดวงตาของคุณเอาไว้

.

เพียงแหงนเงยขึ้นมอง
คุณกลับพบใครบางคน
กำลังแบกทานตัวเอง
หลังไหล่งุ้มงอ
คุณกลับพบดวงตาขี้ขลาด
ฟกช้ำไปด้วยเลือดและหนอง
บาดแผลเหล่านั้น
ไร้ทางออกใดๆ
คุณกลับพบใครบางคน
ยังเป็นคนไม่เต็มคน
ไร้เดียงสา
แต่ไม่อ่อนเยาว์อีกต่อไป
กร้านโลก
แต่ก็ไม่ปราดเปรียว

.

คุณเคยมีบาดแผล แต่ไม่เคยมีแผลเป็น
เพราะคุณหลบเลี่ยงการใช้ชีวิตอยู่กับมัน
คุณหลีกเลี่ยงการใช้ชีวิตอยู่กับการใช้ชีวิต
เพราะความทรงจำทดลองให้คุณเป็นรูปแบบหนึ่งของปัจจุบันขณะที่ยืนยาว

.

ความในใจระหว่างบรรทัดที่กำลังบอกคุณว่า
ความเจ็บปวดไม่ได้เป็นของคุณคนเดียว
ความในใจระหว่างบรรทัดที่กำลังบอกคุณว่า
ความรู้สึกลำพังไม่ได้เป็นของคุณคนเดียว
อุปมาทุบคุณไร้ความปราณี
น่าเสียดายที่ว่า
คุณแข็งแกร่งเกินกว่าจะแหลกสลายลงไป
บอกเขาไปสิว่า อันที่จริงแล้ว เธอเอง
ก็มิได้ชื่นชอบการอ่านหนังสืออย่างเป็นชีวิตจิตใจขนาดนั้นหรอก
แต่ที่เป็นแบบนั้น (หรือเป็นเพราะอะไรนั้น)
เอาเข้าจริงแล้ว คุณเองก็คงคาดเดาได้ไม่ลำบาก
บอกเขาไป บอกเขาไป บอกเขาไป
ว่าหลังจากนั้น จะอ่านอีกเท่าไรก็ไม่เคยพอ
บอกเขาไป บอกเขาไป บอกเขาไป
ว่าหลังจากนั้น เรื่องราวทั้งหมด (ซึ่ง)คลี่คลายกลายเป็นแบบนี้ ก็เพียงเพราะว่า
เป็นคุณเท่านั้นจริงๆ
จนถึงวันนี้ คุณยังอ่านหนังสือของศรีบูรพาอยู่หรือไม่
ความรักที่เกือบจะกลายเป็นการขยับเลื่อนสถานะทางสังคมแบบที่เราเห็นกันเกร่อเกลื่อนนั้น
ถ้าหากเป็นคุณแล้ว

.

กินอ้วกร่วมกับน้องหมา ทะเลาะวิวาทกับสุจริตชน รำลึกคำสาบาน

.

หวังไว้ สักวันหนึ่ง
คุณจะแบกร่างฉันกลับไป
สู่บานประตูที่ไม่เคยไปถึง

.

กาลเวลาที่ไหลเวียนอยู่รอบๆตัวเธอ
มีความสลับซับซ้อนมากกว่าที่อื่นใด

และอย่างที่ผู้คนพูดกันว่า
สิ่งที่ใช้ชีวิตแลกเปลี่ยนไม่ได้

ย่อมไม่มีใครต้องการ

วิญญาณจึงถูก
สับเปลี่ยนกับชีวิต

แต่ไม่อาจหลอมรวม

.

มันน่ากลัวมากที่จะอยู่ข้างในนั้น
คุณอีกคนที่จ้องมองออกมามันช่างยาวนาน


You'll only receive email when they publish something new.

More from Nipon Intarit
All posts